26thApril

26thApril

26thApril

 

October 29,2014

ค้านกฎหมายแร่‘คสช.’ ให้สิทธิ์ผู้ว่าฯอนุญาต นี่หรือคือ‘คืนความสุข’


    หลัง ‘ครม.พลเอกประยุทธ์’ มติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดออกประทานบัตรไม่เกินร้อยไร่ ส่งผลให้เครือข่ายเหมืองแร่ทั่วประเทศออกแรงต้าน หวั่นในอนาคตนายทุนวิ่งเข้าหาผู้ว่าฯ และท้องถิ่น ผลกระทบจะตามมามากมาย ไม่สมกับการ “คืนความสุขให้ประชาชน”

 

   ตามที่เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประชุม ครม. และมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ตามลำดับ โดยร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... เป็นการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยแร่ และกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ทุกฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่หลายประเด็น อาทิ การลดขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตให้สั้นลง ผู้ประกอบการสามารถรับบริการขออนุญาตทำเหมืองแล้วเสร็จในจุดเดียว หรือ One stop service กำหนดอัตราค่าภาคหลวงแร่ใหม่และจัดสรรผลประโยชน์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น 
    นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทและการออกประทานบัตรการทำเหมืองแร่ออกเป็น ๓ ประเภท คือ การทำเหมืองประเภทที่ ๑ ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินหนึ่งร้อยไร่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตจังหวัดที่มีการทำเหมืองเป็นผู้ออกประทานบัตร การทำเหมืองประเภทที่ ๒ ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินหกร้อยยี่สิบห้าไร่ ให้อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เป็นผู้ออกประทานบัตร และการทำเหมืองประเภทที่ ๓ ได้แก่ การทำเหมืองในทะเลการทำเหมืองใต้ดินตามที่กำหนดในหมวด ๕ การทำเหมืองที่ไม่ใช่การทำเหมืองประเภทที่ ๑ หรือการทำเหมืองประเภทที่ ๒ ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ออกประทานบัตร ซึ่งปัจจุบันกฎหมายแร่ไม่ได้มีการแบ่งประเภท และรัฐมนตรีเป็นผู้ออกประทานบัตร


    จากกรณีดังกล่าว มีองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ NGO ที่ทำงานติดตามนโยบายการจัดการทรัพยากรแร่ และปัญหาการทำเหมืองแร่ที่มีผลกระทบต่อชุมชน และองค์กรชาวบ้านในพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ ในนาม "เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรแร่ประเทศไทย" ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านต่อการผ่านร่างกฎหมายแร่ดังกล่าวของ ครม.
    โดยนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน เปิดเผยว่า ตนมีเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการผ่านร่างกฎหมายแร่ของครม. ได้แก่ หนึ่งรัฐบาลประยุทธ์ไม่ควรเร่งรีบฉกฉวยโอกาสผลักดันออกกฎหมายแร่ในขณะนี้ แต่ควรจะมีการประเมินศักยภาพแร่ทั้งประเทศทุกชนิดว่า มีปริมาณเท่าไร อยู่ที่ไหนบ้าง และมีการใช้ประโยชน์อย่างไร แล้วประกาศให้สาธารณะทราบ สองการกระจายอำนาจแบ่งประเภทการออกประทานบัตรตามร่างกฎหมายแร่ฟังเหมือนจะดูดี หากแต่เป็นการกระจายการคอร์รัปชั่นมาสู่ทุกกระบวนการ ซึ่งในอนาคตนายทุนจะวิ่งเข้าหาผู้ว่าฯ เข้าหาท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น สามคือปัญหาการทำเหมืองเรื่องผลประโยชน์ซึ่งประเทศชาติจะได้รับยังไม่มีความชัดเจน 

    “การเร่งรีบผ่านกฎหมายแร่มันไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการเมือง เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังพูดถึงการปฏิรูปการเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อม ผมจึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นให้ผ่าน อย่างน้อยก็ควรให้มีรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนก่อน และให้กฎหมายแร่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับร่างกฎหมาย” นายสุวิทย์ กล่าว 
    นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเครือข่ายเหมืองฯ ก็จะติดตามเนื้อหาของร่างกฎหมายแร่ร่วมกับ คปก. (คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย) และจะมีการคัดค้านการออกกฎหมายแร่ในทุกกระบวนการอย่างต่อเนื่อง กระทั่งการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช.(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ)


    นายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ เลขานุการกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ อ.วังสะพุง จ.เลย กล่าวว่า เดิมทีการทำเหมืองแร่ทั้งหมดก็มีผลกระทบมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะแร่ทองคำ และพิกัดอัตราก็ไม่เป็นธรรม ดังนั้นการที่ครม. มีมติผ่านร่างกฎหมายแร่ ตนจึงเห็นว่าจะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการสามารถขออนุญาตได้เร็วขึ้น ซึ่งปัญหาผลกระทบก็จะมีมากขึ้น สังคมและสิ่งแวดล้อมก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้นตามไปด้วย เหมือนกับที่นี่ที่ทหารกำลังเข้าควบคุมแร่ทองคำเพื่อให้ดำเนินการได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น
    นางสมหมาย หาญเตชะ ประธานกลุ่มคนรักษ์บ้านแหง พื้นที่การขอประทานบัตรเหมืองแร่ลิกไนต์ ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายแร่ ที่ครม.ผ่านความเห็นชอบ โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายข้าราชการ ซึ่งจะทำให้กระบวนการอนุมัติ อนุญาตทำเหมืองง่ายขึ้น และหลบเลี่ยงการทำอีไอเอ (รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม) ทั้งนี้ หากยกตัวอย่างว่ามีการขอทีละ ๑๐๐ ไร่ๆ หลายๆ แปลง โดยผู้ว่าฯ สามารถอนุมัติได้เลยมันก็จะกลายเป็นพันเป็นหมื่นไร่ มีปัญหาผลกระทบตามมามากมาย


    นางมณี บุญรอด กรรมการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ราษฎรในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตซอุดรธานี  ซึ่งเป็นเหมืองใต้ดิน อยู่ระหว่างการยื่นคำขอประทานบัตรทำของผู้ประกอบการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต่างๆ ก็มีสาเหตุมาจากการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ซึ่งปัจจุบันผลกระทบก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข แล้วรัฐบาลยังจะมาผลักดันกฎหมายแร่อีก ซึ่งไม่มีความเป็นธรรมและไม่สมกับคำว่า “จะคืนความสุขให้กับประชาชน” และเมื่อรัฐบาลไม่ฟังเสียงของประชาชน พวกเราก็จะต่อสู้คัดค้านให้ถึงที่สุด 


690 1342