ผู้ถือหุ้น ‘แสนสิริ’ โหวตผ่านแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งใหญ่ จากทุนจดทะเบียนเดิม ๑๑,๖๑๕ ล้านบาท เป็น ๑๙,๘๒๔ ล้านบาท พร้อมออก Warrant (SIRI – W2) หนุนแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ “Engineer for Growth” ที่ต้องการสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการสร้างกำไรเพิ่มมากขึ้น 

นายเศรษฐา ทวีสิน

    เมื่อเร็วๆ นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทขึ้นอีกจำนวน ๘,๒๐๙,๐๓๗,๔๒๒.๙๕ บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน ๑๑,๖๑๔,๕๙๗,๑๑๕.๑๓ บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ ๑๙,๘๒๓,๖๓๔,๕๓๘.๐๘ บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน ๓,๖๑๔,๔๑๑,๑๙๑ หุ้น พร้อมกันนี้บริษัทได้อนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (SIRI-W2) จำนวนไม่เกิน ๓,๖๑๔,๔๑๑,๑๙๑ หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน ๓ หุ้นเดิมต่อ ๑ หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ์ โดยกำหนดใช้สิทธิ์ภายในวันที่ ๗ ตุลาคมนี้ 
     สำหรับผู้ที่ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ ๑ (SIRI-W1) สามารถทำการใช้สิทธิ์เพื่อแปลงเป็นหุ้นสามัญระหว่างวันที่ ๒๓-๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ ในเวลา ๑๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ณ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) สำนักงานใหญ่ เพื่อรับสิทธิ์จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทและรับใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ ๒ (SIRI-W2) ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ 

     “ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เข้าใจถึงสถานการณ์ของการเพิ่มทุนของแสนสิริเป็นอย่างดี เนื่องจากเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากการเพิ่มทุน ไปจนถึงเม็ดเงินที่จะได้รับหลังจากการใช้สิทธิ์ซื้อวอร์แรนท์นั้น จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า ๑๙,๘๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แสนสิริสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขยายฐานการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั่วประเทศได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น ฐานะทางการเงินที่ที่แข็งแกร่งจากการลดสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ ๒.๑๔ เหลือ ๐.๘-๑ เท่าใน ๓ ปีข้างหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรในอนาคต นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นว่าการปรับตัวของแสนสิริในครั้งนี้ จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญที่ทำให้กลุ่มแสนสิริมีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยที่สุดแล้วทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้าของแสนสิริจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้อย่างเต็มที่” นายเศรษฐากล่าว
     นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ขณะที่ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น บริษัทฯ จะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ Engineer for Growth อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากแผนบางส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้เริ่มเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากกำไรในช่วงไตรมาส ๒ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแผนธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเป็นแผนงานในช่วงต่อจากนี้ไปจะทยอยส่งผลให้กำไรของ บริษัทฯ ปรับเพิ่มดีขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม คาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ ๑๐-๑๑ ในปี ๒๕๕๘ หรือในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ตามแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส ๔ อาทิ การเปิดตัวคอนโดฯ ภายใต้แนวคิด Slow Living ในชื่อแบรนด์ “HASU HAUS” (ฮาสุ เฮาส์) และการรุกตลาดแนวราบด้วยการเปิดตัวโครงการ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา” รูปแบบ “L-Shape”