25thApril

25thApril

25thApril

 

January 18,2022

เนรมิตแลนด์มาร์คโคราช พระบรมราชานุสาวรีย์พระนารายณ์มหาราช

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2565 ที่บริเวณศาลหลักเมืองโคราช เขตเทศบาลนครนครราชสีมา รถแบคโฮหรือรถขุดตักได้เข้ารื้อถอนอาคารพาณิชย์ขนาด 2 ชั้นครึ่ง ที่เหลืออยู่จำนวน 5 คูหา ริมถนนประจักษ์ โดยอาคารเหล่านี้ครบกำหนดสัญญาเช่า 30 ปี จึงถือเป็นทรัพย์สินของวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหารหรือวัดกลางนคร เพื่อเตรียมดำเนินโครงการจัดสร้างลานและฐาน “พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ตามที่กรมศิลปากรเห็นชอบและมีเงื่อนไขสำคัญ เพื่อความสง่างามและสมพระเกียรติห้ามมิให้มีสิ่งปลูกสร้างบดบังอย่างเด็ดขาด

นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า "ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 จังหวัดนครราชสีมาและคณะกรรมการศาลหลักเมืองรวมทั้งวัดพระนารายณ์ได้ขอคืนพื้นที่โดยเข้ารื้อถอนอาคารพาณิชย์บริเวณข้างศาลหลักเมือง จากการตรวจสอบวิศวกรรมโยธาตัวอาคารมีอายุกว่า 50 ปี จึงหมดสภาพการใช้งานและมีอันตรายด้านโครงสร้าง ขณะนี้ขั้นตอนการออกแบบ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสร็จสมบูรณ์ หากชาวโคราชได้เห็นแบบจะภูมิใจมาก ในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมวัดพระนารายณ์ และรูปหล่อองค์พระนารายณ์ออกแบบโดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน รวมทั้งศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์เมืองเก่าโคราช"

"ทั้งนี้ การสร้างแยกเป็น 2 ส่วนคือ โรงหล่อองค์สมเด็จพระนารายณ์ฯ และวัดพระนารายณ์ ฯ ปรับภูมิทัศน์สร้างฐานใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ส่วนศาลหลักเมือง มีแนวคิดยกสูงขึ้นอีกประมาณ 3 เมตร ให้ดูเด่นสง่าพร้อมขยายพื้นที่ให้กว้างเพื่อเชื่อมไปยัง พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้เป็นแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์แห่งใหม่ต่อจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) กำหนดประมาณปี 2566 แล้วเสร็จ ในระหว่างนี้ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ค้นหาประวัติศาสตร์อีกครั้ง เพื่อหาวันและเดือนจัดงาน สถาปนาเมืองนครราชสีมาเป็นกิจกรรมประจำปีคู่งานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ที่จัดขึ้นวันที่ 23 มีนาคม ถือวันที่ 3 เมษายน ของทุกปี ต่อไปโคราชจะมีงานประจำปีเพิ่มอีก" นายวิเชียร กล่าว

อนึ่ง ศาลหลักเมืองนครราชสีมา จัดสร้างขึ้นเมื่อครั้งสร้างเมืองนครราชสีมาระหว่างปี พ.ศ. 2199-2231 ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ยกกองทัพมายึดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ.2369 และได้ทำลายเสาหลักเมือง โดยโค่นล้มเสาหลักเมือง จากการเล่าสู่กันมา นายแก้ว  เพชรโสภณ คนดูแลศาลระบุ เดิมเป็นศาลไม้เล็กๆ มีเสา 6 ต้น ปลูกเป็นโรงเรือน พื้นเป็นดิน หลังคามุงสังกะสี ฝากระดานเกร็ด มีประตู 1 ประตู เสาหลักเมืองถูกแขวนโยงไว้ด้วยเชือกหนัง ทั้งหัวเสาและโคนเสา โดยหันหัวเสาไปทางประตูไชยณรงค์ หรือประตูผี ด้านทิศใต้ ส่วนโคนเสาอยู่ทางทิศเหนือ สภาพภายในค่อนข้างมืดสลัว มีกลิ่นหอมธูปเทียนอบอวล บริเวณหน้าศาลเป็นโคลน มีต้นจันทน์ปลูกเรียงรายตามถนน มีเสาหลักร้อย (เสาหลักแรกของเมืองนครราชสีมา ปักไว้ฝั่งตรงข้ามถนน) เสานี้จะปักไว้ข้างถนนเป็นระยะจนถึงบ้านหลักร้อย ทางทิศตะวันตกของศาลเป็นป่า มีโรงหนัง โรงลิเก คนเมืองนครราชสีมานับถือศาลหลักเมืองนี้มาก คนผ่านไปมาจะต้องกราบไหว้ โดยเฉพาะเกวียนเทียมวัว ถ้าไม่กราบไหว้เกวียนจะติดหล่ม วัวจะล้มลุกเดินไปไม่ได้จนกว่าจะเซ่นไหว้เสียก่อน ในการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ร.ศ.119 ทรงได้ทอดพระเนตรศาลหลักเมือง ทรงจุดเทียนบูชาเทพารักษ์ แล้วเสด็จทรงม้าพระที่นั่งกลับทางประตูชุมพล ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2446 (ร.ศ.122) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาทรงสังเวย ขณะนั้นพระองค์ทรงดำรงพระยศเป็นมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ.2506 ประชาชนพ่อค้า ข้าราชการ ได้ร่วมกันสร้างศาลขึ้นใหม่แทนศาลเดิมซึ่งสร้างด้วยไม้ได้ชำรุดทรุดโทรมลง เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้ทำพิธีอัญเชิญขึ้นศาลใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯมาทำพิธีสังเวย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2506 เวลา 09.30 น. และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 ศาลหลักเมืองจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ที่ถนนจอมพล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา


711 1346