27thApril

27thApril

27thApril

 

January 28,2015

สปช. ๒๕๐ คนปฏิรูปไม่สำเร็จ เชื่อพลังปชช.เปลี่ยนประเทศได้

   สภาพัฒนาการเมือง เปิดเวทีประชุมสัมมนาทางวิชาการและประชุมคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม สปช.โคราชชี้ สปช. ๒๕๐ คนไม่มีทางปฏิรูปประเทศได้ วิทยากรเชื่อมั่นในพลังประชาชนจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ชนชั้นใดร่างกฎหมายก็เป็นไปเพื่อชนชั้นนั้นและมักละทิ้งประชาชน

เวทีประชุมสัมมนาทางวิชาการและประชุมคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม

    เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ สภาพัฒนาการเมือง จัดเวทีประชุมสัมมนาทางวิชาการและประชุมคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม กลุ่มจังหวัดระดับภูมิภาค อีสาน ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ ณ ไอศยารีสอร์ท อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี  มีผู้เข้าร่วมกว่า ๒๐๐ คน โดยนายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจังหวัดนครราชสีมา ปาฐกถาพิเศษ “การสร้างพลเมืองให้เข้มแข็งสู่การปฏิรูปประเทศไทย” ว่า ตนมีความเชื่อว่า สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. จำนวน ๒๕๐ คนนั้นไม่มีทางปฏิรูปประเทศได้ ต้องมีเสียงประชาชนเป็นหลักในการปฏิรูปประเทศ ยกตัวอย่างแนวโน้มกรรมาธิการพลังงาน มุ่งสร้างความมั่นคงพลังงาน ทิ้งความมั่นคงด้านอาหาร มีเพียงประชาชนที่จะคอยเฝ้ามองตรวจสอบและรวมพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศ 
    จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “การสร้างพลเมืองเข้มแข็ง การเมืองคุณธรรม สู่สังคมที่มีคุณภาพ” โดยนายประยุทธ์ ชุ่มนาเสียว ประธานเครือข่ายวัฒนธรรมชุมชนภาคอีสาน นายปรีดี โชติช่วง อดีตรองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ดำเนินรายการโดยนายพิสิษฐ์ ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง     
    นายประยุทธ์ ชุ่มนาเสียว ประธานเครือข่ายวัฒนธรรมชุมชนภาคอีสาน เปิดเผยว่า คนอีสานมีประวัติศาสตร์การเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงสังคมมานานตั้งแต่กบฏผู้มีบุญเป็นต้นมา อีสานเป็นจุดกำเนิดของนักต่อสู้นิรนามเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยคนที่สามเป็นคนอุบลราชธานี นอกจากนั้นก็มีนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ๑ ใน ๔ อดีตรัฐมนตรีที่ถูกสังหารโหดที่หลักสี่ สถานการณ์ปัจจุบันเป็น ๑/๑๐ ของประชาธิปไตย ต้องอาศัยแม่น้ำมูลเป็นตัวก่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้มีอำนาจจะออกแบบเพื่อปกครองสังคม ใช้วาทกรรมว่าแม่น้ำ ๕ สาย แต่ลืมสายที่หกคือประชาชน เราต้องคุยกันว่าประชาชนจะมีกระบวนการเพื่อที่จะสร้างการดูแลประเทศชาติ เสนอการบริหารจัดการของประชาชนได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ประชาชน” เป็นพื้นฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลง มีคนเชื่อว่าประชาชนเป็นพลังของการเปลี่ยนแปลง ตนก็เชื่อเช่นนั้น ข้อเสนอสำหรับการสร้างพลเมืองเข้มแข็ง การเมืองคุณธรรม สู่สังคมที่มีคุณภาพ คือต้องเร่งส่งเสริม civic education ต้องรวมกลุ่มรวมองค์กร มีผู้เอาการเอางานต่อมวลชน ต้องเปิดโอกาสให้พลเมืองแสดงความคิดเห็นในทุกโอกาส


    นายปรีดี โชติช่วง อดีตรองเลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเมือง กล่าวว่า ไม่ต้องมีการสร้างพลังอะไร เพราะประชาชนมีพลังอยู่แล้วทุกชุมชนในประเทศไทย เหลือแต่มีการจัดการที่ดี แต่เราไม่ได้สนใจดู เราดูแต่ตะวันตก ไม่ได้มองตัวเอง สิ่งที่เราจะต้องเคลื่อนคือเรื่องของตัวเอง ชัยชนะอยู่ที่หมู่บ้าน ไม่ต้องเหินฟ้า ขาลอย พลเมืองอาสานั้นมีจำนวนมากขึ้น ตนเชื่อพลังตรงนี้ในพื้นที่ คำถามในวันนี้คือชนชั้นนำออกแบบเพื่อปกครองประชาชน หรือรับใช้ประชาชน ดูแลคนกลุ่มเขาหรือกลุ่มเรา มีหลายโมเดลเริ่มต้นจากข้างบน ไม่ได้เริ่มจากข้างล่าง อีกจุดที่ต้องสนใจคือเยาวชน ซึ่งตนคิดว่าเราล้มเหลวมากที่สุด เสพสุขเสรีฟุ้งเฟ้อ เวียดนามเที่ยงคืนยังเรียนประวัติศาสตร์นานาชาติ เราเดินห้าง การพัฒนาเยาวชนจึงจำเป็นต้องทำ ประการต่อไปคือ การปรับปรุงพื้นที่หมู่บ้าน ตัวแบบชุมชนจัดการตนเอง สุดท้ายคือกองทุนที่มาทำงาน ต้องมีกองทุนภาคพลเมืองของตนเอง ระดมทุนในพื้นที่ เพราะทุนจากภายนอกก็ต้องทำตามวัตถุประสงค์ของเขาไม่ตอบโจทย์ของพื้นที่
    นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ชี้นักการเมืองจะกลัวคนมีความรู้เพราะจะปกครองไม่ได้ ถ้าชุมชนเข้มแข็งจะกำหนดอนาคตตัวเองได้ สังเกตดูว่า หากการเมืองเข้มแข็งชุมชนจะอ่อนแอ หากชุมชนเข้มแข็งการเมืองจะอ่อนแอ ที่ผ่านมาจะเห็นว่านายกองค์การบริหารท้องถิ่นจะเชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ จะเชื่อนายอำเภอ ไม่เชื่อประชาชน นักการเมืองฉวยโอกาสเป็นโอกาสของนักการเมืองไม่เคยเป็นโอกาสของประชาชน โดยสรุปคือชุมชนเข้มแข็ง การเมืองมีคุณธรรม สังคมมีคุณภาพ


ฉบับที่ ๒๒๗๒ วันจันทร์ที่ ๒๖ - วันเสาร์ที่ ๓๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘


683 1342