January 28,2015
ปลูกผักน้ำน้อยหน้าแล้ง
ชาวบ้านบ้านโคกเพชร ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านร่วม ๑๐๐ หลังคาเรือน พลิกวิกฤติช่วงที่ภาครัฐประกาศงดทำนาปรังเนื่องจากปีนี้มีฝนตกน้อย เนื่อง จากเกรงจะเกิดปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ได้หันมาปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ ผักชี ต้นหอม มะเขือ ฟักทอง และพืชผักอื่นๆ ที่ใช้น้ำน้อย และปลอดสารพิษ ตามทุ่งนาและพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำในหมู่บ้าน โดยใช้มูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น เช่น มูลไก่ สุกร หรือมูลวัวควายใส่เป็นปุ๋ยแทนสารเคมี นำไปวางขายตามตลาดนัด และตลาดถนนคนเดิน โดยแต่ละครัวเรือนมีรายได้จากการปลูกผักขายเฉลี่ยวันละ ๘๐๐-๑,๐๐๐ บาท ซึ่งสามารถเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่น ส่วนน้ำที่ชาวบ้านใช้ในการปลูกผักก็สูบขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำบ้านโคกเพชร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาหล่อเลี้ยง ๓ หมู่บ้าน มีบ้านโคกเพชร บ้านนากลาง และบ้านสว่างงิ้วงาม ในตำบลหนองตาด รวมกว่า ๕๐๐ หลังคาเรือน แต่หากใช้ในการทำนาปรังก็จะไม่เพียงพอผลิตประปา ชาวบ้านจึงหันมาปลูกพืชผักสวนครัวแทน
นางสมพร แสนกล้า บอกว่า ครอบครัวมีที่นาอยู่ทั้งหมด ๙ ไร่ หลังเสร็จจากการทำนาก็ได้ปรับพื้นที่นาหันมาปลูกผักสวนครัวประมาณ ๕ ไร่ เนื่องจากเกรงว่าหากทำนาปรังน้ำในอ่างเก็บน้ำบ้านโคกเพชรที่ใช้ผลิตประปาร่วมกัน ๓ หมู่บ้าน จะไม่เพียงพอผลิตประปา โดยแต่ละวันจะเก็บผักที่ปลูกไว้ให้ลูกหลานไปวางขายตามตลาด โดยผักที่ปลูกเป็นผักปลอดสารพิษเพราะใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดบางวันไม่พอขาย
ด้านนายณรงค์ พรมประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ประชากรในหมู่บ้านมีทั้งหมด ๑๙๖ ครัวเรือน ในจำนวนนี้ปลูกผักสวนครัวเกือบ ๑๐๐ ครัวเรือน ซึ่งนอกจากเก็บไว้บริโภคในครัวเรือนแล้วยังนำไปขายตามตลาดมีรายได้เลี้ยงครอบครัวในช่วงหน้าแล้งได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปทำงานนอกพื้นที่ ส่วนเรื่องตลาดก็ไม่มีปัญหาเพราะผักที่ชาวบ้านปลูกเป็นผักปลอดสารพิษ ทำให้ตลาดมีความต้องการ
การไม่นิ่งดูดาย หรือนิ่งเฉย ทำให้ประสบความสำเร็จครับ
สีรอย คันหลาย
ฉบับที่ ๒๒๗๒ วันจันทร์ที่ ๒๖ - วันเสาร์ที่ ๓๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
691 1344