27thApril

27thApril

27thApril

 

August 06,2020

ไตรมาส ๒‘เอสซีจี’กำไรยังเพิ่ม เดินหน้ารักษาเสถียรภาพุรกิจ ชู‘แพคเกจจิ้ง’ดาวเด่นอาเซียน

เอสซีจีลุยศึกไวรัสโควิด-๑๙ มุ่งปรับตัวด้วยความรวดเร็ว และคุมเข้มมาตรการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจเคมิคอลส์ ส่งผลให้ไตรมาสที่ ๒ มีกำไรเพิ่มขึ้น เน้นแผนรักษาเสถียรภาพของธุรกิจระยะยาว พัฒนาโซลูชัน นวัตกรรม ครบวงจร ตอบโจทย์ลูกค้ายุค New Normal ควบคู่ใช้ดิจิทัลดันค้าปลีกออนไลน์ พร้อมชงธุรกิจ แพคเกจจิ้งดาวเด่นเติบโตในตลาดอาเซียน

 

 

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ในไตรมาสที่ ๒ ประจำปี ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขาย ๙๖,๐๑๐ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑๒ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง และลดลงร้อยละ ๙ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ของธุรกิจหลักลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๙,๓๘๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๓ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักที่ดีขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการจัดการการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๕ จากไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ดีขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ เอสซีจีมีรายได้จากการขาย ๒๐๑,๗๕๑ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๙ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๑๖,๓๕๕ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑๓ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๓ โดยครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) ๙๑,๐๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๕ ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ทั้งสิ้น ๘๖,๖๓๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๓ ของยอดขายรวม ลดลงร้อยละ ๒ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีมูลค่า ๗๐๖,๖๕๒ ล้านบาท โดยร้อยละ ๓๖ เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ ๒ และครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้ 

๑.ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขาย ๒๑,๖๓๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการซื้อธุรกิจ และลดลงร้อยละ ๑๑ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการซื้อสินค้าที่ลดลงในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ความต้องการบรรจุภัณฑ์ของสินค้าอุปโภค-บริโภค เเละบรรจุภัณฑ์สำหรับ E-commerce เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด ๑,๙๐๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๔ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐ จากไตรมาสก่อน จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย ๔๕,๙๐๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด ๓,๖๓๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

๒.ธุรกิจเคมิคอลส์ ในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขาย ๓๔,๗๕๘ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๒๔ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ ๙ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๔,๕๖๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕๗ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ธุรกิจเคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย ๗๓,๐๘๗ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๒๑ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๖,๓๔๒  ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๓๔ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงและผลประกอบการของบริษัทร่วมลดลง

๓.ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขาย ๔๒,๕๐๖ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๗ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ ๘ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดลดลงจากมาตรการปิดเมือง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๑,๙๔๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๑๑ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และมีรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๒ และลดลงร้อยละ ๓๐ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมาตรการปิดเมือง ปัจจัยด้านฤดูกาล และขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๓ สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓  ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย ๘๘,๗๕๑ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๖ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดลดลงจากมาตรการปิดเมือง โดยมีกำไรสำหรับงวด ๔,๗๒๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๖ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และในปีก่อนมีรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๒

นายรุ่งโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “ในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ แม้เอสซีจีจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน แต่บริษัทได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุการณ์มีความไม่แน่นอนสูง เพื่อให้สามารถปรับตัวและเตรียมแผนการรองรับได้ทันท่วงที เอสซีจี จึงได้ดำเนินธุรกิจให้มีโฟกัสมากยิ่งขึ้น ทั้งการเตรียมพร้อมรับมือในกรณีที่เกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (Prepare for the Worst) เช่น เตรียมการขาย และการขนส่งล่วงหน้า หากมีการปิดเมือง การวางแผนสำหรับโอกาสทางธุรกิจที่เข้ามาได้ทุกเมื่อ (Plan for The Best) เช่น การปรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ (Digital Transformation) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุด (Optimization Model) ขณะเดียวกันก็ได้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลง และการเติบโตของตลาด ทั้งธุรกิจ e-commerce การสั่งอาหารออนไลน์ และพฤติกรรมบริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขอนามัยเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถส่งมอบนวัตกรรมโซลูชัน สินค้าและบริการ ที่ตอบความต้องการของผู้บริโภค และโอกาสทางการตลาดได้อย่างทันท่วงที จึงทำให้ผลประกอบการของเอสซีจีในไตรมาสที่ ๒ และครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว”

“ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ยังคงแข็งแกร่งและมีศักยภาพที่โดดเด่น อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) อาทิ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. ผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย และ Visy Packaging (Thailand) Limited รวมถึงการวางแผนการลงทุนใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ในเวียดนามที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเติบโต ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้”

สำหรับการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Management)  ธุรกิจได้มุ่งปรับปรุงกระบวนการผลิต ทั้งในประเทศไทย และอาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ที่กำหนดขึ้นสำหรับการ  ดำเนินงานในประเทศที่ธุรกิจประกอบกิจการอยู่ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ตลอดจนลูกค้า และคู่ธุรกิจ รวมถึงการทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจอย่างใกล้ชิด ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ให้คงความน่าเชื่อถือทั้งการจัดหาวัตถุดิบและการจัดการด้านโลจิสติกส์  พร้อมบังคับใช้มาตรการรักษาสุขอนามัยที่เข้มงวด เพื่อให้สามารถนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ส่วนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ SCGP คำขอได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ภายนอกต่างๆ เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจ ภาวะตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ในส่วนของธุรกิจเคมิคอลส์ ได้เร่งดำเนินการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจด้วยมาตรการที่เข้มแข็ง  (Business Continuity Management) เพื่อให้สามารถเดินหน้าการผลิตอย่างเต็มที่ และสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจได้ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ โดยเน้นการดูแลด้านความปลอดภัยของพนักงาน อาทิ  การจัดที่พัก อำนวยความสะดวกในการเดินทาง การจัดกลุ่มและแบ่งสัดส่วนพื้นที่การทำงานของพนักงานในโรงงานอย่างชัดเจน ตลอดจนการควบคุมคุณภาพและความสะอาดของวัตถุดิบและสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทั้งพนักงานและลูกค้า ขณะเดียวกัน เนื่องด้วยธุรกิจมีความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าที่ยืดหยุ่น ทำให้ตอบสนองกับความต้องการที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในตลาดได้ ส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นแม้ในสถานการณ์ที่ผันผวนและท้าทายนี้ และยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้มีสัดส่วนที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ฟื้นตัว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด นอกจากนี้ โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม ก็มีความ   คืบหน้าตามแผน ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า  ร้อยละ ๔๕ 

สำหรับธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยังคงเผชิญกับสภาวะตลาดที่ท้าทาย ธุรกิจจึงได้ปรับตัวด้วยการมุ่งนำเสนอสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร และพัฒนาช่องทางค้าปลีกในรูปแบบ Active Omni-channel ที่เชื่อมต่อช่องทางออนไลน์ SCGHOME.COM กับเครือข่ายร้านค้าของ SCG HOME ทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ลูกค้าสามารถสอบถาม ขอรับคำปรึกษา และเลือกซื้อสินค้าได้ทุกช่องทาง รวมทั้งนำเสนอแพลทฟอร์มเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเจ้าของบ้าน อาทิ คิวช่าง ศูนย์รวมบริการและโซลูชันเกี่ยวกับเรื่องบ้านจากทีมช่างคุณภาพ CON.X บริการงานก่อสร้างครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ รื้อ ซ่อม สร้างและตกแต่ง Design Connext มาร์เก็ตเพลสที่เชื่อมระหว่างนักออกแบบและเจ้าของบ้าน และ dooDeco บริการด้านตกแต่งภายในครบวงจร เป็นต้น นอกจากนี้ ธุรกิจยังให้บริการโซลูชันงานโครงสร้างกับผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ด้านอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ CPAC Smart Structure ด้วยการใช้สินค้าและนวัตกรรมการก่อสร้างที่ดีที่สุด อาทิ เทคโนโลยี BIM (Building Information Modelling) และ AR-VR (Augmented & Virtual Reality) เป็นต้น เข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ในขณะที่การช่วยเหลือสังคมนั้น เอสซีจีเพียงลำพังไม่อาจช่วยเหลือสังคมในกว้างได้ ขอขอบคุณเครือข่าย ๑๒๕ องค์กร ที่ช่วยสนับสนุนจนทำให้สามารถกระจาย ๓๑ นวัตกรรมป้องกันโควิด-๑๙ ไปยังโรงพยาบาลและหน่วยงาน ๘๔๗ แห่งทั่วประเทศ ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อความต้องการของสังคม ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี  สำหรับนวัตกรรมป้องกันโควิด-๑๙ อาทิ  ห้องตรวจ และคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) โดยเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution หุ่นยนต์ส่งอาหารและยาระยะไกล โดยธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และนวัตกรรมป้องกันโควิด-๑๙ แบบเคลื่อนที่ (Mobile Isolation Unit) โดยธุรกิจเคมิคอลส์ รวมทั้งชุดกระดาษอนามัย ถุงซักผ้าละลายน้ำได้ เตียงกระดาษถอดประกอบได้ โดยธุรกิจแพคเกจจิ้ง รวมถึงการซ่อมบำรุงเครื่องช่วยหายใจให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่ได้ร่วมกับบริษัทคูโบต้าและโตโยต้า” 

เอสซีจี ยังได้รับสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ให้ดำเนินการผลิตและติดตั้ง “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” ให้แก่โรงพยาบาล ๒๐ แห่งทั่วประเทศ รวมถึง “นวัตกรรมป้องกันโควิด-๑๙ แบบเคลื่อนที่ (Mobile Isolation Unit)” และ “ห้องคัดกรองและห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Screening & Swab Unit)” สำหรับส่งมอบให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนานำไปช่วยเหลือโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนที่มารับการตรวจรักษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๓๙วันพุธที่ ๕ - วันอังคารที่ ๑๑ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓


697 1342