25thApril

25thApril

25thApril

 

December 22,2014

“บิ๊กจิน-เจ๊เกียว”บี้โลว์คอสต์แอร์ไลน์ เอาสมองส่วนไหนคิด?

   หากใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเป็นประจำ จะสังเกตได้ว่า เวลาที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จะต้องมีบรรดา “ขาประจำ” ออกมาเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐแทบทุกครั้ง

       ไม่เว้นแม้แต่ “เจ๊เกียว” สุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง เจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์ และถือสัมปทานรถเดินรถร่วมกับ บ.ข.ส. มักจะต้องร้องแรกแหกกระเฌอขอขึ้นค่าโดยสารต่อรัฐบาลแทบทุกยุค
    ก่อนหน้านี้อัตราค่าโดยสารประจำทางหมวด ๒ และหมวด ๓ เพิ่งจะขึ้นราคากิโลเมตรละ ๔ สตางค์ โดยมีผลไปเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ หรือเมื่อ ๒ ปีก่อน ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย
    ทำเอาประชาชนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า พร้อมกับงงว่า ตกลงนโยบายพรรคเพื่อไทยที่จะ “กระชากค่าครองชีพ” ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แท้ที่จริงแล้วคือกระชากเงินในกระเป๋าประชาชนอย่างนั้นหรือ?
    แต่เจ๊เกียวกลับมองว่า ขึ้นแค่ ๔ สตางค์ยังน้อยไป มันต้องขึ้นกิโลเมตรละ ๙ สตางค์จึงจะหนำใจ อ้างว่ายังไม่คุ้มกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จึงยังไม่ลดความพยายาม ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรถร่วม บขส. เรียกร้องขอขึ้นค่าโดยสารอีก
    มาถึงยุคที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ก็พบราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งลง จากตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ ๑๐๗ เหรียญสหรัฐฯ มาวันนี้เหลือเพียง ๕๗ เหรียญสหรัฐฯ
    ทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศลดราคาน้ำมันเบนซินลงลิตรละ ๒ บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ ๑ บาท ส่งผลให้เวลานี้ราคาขายปลีกน้ำมัน โดยเฉพาะแก๊สโซฮอลล์ ๙๑ ลดลงเหลือไม่ถึง ๓๐ บาทต่อลิตร
    สังคมต่างถามหาเจ๊เกียวว่าหายหัวไปไหน ปรากฏว่า วานก่อนเจ้าตัวก็โผล่ออกมา 
    แต่ให้คำตอบด้านๆ ว่า ยังไงก็ไม่ลด!

 สุจินดา เชิดชัย


     อ้างว่าค่าโดยสารที่ขึ้นราคาไปเมื่อ ๒ ปีก่อน ราคาน้ำมันดีเซลประมาณ ๒๕ บาทต่อลิตร แต่ที่ผ่านมาเคยขึ้นถึงลิตรละ ๓๐ กว่าบาท รัฐบาลกลับไม่ยอมให้ขึ้นค่าโดยสาร
 ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคมที่ผ่านมา เจ๊เกียวนำผู้ประกอบการรถร่วม บขส. เข้าพบ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จึงนัดหารืออีกครั้งในวันที่ ๒๒ ธันวาคมนี้
 แต่ประเด็นที่น่าสนใจในการหารือก็คือ พล.อ.อ.ประจิน เปิดประเด็นว่า ผู้โดยสารใช้บริการรถประจำทางลดน้อยลง โดยเฉพาะเส้นทางไปยังจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือในบางจังหวัดของภาคอีสาน
 อ้างว่าสาเหตุหลักเนื่องจากมีสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ให้บริการ และมีการทำโปรโมชั่นตั๋วราคาถูก นอกจากนี้ยังมีรถตู้โดยสารมาวิ่งให้บริการ และมีการใช้รถส่วนตัวเดินทางมากขึ้น
 พล.อ.อ.ประจิน อ้างว่า มีบางสายการบินทำโปรโมชั่นราคาตั๋วไปภูเก็ต ๖๕๐ บาทต่อที่นั่ง เท่ากับรถร่วม บขส. ดังนั้น ต้องดูในเรื่องค่าใช้จ่ายขั้นต่ำทั้งค่าดำเนินการ ค่าซ่อมบำรุง ค่าบริการของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ควรเป็นเท่าไร 
 “หากมีการกำหนดค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนขั้นต่ำก็ต้องถามเหตุผล เพราะถือเป็นการลดราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนและทำให้ธุรกิจทั้งของโลว์คอสต์เองและรถโดยสารทางถนนเสียหาย”
    ผมอ่านข่าวนี้แล้วถึงกับอุทานในใจว่า “อะไรวะ...”
       คือแทนที่จะไปไล่บี้เรื่องราคาค่าโดยสารกับเจ๊เกียวและผู้ประกอบการรถร่วม บขส. ในเมื่อราคาน้ำมันลดลงตามที่สังคมเค้าเรียกร้องกัน แต่กลับไปบ้าจี้กับข้อเรียกร้องของบรรดานายทุนสัมปทานเดินรถที่ผูกใจเจ็บแบบหยุมหยิม
 ที่ผ่านมารถร่วม บขส. มักถูกมองว่า ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งสภาพรถไม่พร้อม รถเสียกลางทาง ขับหวาดเสียว ถึงที่หมายช้า บริการไม่สุภาพ ไม่ปลอดภัย ส้วมเหม็น สกปรก หลับใน เกิดอุบัติเหตุ และอีกสารพัด 
 โดยเฉพาะถ้าเป็นบริษัทของเจ๊เกียว ก็ถูกวิจารณ์ในเน็ตบ่อยครั้ง ถึงกับมีกระทู้ในเว็บไซต์   พันทิป “ถ้าคุณแน่...อย่าแพ้เจ๊เกียว” ท้าพิสูจน์ด้วยการเดินทางไปกับรถของกิจการทัวร์ (เจ้าของเดียวกับ เชิดชัยทัวร์ และราชสีมาทัวร์)
 ปรากฏว่า เจอทั้งเบาะที่ปรับที่นั่งไม่ได้ แผงไฟอ่านหนังสือโสโครก ช่องปรับแอร์หายไป คอมเพรชเซอร์แอร์เสียงดัง น้ำแอร์หยดติ๋งๆๆ และอีกสารพัด แถมไปถึงบุรีรัมย์ช้ากว่ากำหนด เป็นที่ขบขันแก่ผู้อ่านยิ่งนัก
 กระทั่งโลว์คอสท์แอร์ไลน์ที่สนามบินดอนเมืองต่างแข่งขันกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สายการบินไทยแอร์เอเชียย้ายมาทำการบินที่สนามบินดอนเมือง ต่างก็อัดโปรโมชั่น BIG SALE เริ่มต้นค่าตั๋วไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น
 ยิ่งมีสายการบินน้องใหม่มาทำการบินอย่างไทยไลอ้อนแอร์ รวมทั้งสายการบินที่บริการเต็มรูปแบบอย่างการบินไทย และบางกอกแอร์เวยส์ต่างลงมาทำสงครามราคา ผู้คนก็ยิ่งนิยมเดินทางโดยเครื่องบินมากขึ้น

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง


       เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ยอมรับความเปลี่ยน แปลงไม่ได้ เจ๊เกียวจึงต้องรวมกลุ่มกันกดดันรัฐมนตรี เพื่อทำตามข้อเรียกร้อง โดยหยิบประเด็นว่า โลว์คอสท์แอร์ไลน์ค่าโดยสารถูกเกินไป ทำให้ถูกแย่งลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะถูกเล่นงานเร็วๆ นี้
 ไม่ต่างอะไรกับกรณีที่สังคมเอือมระอารถแท็กซี่ที่ชอบปฏิเสธผู้โดยสาร อ้างว่ารถแก๊สหมด ไม่ทันส่งกะ และอีกสารพัดเหตุผล พอมันมีแอปพลิเคชั่น “อูเบอร์แท็กซี่” คนแห่ไปใช้บริการ ก็ถูกคนพวกนี้ไล่บี้โดยอ้างว่าเป็นรถผิดกฎหมาย
 สังเกตเห็นเจ๊เกียวมักจะผูกใจเจ็บกับโลว์คอสท์แอร์ไลน์มานาน ครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า หากในอนาคตมีการเปิดทำการบินเส้นทางระยะใกล้ๆ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเดินรถทัวร์ถึง ๔๐๐% ก็ต้องเตรียมตัวเจ๊งไปทำธุรกิจอย่างอื่นแทน
 แสดงว่าไม่เคยเข้าใจธุรกิจโลว์คอสท์แอร์ไลน์ ไม่เข้าใจกลยุทธ์คู่แข่งในวงการเดียวกันว่าเขาทำอย่างไร รวมทั้งไม่เคยมองกิจการเดินรถของตัวเองว่ามีเหตุบกพร่องอย่างไร คนที่เขามีทางเลือกถึงได้มองรถเจ๊เกียวเป็นตัวเลือกสุดท้าย  ที่โลว์คอสท์แอร์ไลน์คิดค่าโดยสารราคาถูกกว่ารถทัวร์ขึ้นมาได้ ก็เพราะยอมแบกรับความเสี่ยงไว้หลายด้าน เช่น ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวผู้โดยสารน้อยจึงคิดราคาถูก ฤดูกาลท่องเที่ยวคิดราคาสูงก็นำมาเฉลี่ยกัน
 คนที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินโลว์คอสท์ราคาโปรโมชั่นขึ้นมาได้ ต้องจองล่วงหน้าตามโปรโมชั่นที่ออกมานานนับปี ไม่ใช่ว่าจะได้ราคานี้ทุกคน มีโควตาเพียงวันละไม่กี่ที่นั่ง หากจองช้าก็ได้ราคาแพงตั้งแต่หลักพันบาทต้นๆ ไปถึง ๔-๕ พันบาท


       ที่สำคัญคนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินคือคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ใช้งานเป็น รู้กติกา มีบัตรเครดิต หรือวิธีชำระเงิน ซึ่งยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าจะซื้อได้อย่างไร หรือบางคนไม่อยากผูกมัดวันเดินทาง ก็ต้องใช้บริการรถทัวร์เหมือนเดิม
    คงไม่อยากอธิบายถึงการออกโปรโมชั่นของแต่ละสายการบินว่าเป็นอย่างไร แต่บอกได้อย่างเดียวว่า โลว์คอสท์แอร์ไลน์เขาคิดราคาโปรโมชั่นกันแบบนี้ทั้งโลก อีกทั้งสายการบินพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติร่วมทุนกับคนไทย
    ถ้าเจ๊เกียวมัวแต่ตีโพยตีพายว่า โลว์คอสท์แอร์ไลน์แย่งลูกค้า แล้วบิ๊กจินกลับบ้าจี้ตาม หันมาเข้มงวดค่าโดยสารโลว์คอสท์แอร์ไลน์โดยอ้างว่าถูกเกินไป แบบนี้นักลงทุนที่ไหนเขาจะมาลงทุน 
    ยิ่งภาครัฐโปรโมตว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคม เจอตรรกะไดโนเสาร์เต่าล้านปีของเศรษฐีรถเมล์กับเจ้ากระทรวงแบบนี้ แทบอยากสบถกันแบบภาษาชาวบ้านว่า “ขายขี้หน้าตายห่า”


       ถ้าเจ๊เกียวยังไม่รู้ว่าจะสู้กับโลว์คอสท์แอร์ไลน์อย่างไร แนะนำให้ไปดู นครชัยแอร์ บริษัทที่ได้ชื่อว่าให้บริการรถประจำทางมาตรฐานที่สุด และถูกยกย่องพูดถึงในสังคมว่า เป็นบริษัทรถทัวร์ที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
 ที่ผ่านมาเขาก็ได้รับผลกระทบจากโลว์คอสท์แอร์ไลน์เหมือนกัน ลูกค้าหายไปประมาณ ๒๐% แต่เขาปรับตัวด้วยการเพิ่มเส้นทางเดินรถอีก ๙ เส้นทาง จัดรถใหม่ สะอาด และปรับจุดจอดรับส่งผู้โดยสารให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
 กลยุทธ์หลักที่นครชัยแอร์มัดใจลูกค้าก็คือ เพิ่มคุณภาพรถ และคุณภาพการให้บริการ ตั้งแต่พนักงานขับรถ พนักงานต้อนรับ การบริการ การซ่อมบำรุงที่รถเสียน้อยมาก รวมทั้งการนำระบบไอทีมาใช้ในการจำหน่ายตั๋วโดยสาร  จากการบอกต่อแบบปากต่อปากของลูกค้า บวกกับกระแสโซเชียลมีเดีย อย่างเช่นคลิปพนักงานน้องเมริษา ทำให้ในขณะนี้มีฐานลูกค้าจากยอดสมาชิกบัตรโกลด์การ์ดถึง ๕ แสนราย  ยิ่งในตอนนี้นครชัยแอร์หันมาใช้วิธีจองตั๋วรถเมล์ล่วงหน้าแบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ เหมือนกับสายการบินชั้นนำ ที่สามารถซื้อตั๋วเก็บไว้ล่วงหน้าได้ ๑ ปี ทำให้ทุกวันนี้ในช่วงเทศกาลรถเมล์ของนครชัยแอร์เต็มทุกเที่ยว
     

       และการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี ๒๕๕๘ ถ้าบขส.อนุญาตให้เอกชนเดินรถเส้นทางระหว่างประเทศไปยังประเทศลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนามได้ นครชัยแอร์จะขอเป็นหนึ่งในนั้น โดยมั่นใจว่ามาตรฐานไม่ด้อยกว่าใคร  ไม่ใช่แค่เพียงนครชัยแอร์ ในภาคเหนือบางบริษัทก็มีการยกระดับการให้บริการเช่นเดียวกัน เช่น บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด หรือกรีนบัส ก็ปรับโฉมรถเมล์ และช่องทางการให้บริการที่มีมาตรฐานมากขึ้น
 โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่า ถึงคนจะขึ้นเครื่องบินไปต่างจังหวัดแทนรถทัวร์มากขึ้น แต่คนที่ไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่น เห็นราคาแพงแล้วก็ต้องมานั่งรถเมล์ก็มี ไม่นับรวมคนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านอินเทอร์เน็ตไม่เป็นยังมีอีกมาก สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการเดินรถควรตระหนักกันในเวลานี้ คือ คุณภาพการให้บริการ เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกใหม่ของผู้บริโภคที่มีอยู่เดิมให้ได้ เพราะทางเลือกในการเดินทางมีมากขึ้น หากจะให้บริการกันแบบเดิมๆ จะอยู่กันลำบาก 
ไม่จำเป็นต้องหรูหราเหมือนนครชัยแอร์ก็ได้ ขอแค่ห้องโดยสารสะอาด พนักงานขายตั๋วและพนักงานบนรถสุภาพเรียบร้อย คนขับรถไม่ขับหวาดเสียว หมั่นเช็กสภาพรถจะได้ไม่เสียกลางทาง ใช้ระบบไอทีช่วยก็แค่นั้นเอง   
 ไม่รู้ว่าผู้ประกอบการเดินรถรายอื่นๆ อ่านแล้วจะคิดกันได้ไหม แทนที่จะไม่คิดปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น เพราะลำพองใจว่า มีนายกสมาคมด้านเหลือล้นทนเหลือเชื่อ เจ๊เกียวคอยแต่โวยวายเพื่อประโยชน์ตัวเอง 
 ก็ควรกลับไปคิดดูว่าทำอย่างไรถึงจะมัดใจผู้บริโภคได้จะดีกว่า
 เพราะผลที่สุดต่อให้ราคาแพงแค่ไหน ประสบการณ์ที่จะมัดใจลูกค้าเป็นสิ่งที่ยัดเยียดกันไม่ได้.

กิตตินันท์ นาคทอง


ฉบับที่ ๒๒๖๕ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ - วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗


695 1346