20thApril

20thApril

20thApril

 

January 28,2015

ถอดถอนหุ่นเชิด กับการปฏิรูปบ้านเมือง

    การลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ผลปรากฏว่า กรณียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ถอดถอน ๑๙๐ เสียง ไม่ถอดถอน ๑๘ เสียง, กรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ให้ถอดถอน ๑๐๐ เสียง ไม่ถอดถอน ๑๑๕ เสียง ส่วนกรณีนายนิคม ไวยรัชพานิช ให้ถอดถอน ๙๕ เสียง ไม่ถอดถอน ๑๒๐ เสียง
    การถอดถอนจะต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๕ ของจำนวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมด ๒๒๐ คน (ไม่น้อยกว่า ๑๓๒ เสียง) ดังนั้น จึงมีเพียงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงคนเดียวที่ถูกถอดถอน อันมีผลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้เป็นเวลา ๕ ปี

    ๑) ขอแสดงความนับถือต่อการทำหน้าที่อย่างหนักแน่น มั่นคง ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบสำนวนคดี นำโดยอาจารย์วิชา มหาคุณ     
    และขอชื่นชม สนช.ที่ใช้ความกล้าหาญในการลงมติถอดถอน

    ๒) แต่หากพิจารณาผลจากมติข้างต้น ซึ่งมีเพียงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกถอดถอนไปเท่านั้น เป็นเพียงการถอดถอนตัวละครที่มีบทบาท “หุ่นเชิด” ในฝ่ายบริหารเท่านั้น 
    ไม่น่าจะกระเทือน หรือระคายผิวระบอบทักษิณเท่าใดนัก!
    เนื่องจากระบอบทักษิณที่เป็นตัวบ่อนทำลายการเมืองการปกครอง เป็นอุปสรรคสำคัญของการปฏิรูปบ้านเมืองนั้น มีกลไกวิธีการทำงานในลักษณะ “แบ่งงานกันทำ” หรือ “แบ่งหน้าที่ในการทำงานเพื่อทักษิณ” 
    ฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา มีบทบาทรับใช้ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล 
    ที่ผ่านมา เราเห็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา สมยอม รับลูก หรือรับใช้ตามความต้องการของฝ่ายบริหาร เล่นบทบาทสอดประสาน แบ่งหน้าที่ หรือแบ่งงานกันทำกับฝ่ายรัฐบาล เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของระบอบทักษิณ 

    ๓) จะเห็นภาพการรับลูก-แบ่งงานกันทำ ระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติชัดเจนยิ่งขึ้น หากย้อนนึกถึงบทบาทของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา สะท้อนผ่านคลิปเสียงอื้อฉาว ในงานวันเกิดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ ๒๗ มิ.ย. ๒๕๕๕ 
    เปลือยตัวตนรับใช้ระบอบทักษิณ สะท้อนว่ากลไกต่างๆ ล้วนตกอยู่ภายใต้บงการของทักษิณ โดยสามารถใช้บริการทั้งรัฐบาลและรัฐสภา โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการผลักดันร่างกฎหมายปรองดองสุดซอย ล้างผิดคนโกง
    ในคลิปเสียงความยาวกว่า ๒๖ นาทีนั้น นายสมศักดิ์ระบุว่า ตนเองเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยหลายครั้ง เพื่อไปประชุมกับแกนนำพรรคที่เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ -โภคิน พลกุล-จาตุรนต์ ฉายแสง-สุชน ชาลีเครือ เพื่อหารือเรื่องการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ๓ หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง รวมถึงบอกเองด้วยว่า ในการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ที่จะชี้ขาดเรื่องนี้ ทักษิณ ชินวัตร สไกป์มาจากต่างประเทศมายังห้องประชุมเองด้วย สุดท้าย สมศักดิ์จึงไม่ยอมให้มีการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ๓ เป็นการบ่งบอกว่าตนเองช่วยเดินเกม ช่วยคุมเกมให้กับทักษิณ
    “ปรากฏว่าเย็นวันนั้น นายกฯสมชายโทรกลับมาหาผมอีก บอกผมว่าอย่างนี้ครับ บอกว่าท่านทักษิณบอกผมว่าที่ประชุมกรรมการยุทธศาสตร์เห็นอย่างไรให้นำเรียนท่านประธานสมศักดิ์ ถ้าท่านประธานสมศักดิ์เห็นด้วยก็เอาเลย แต่ถ้าท่านประธานสมศักดิ์ไม่เห็นด้วย ให้เอาตามท่านประธานสมศักดิ์ พรรคเพื่อไทย ๑๑๑ กำลังจะโชว์พาว อยากเป็น รมต. กำลังจะโชว์พาว 
    ปรากฏว่านกกระจอกยังไม่ทันจะกินน้ำ โดนน็อคหมดเลยทั้งเข่ง แล้วหลังจากนั้นอีก ๑-๒ ชั่วโมง นายกสมชายโทรมาอีกที ท่านพรุ่งนี้ว่างมั้ย ๑๐.๓๐ อยากประชุมร่วมกรรมการยุทธศาสตร์ ท่านทักษิณจะสไกป์มา ไม่สบายใจอยากพูดเอง ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น ๑๐.๓๐ ในที่ประชุมบรรยากาศคนละเรื่องกับบรรยากาศเมื่อวาน
    เมื่อวานผมโดนรุมกินโต๊ะ แต่วันนี้ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ปรากฏว่าคนทางไกลพูดแทนผมหมดเลย เอาเหตุผลที่ผมล้มล้างความคิดของท่านนั้นแหละ เอาเหตุผลมาล้มล้างกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคทั้งหมด หลังจากนั้นหงอกันหมดเลย”
    หรือแม้แต่กรณีที่นายสมศักดิ์ ประธานรัฐสภา เคยออกมาเปิดประเด็นให้มีการถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติออกไปจากการพิจารณาของสภาฯ ในคลิปเสียงดังกล่าวก็เปิดเผยธาตุแท้ เปลือยเจตนาล่อนจ้อน ว่าแท้ที่จริงเป็นเพียงหมากกลของนายสมศักดิ์ ที่บอกให้ทักษิณสั่งถอยกฎหมายปรองดองเพื่อให้รัฐบาลไปจัดเวทีเสวนาปรองดองทั่วประเทศ เพื่อไปโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนเห็นว่า ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วเอาประชาชนมาเป็นกำแพงปกป้องหนุนหลังทักษิณและรัฐบาลในการออกกฎหมายปรองดอง 
    “เปิดสภา ๑ สิงหานี้ครับ ถอนพ.ร.บ.ปรองดองออกไป แล้วไปประชาเสวนาหาทางออกจริงทั่วประเทศไทยแล้วใช้สื่อของรัฐโหมประโคมความจริงวันนี้ แล้วอาศัยประชาชนเป็นกำแพงพิง เราต้องการความเป็นธรรมใช่ไหม เราเป็นฝ่ายถูกกระทำใช่ไหม เราเป็นฝ่ายไม่ได้รับความชอบธรรมใช่ไหม ก็เอาตรงนี้ไปบอกให้ประชาชนทั้งประเทศเขารู้สิ เขาจะได้เป็นผู้ที่คืนความชอบธรรมให้กับเราไง แล้วประชาชนทั้งประเทศจะเป็นเกราะคุ้มกันให้เราได้อย่างดี สรุปแล้วครับ ทนลำบากมา ๕ ปีแล้ว ลำบากต่ออีกซัก ๖ เดือนจะเป็นอะไรครับ”
    คลิปเสียงนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่า ผู้นำของฝ่ายนิติบัญญัติ สมยอม รับใช้ รับงาน หรือแบ่งงานกันทำกับฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล เพื่อระบอบทักษิณ โดยสะท้อนชัดเจนว่า ทักษิณสามารถกำกับการทำงานทุกอย่างของรัฐบาลเพื่อไทย ทั้งงานบริหารและงานนิติบัญญัติ เพื่อบรรลุผลประโยชน์ของตัวทักษิณเอง คือ การได้นิรโทษกรรม และการได้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างระบบการเมืองรวบอำนาจเบ็ดเสร็จอีกครั้ง
    แถมบางช่วงบางตอนในคลิปเสียง ยังสะท้อนด้วยว่า นายสมศักดิ์ได้จงใจที่จะใช้อำนาจในฐานะประธานรัฐสภาเพื่อโอบอุ้มช่วยเหลือในทางการเมืองแก่ผู้นำรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างว่าเพื่อจะช่วยตัวรัฐบาลพรรคเพื่อไทย บางตอนว่า 
    “ทันทีที่ลงวาระ ๓ ประธานรัฐสภาต้องส่งเรื่องรัฐธรรมนูญให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าภายใน ๒๐ วัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นรู้มั๊ยครับ นายกฯก็จะอยู่ในสภาพที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ เดินหน้าก็ผิด ถอยหลังก็ผิด อยู่เฉยๆ ก็ผิด แล้วมันจะอ้างตรงที่ละเมิดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ลงวาระ ๓ ถือว่าเป็นโมฆะ รัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ นายกฯต้องถอนเรื่องรัฐธรรมนูญออกไป ถ้านำขึ้นทูลเกล้าฯ ถือว่าเป็นเรื่องรบกวนพระยุคลบาท หาว่าไม่จงรักภักดี เจออย่างนี้จะทำอย่างไร”
       
    ๔) การเมืองไทยตกอยู่ในวังวนผลประโยชน์ส่วนตัวของระบอบทักษิณ ก็เพราะระบอบทักษิณสามารถยึดกุมอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา ชักใยให้ใช้อำนาจรัฐกระทำการเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ถึงขนาดละเมิดกฎหมายบ้านเมือง มิได้ตัดสินใจบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
    บทบาทของผู้นำฝ่ายบริหาร นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่า เสมือนเป็น “นายกฯ หุ่นเชิด” เข้าทำนองเดียวกับ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ดังจะเห็นได้ว่า
    นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศใด จะมีนักโทษบินไปเจรจาผลประโยชน์ส่วนตนล่วงหน้า
    ใครอยากได้ตำแหน่ง ก็ต้องไปขอทักษิณ ไม่ใช่ขอยิ่งลักษณ์
    รัฐบาลไม่นำพาต่อปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน มุ่งแต่จะแก้ปัญหาส่วนตัวของนักโทษหลบหนี ออกพาสปอร์ตให้ แถมจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิด จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อมุ่งจะให้ทักษิณได้รับผลประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ ฯลฯ
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทักษิณทำเสมือนหนึ่งเป็น “ซูเปอร์นายกฯ พลัดถิ่น” สามารถบงการได้ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในประเทศไทย
    สไกป์เข้ามาสั่งการในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย หรือสั่งการส.ส.โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายปรองดอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และออกกฎหมายกู้เงิน ๒ ล้านล้านบาท โดยพรรคเพื่อไทยและพวกก็ได้รับไปดำเนินการทันที 
    การลงมติถอดถอนในครั้งนี้ เมื่อมีการถอดถอน เพิกถอนสิทธิทางการเมืองได้แต่เพียงตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตผู้นำฝ่ายบริหาร แต่อดีตผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสองคน ทั้งสมศักดิ์และนิคม ซึ่งเคยปรากฏพฤติกรรมแบ่งงานกันทำ รับส่งลูก เดินเกมช่วยกันโอบอุ้มระบอบทักษิณมาด้วยกัน ไม่ถูกถอดถอน ไม่ถูกเพิกสอนสิทธิทางการเมือง จึงเห็นว่าไม่น่าจะทำให้ระบอบทักษิณได้รับผลกระทบเท่าใดนัก
    ๕) ระบอบทักษิณก็เพียงแต่ “หาหุ่นเชิดตัวใหม่” เข้ามารับบทบาทเดิมของยิ่งลักษณ์
    ส่วนตัวยิ่งลักษณ์ก็อาจจะนำไปอ้างได้เสียอีกว่า อยากทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่ถูกห้าม เรียกคะแนนสงสาร หรือเป็นบันไดลงให้กับตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสภาพเสื่อมราคาทางการเมืองลงไปมากแล้ว
    ตรงกันข้าม หากมีการถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม น่าจะมีผลต่อระบอบทักษิณมากกว่า เพราะถือเป็นตัวละครผู้เคยมีบทบาทในการรับงานไปทำ หรือแบ่งงานไปทำได้อย่างสมบทบาท มีประโยชน์มากกว่า และหาคนมาทำงานแทนยากกว่าหาหุ่นเชิดตัวใหม่แทนยิ่งลักษณ์มากมายนัก

    ๖) ตรงกันข้าม น่าห่วงว่า การที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่ถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม อาจจะถูกนำไปกล่าวอ้างในทางที่สร้างบรรทัดฐานอันต่ำทรามให้กับการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต่อไปอีกด้วย
    พฤติกรรมของประธานรัฐสภา ในลักษณะถึงขนาดปลอมแปลงเอกสาร ยัดไส้ร่างแก้ไขกฎหมาย รวมไปถึงการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ ตัดสิทธิสมาชิกรัฐสภาไม่ให้แปรญัตติและอภิปรายแสดงเหตุผล รวบรัดตัดตอนปิดการประชุม เสียบบัตรแทนกัน ลงมติแทนกัน สส.หนึ่งคนลงมติมากกว่าหนึ่งเสียง ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดชัดเจนว่าเป็นการกระทำมิชอบ อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นยังเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยมิชอบ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียไปในที่สุด จะถูกอ้างว่าสามารถกระทำได้ เพราะกระทำไปแล้วก็ไม่ต้องถูกลงโทษใดๆ เลย อย่างนั้นหรือ? 
    แบบนี้ ย่อมจะเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางของการปฏิรูปบ้านเมืองที่ผิดเพี้ยน นักการเมืองกระทำการเยี่ยงนี้ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดใดๆ เลย อย่างนั้นหรือ? 
    องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมไปถึง คสช.เอง ควรจะตระหนักถึงผลกระทบเหล่านี้ และหาหนทางแก้ไขเพื่อวางบรรทัดฐานที่ถูกต้องของการปฏิรูปต่อไปด้วย

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต


ฉบับที่ ๒๒๗๒ วันจันทร์ที่ ๒๖ - วันเสาร์ที่ ๓๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘


689 1342