27thApril

27thApril

27thApril

 

September 06,2014

รับสร้างบ้านแข่งเดือด ‘พีดีเฮ้าส์’เจาะตลาดใหม่

 

นายพิศาล  ธรรมวิเศษ

 

 

    พีดีเฮ้าส์ ชี้บรรยากาศตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส ๓ แข่งเดือดแต่จุดไม่ติด แนะผู้ประกอบการเฝ้าระวังและปรับตัวตามภาวะตลาดและกำลังซื้อให้ทัน เน้นสร้างจุดขายแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อหนีสงคราม เผย ๔ เดือนที่เหลือเน้นเจาะตลาดรับสร้างบ้านทำเลใหม่ในต่างจังหวัด หวังชดเชยกำลังซื้อทำเลเดิมชะลอตัว อัดโปรโมชั่นชิงรางวัลเงินสดกว่า ๕ ล้านบาท 

    นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภายหลังท่าทีความขัดแย้งทางการเมืองยุติลง และภาคประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ตลอดจนภาคธุรกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนการค้าขายได้ตามปกติ โดยเฉพาะภาคธุรกิจรับสร้างบ้านที่บรรดาผู้ประกอบการ ซึ่งแข่งขันอยู่ในตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างออกมาโหมจัดกิจกรรมทางการตลาดกันอย่างคึกคักในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่กำลังซื้อชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาส ๔ ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงแรกของการปลุกตลาดและกำลังซื้อนั้น สามารถเรียกกำลังซื้อให้คืนกลับมาได้ดีพอสมควร แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส ๓ กลับพบว่า กำลังซื้อผู้บริโภค โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันกำลังซื้อต่างจังหวัดในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดในภาคเหนือก็ชะลอตัวตามด้วยเช่นกัน
    สถานการณ์ดังกล่าว ประเมินได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศ ที่ยังไม่ฟื้นตัวดังที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ จึงควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และพร้อมปรับตัวตามทิศทางตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภคที่มี สิ่งสำคัญคือ ควรหาแนวทางลดต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมกันนี้ควรหันมาเน้นสร้างจุดขายของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ควรใช้วิธีแอบลอกเลียนแบบคู่แข่งหรือแห่ทำอะไรตามๆ กัน เพราะสุดท้ายเมื่อไม่สร้างความแตกต่าง ก็จะย้อนมาที่จุดขายเดิมๆ และหนีไม่พ้นต้องแข่งขันตัดราคากันเหมือนเช่นที่ผ่านมา 
  

    “ตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำลังซื้อมีความผันผวนพอสมควร ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยืดเยื้อมานานและภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่ชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างออกมาแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้มากนัก โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มกลางถึงบนที่มักเน้นคุณภาพและบริการที่แตกต่างหรือเลือกความคุ้มค่าเป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันราคาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป”
    ในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายเติบโตและถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้บริการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างทำเลกัน หรือการที่ลูกค้าสะดวกติดต่อกับสาขาของพีดีเฮ้าส์ในจังหวัดหนึ่ง แต่ต้องการจะสร้างบ้านอีกจังหวัดหนึ่ง เช่น ลูกค้าทำงานอยู่ประจำและสะดวกติดต่อกับสาขาจังหวัดระยอง แต่ทว่าต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น ฯลฯ เป็นต้น ฉะนั้นการที่บริษัทฯ มีสาขาให้บริการกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถให้บริการสร้างบ้านภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา จึงทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจเลือกสร้างบ้านกับบริษัทฯ ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าที่มีความต้องการสร้างบ้านในลักษณะดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่าคนไทยที่เคยย้ายถิ่นตามสถานที่ประกอบอาชีพปัจจุบัน มีแนวโน้มในอนาคตเริ่มมีความต้องการย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมหรือบ้านเกิดกันมากขึ้น  
  

    นายพิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับระยะเวลาที่เหลืออีก ๔ เดือนเศษในปีนี้ บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าและตลาดรับสร้างบ้านเป็นสำคัญ ทั้งในแง่การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และขยายบริการรับสร้างบ้านให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อจะเจาะกลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อใหม่ๆ ที่คู่แข่งไม่สามารถตอบสนองได้ อาทิ การนำเสนอแบบบ้านในสไตล์ใหม่ๆ ทั้งแบบย้อนยุคและอินเทรนด์ การเลือกระบบก่อสร้างและวัสดุที่เป็นอินโนเวชั่น การขยายสาขาในต่างจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ต้องการเผชิญกับสงครามราคา ที่บรรดาผู้ประกอบการต่างแข่งขันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน 
    “อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เองก็ได้มีการจัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ลูกค้าในช่วงไตรมาสสามนี้ ด้วยแคมเปญมอบโชคลุ้นชิงรางวัลที่ ๑ ส่วนลดเงินสด ๔๐% (สูงสุด ๔ ล้านบาท) จำนวน ๑ รางวัล และรางวัลที่ ๒ ลุ้นรับส่วนลดเงินสด ๔ แสนบาท จำนวน ๒ รางวัล รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกรวมมูลค่ากว่า ๕ ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับแคมเปญนี้ไว้ ๖๐๐ ล้านบาท” นายพิศาล กล่าวสรุป


691 1343