26thApril

26thApril

26thApril

 

November 22,2014

สั่งเฝ้าระวัง“ไข้หวัดนก”ตลอดหนาว ย้ำห้ามชำแหละไก่เป็ดนกป่วยตาย

   จากกรณีที่มีรายงานพบไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๘ (H5N8) ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ มีการทำลายไก่ ๑๕๐,๐๐๐ ตัว และห้ามขนย้ายสัตว์ปีก รวมทั้งไข่ และมูลสัตว์ปีก เป็นเวลา ๗๒ ชั่วโมงนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช ๕ เอ็น ๘ โดยไทยพบเพียงสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ (H5N1) ในช่วงปี ๒๕๔๖-๒๕๔๙ และไม่พบอีกเลยจนถึงขณะนี้ อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้มีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ เนื่องจากหลายพื้นที่อากาศหนาวเย็น และเริ่มมีนกอพยพหนีสภาพอากาศหนาวจากต่างประเทศมาอยู่ไทย อาจนำเชื้อมาแพร่ได้ และในปี ๒๕๕๗ ยังพบผู้ป่วยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
     นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ได้มอบให้กรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด  เฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เน้นหนักจังหวัดที่เคยพบสัตว์ปีกหรือคนติดเชื้อไข้หวัดนก และจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว และไทย–พม่า โดยให้ดำเนินการเฝ้าระวังทั้งในชุมชน และในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว หากพบผู้ป่วยที่มีอาการในข่ายสงสัยให้สอบสวนโรค ซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกทุกราย และเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ส่วนในสัตว์ปีกให้ อสม.ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเฝ้าระวังการป่วย ตายผิดปกติในสัตว์ปีกที่เลี้ยงตามบ้านเรือนและธรรมชาติ หากพบให้เก็บซากสัตว์ปีกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทันทีและแจ้งหน่วยงานสาธารณสุข


     ด้านนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รายงานผลการเฝ้าระวังขององค์การอนามัยโลกซึ่งพบว่า จนถึงปัจจุบันมีเชื้อไข้หวัดนกที่สามารถแพร่เชื้อมายังคนได้ ๗ สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ (H5N1) เอช ๕ เอ็น ๒ (H5N2) เอช ๑๐ เอ็น ๘ (H10 N 8) เอช ๗ เอ็น ๕ (H7N5) เอช ๗ เอ็น ๗ (H7N7) เอช ๗ เอ็น ๙ (H7N9) และเอช ๕ เอ็น ๘ โดยที่รุนแรงที่สุดคือสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ ซึ่งมักทำให้ผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ระบบหายใจล้มเหลว  ขณะนี้ยังพบในประเทศต่างๆทั่วโลกทั้งในคนและสัตว์อย่างต่อเนื่อง ยอดผู้ป่วยยืนยัน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖—๒๕๕๗ มีทั้งหมด ๖๖๘ ราย เสียชีวิต ๓๙๓ ราย ใน ๑๖ ประเทศ เฉพาะในปี ๒๕๕๗ มีรายงานป่วย ๑๙ ราย เสียชีวิต ๘ รายใน ๕ ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน อียิปต์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม
    ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน  ให้ยึดหลักปฏิบัติในการป้องกันโรคไข้หวัดนก ห้ามนำสัตว์ปีกที่ตายแล้วหรือกำลังมีอาการป่วยมาชำแหละเพื่อจำหน่ายหรือรับประทาน หรือนำไปให้สัตว์อื่นกินอย่างเด็ดขาด เนื่องจากหากสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนก ผู้ชำแหละจะติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งได้ หากพบสัตว์ปีกเสียชีวิตผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หากจำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีก ให้สวมถุงมือหรือถุงพลาสติกและล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังจากสัมผัสสัตว์ปีก หากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีกหรือผู้ป่วยปอดบวม ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสโรค หรือแจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรปรึกษาสายด่วนของกรมควบคุมโรค หมายเลข ๑๔๒๒ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง  


683 1343