27thApril

27thApril

27thApril

 

April 02,2015

ซื้อบ้าน ๔๐ บ.เสียว ไม่ได้โฉนดที่ดิน ขาดทุนสาหัส ๑๘๖ ล.

   ‘สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช’ ยังเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง ๖๐๐ กว่าล้าน คนจนร้องรับรองงบดุลขาดทุนอย่างมีพิรุธ ๑๘๖ ล้าน วอนผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือสมาชิก หวั่นโครงการบ้านวันละ ๔๐ บาทไม่ได้โฉนดที่ดิน ล่าสุดสหกรณ์จังหวัดสั่งแก้ไขบกพร่องหลายรายการ ด้านกรรมการชุดใหม่ชี้แจง  

นายประสิทธิ์  ป้อกระโทก

    กรณีสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด (The Korat Housing Cooperative.,ltd.) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักออม รวมทั้งจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับสมาชิกที่มีรายได้น้อย ด้วยการออมเงินวันละ ๔๐ บาท ก็สามารถมีบ้านอยู่ได้ การดำเนินงานในระยะแรกไม่มีปัญหา แต่แล้วก็เริ่มขาดสภาพคล่องภายหลังการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายประวิง (น้อย) รอดทะเล อดีตกรรมการบริหาร ซึ่งเป็นผู้ให้แนวคิดดำเนินโครงการ “บ้านออม วันละ ๔๐ บาท” จากการบริหารจัดการสหกรณ์ฯ ทำให้ขาดทุน ๑๐๐ กว่าล้านบาท อีกทั้งที่ผ่านมาได้กู้เงิน ๔๐๐ กว่าล้านบาท และรับเงินฝาก ๑๙๒ ล้านบาท จากสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีเงินหมุนเวียนในลำดับต้นของประเทศ พร้อมทั้งขอสนับสนุนเงินฝากจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด อีกจำนวน ๓๕ ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถผ่อนชำระได้ต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกกลุ่มหนึ่งร้องเรียนถึงการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส หวั่นเกรงว่าจะไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ภายหลังสมาชิกขยายเพิ่มจำนวน ๔,๓๑๗ คน ตามที่ ‘โคราชคนอีสาน’ นำเสนอข่าวแล้วนั้น  


รับรองงบดุลขาดทุนมีพิรุธ?
    วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “คนจน (ประสิทธิ์ ป้อกระโทก)” โพสต์ข้อความร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊ก Koratdaily โดยระบุว่า “วอนท่านเป็นกระบอกเสียงให้สหกรณ์บ้าน ๔๐ บาท เรื่องความเสียหายนับ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เกี่ยวข้องกับการรับรองงบดุลแบบไม่โปร่งใสของสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัด อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ โดยในปี ๒๕๕๖ ขาดทุน ๑๘๖,๐๐๐,๐๐๐ บาทอย่างพิรุธ รวมไปถึงเงินสหกรณ์ ๔๐ บาทที่นำไปฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านมั่นคงไทย-จังโหลน จำกัด จำนวน ๓๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยขัดต่อข้อบังคับของสหกรณ์ฯ เป็นความประมาทของคณะกรรมการ หรือกรมส่งเสริมสหกรณ์ เรื่องนี้ต้องขยายเพราะสมาชิกเดือดร้อนร่วม ๔,๐๐๐ คน ส่วนเรื่องคดีความเกือบ ๒ ปียังไม่มีความคืบหน้า ประธานคนใหม่และเก่าต่างก็มีความสัมพันธ์กัน ทั้งยังมีการซุกซ่อนบัญชีเงินฝากของสหกรณ์ฯ โดยมีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท แต่สมุดเงินฝากของสหกรณ์ฯ หายล่องหน วอนท่านผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ผ่านสื่อขอความอนุเคราะห์เตรียมพนักงานสอบสวนเฉพาะทางเกี่ยวกับกฎหมายสหกรณ์ไว้ให้สมาชิกด้วย ในนามสหกรณ์ ๔๐ บาท ขอขอบพระคุณท่านล่วงหน้าครับ” 

 

วอนผู้ว่าฯช่วยเหลือสมาชิก
    ต่อมาวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ นายประสิทธิ์ ป้อกระโทก เข้าชี้แจงต่อ ‘โคราชคนอีสาน’ พร้อมเอกสารหลักฐานว่า ปัจจุบันสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด มีคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน ๑๕ คนบริหารงานอยู่ โดยมีนายธีระวัฒน์ บุญอยู่ เป็นประธานกรรมการ หลังจากได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ สำหรับตนนั้นได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกให้เป็นผู้ตรวจสอบกิจการ จากที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ฯ พบการทุจริตต่อสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยนายธีระวัฒน์ บุญอยู่ ประธานกรรมการคนปัจจุบัน ได้ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ จำนวน ๖๑๑,๒๐๐ บาท ต่อมาตนจึงทำหนังสือขอตรวจสอบเอกสารการทุจริตในสหกรณ์แห่งนี้อีกหลายรายการ แต่ได้รับการปฏิเสธจากประธานฯ ทำให้ต้องยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบเอกสารความเสียหายได้ และภายหลังได้ปรึกษาต่อคณะกรรมการและสมาชิกบางส่วน จึงได้ข้อสรุปว่า ให้ตนปฏิบัติงานในฐานะผู้ตรวจสอบกิจการต่อไป ต่อมาวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ที่สภ.เมืองนครราชสีมา โดยพนักงานสอบสวนได้ร้องขอเอกสารเพิ่มเติม จึงเดินทางมาขอเอกสารดังกล่าวที่สำนักงานสหกรณ์ฯ แต่ถูกประธานและคณะกรรมการของสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราชปฏิเสธ โดยบอกว่าตนได้พ้นจากตำแหน่งแล้วตามหนังสือลาออก
    “ในวันเดียวกัน (๒๗ มี.ค. ๕๘) ตนยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราช สีมา (นายธงชัย ลืออดุลย์) ช่วยเหลือสมาชิก โดยมีคำสั่งให้นายทะเบียนสหกรณ์จังหวัดวินิจฉัย เรื่องการยื่นหนังสือลาออกของตนด้วยว่าได้พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจสอบกิจการหรือไม่ และหากปล่อยให้คณะกรรมการฯ กลุ่มนี้บริหารสหกรณ์ฯ ต่อไป เกรงว่าจะสร้างความเสียหายให้กับสหกรณ์ฯ และสมาชิกได้ ที่สำคัญคือ คณะกรรมการฯ ได้ทำผิดตามข้อบังคับที่ ๗๙, ๘๐ และ ๘๒ ของสหกรณ์ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงของให้นายทะเบียนพิจารณาถอดถอนกรรมการฯ ทั้งคณะ ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๒ (๔)” นายประสิทธิ์ กล่าว 


นายธีระวัฒน์  บุญอยู่

ขาดสภาพคล่อง ๖๐๐ กว่าล้าน
    สำหรับผลการดำเนินงานของสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ขาดสภาพคล่อง ๖๐๐ กว่าล้านบาท โดยมีทุนเรือนหุ้นเพียง ๗-๙ ล้านบาท จากปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของอดีตคณะกรรมการ ทำให้สมาชิกขาดความเชื่อมั่น โดยมีรายได้จากการส่งเงินออมรวมกับการผ่อนชำระบ้านของสมาชิก เฉลี่ยเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐-๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงส่งผลกระทบต่อรายได้และรายจ่ายที่ไม่เพียงพอกับหนี้สินจำนวนมาก ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านให้สมาชิกที่มีรายได้น้อยตามวัตถุประสงค์นั้น ดำเนินการแล้วเสร็จ ๓ โครงการ คือ โครงการที่ ๑ ต.หนองระเวียง, โครงการที่ ๒ และ ๓ ที่ ต.หนองบัวศาลา จำนวน ๖๐๐ กว่าหลัง ขณะที่โครงการที่ ๔ ตั้งอยู่บ้านบึงสาร ต.มะเริง จำนวน ๑๕๘ หลัง เหลืออีกประมาณ ๔๐-๕๐ หลังยังติดปัญหาเรื่องการขาดทุนดำเนินการก่อสร้างและวางระบบสาธารณูปโภค ทำให้ภาพรวมโครงการบ้านออม วันละ ๔๐ บาท สมาชิกของสหกรณ์ฯ จำนวน ๔,๐๐๐ กว่าคนยังไม่ได้บ้านอยู่อาศัย จากสมาชิกปัจจุบันทั้งหมดกว่า ๔,๑๐๐ คน 

 

กลัวออมบ้านไม่ได้โฉนดที่ดิน
    นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่สมาชิกวิตกกังวลว่าจะไม่ได้โฉนดที่ดิน จากการเป็นสมาชิกออมบ้านวันละ ๔๐ บาท เพราะตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าว เมื่อได้เงินกู้มาซื้อที่ดินก็ไม่ได้คำนึงถึงการจัดสรรที่ดินให้ถูกต้อง เพื่อทำการแบ่งโฉนดบ้านพร้อมที่ดินแต่ละหลัง และทั้ง ๔ โครงการที่ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วนั้นก็ยังเป็นหนี้เงินกู้และเงินฝาก ที่นำมาสนับสนุนการสร้างบ้าน โดยเฉพาะแหล่งเงินกู้รายใหญ่จากสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำกัด, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด และการขายฝากทรัพย์สิน เป็นต้น ส่วนราคาบ้านที่ขายให้กับสมาชิกนั้น หลังละ ๕๗๐,๐๐๐-๕๙๐,๐๐๐ บาท นับว่าเป็นราคาที่ขาดทุนอย่างมาก เพราะราคาประเมินบ้านที่ก่อสร้างเฉลี่ยหลังละ ๙๕๐,๐๐๐-๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท 

 

เสียหาย ๑๐๐ กว่าล้าน
    ต่อข้อซักถามถึงการตรวจสอบพบการทุจริตภายในสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด นายประสิทธิ์ ระบุว่า นับตั้งแต่ปีการบัญชี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ พบความเสียหาย ๑๐๐ กว่าล้านบาท อาทิ (๑) เบิกเงินค่าก่อสร้างบ้าน ๕ หลังซ้ำซ้อน ในโครงการ ๓, ๔ พบว่า ในปี ๒๕๕๕ มีการเบิกเงินซ้ำซ้อน ๒ ครั้ง และปี ๒๕๕๖ เบิกเงินซ้ำซ้อนอีกถึง ๓ ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ ๘.๕ ล้านบาท (๒) เบิกเงินค่าก่อสร้างบ้านเป็นค่าที่ดินเปล่า ในโครงการที่ ๔ (๓) งบการเงินพบความผิดปกติระบุเป็นค่าเสื่อมราคา ในรายการเช่ารถยนต์ (๔) การเช่าซื้อรถยนต์จำนวนหลายคันเพื่อใช้ในกิจการของสหกรณ์ฯ แต่ภายหลังกลับเป็นรายการเช่ารถยนต์ให้กับพนักงานและคณะกรรมการฯ ของสหกรณ์ (๕) ในงบดุลไม่ปรากฏรายการใบสำคัญรับ-จ่ายเงิน เพื่อแสดงเป็นเอกสารหลักฐานทางบัญชี (๖) เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พบว่า มีเงินจำนวน ๒๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท จากสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำกัด โอนเข้าบัญชีสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด จากนั้นมีการเบิกเงินจำนวนดังกล่าวมา ๒๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งยังพบอีกว่าในวันเดียวกันมีการโอนเงินให้กับบุคคลภายนอก ๑๕ ล้านบาท, การนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาเกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด จำนวน ๕ ล้านบาท และนำเงินอีก ๒ ล้านบาท ฝากเข้าบัญชีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านมั่งคงไทย-จังโหลน จำกัด (๘) กรณีนำเงิน ๓๗ ล้านบาทไปฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านมั่งคงไทย-จังโหลน จำกัด เป็นต้น 

 

สั่งกรรมการแก้ไขข้อบกพร่อง
    ต่อเรื่องนี้นายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์กับ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า เมื่อวันที่ ๓ มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ลงนามในหนังสือ ที่ นม ๐๐๑๐/๘๘๗ เรื่อง ให้คณะกรรมการสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัดดำเนินการสหกรณ์แก้ไขข้อบกพร่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ (๑) แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ที่อ้างถึงคำสั่งฯ แต่งตั้งให้สหกรณ์จังหวัดเป็นรองนายทะเบียนสหกรณ์ และได้มอบอำนาจให้ปฏิบัติการแทนนายทะเบียนสหกรณ์นั้น โดยให้คณะกรรมการฯ แก้ไขข้อบกพร่องตามวีการและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแบบรายงานการแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์ฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้แล้ว ดังนี้
ต้องยื่นจัดสรรที่ดินทุกโครงการ
    ๑. สหกรณ์ไม่ได้มีการจัดสรรที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน และสหกรณ์ได้นำโฉนดที่ดินตามโครงการ ๑, ๒ และ ๓ ไปค้ำประกันเงินกู้ประมาณ ๔๐๐ ล้านบาท และนายทะเบียนสหกรณ์ได้แจ้งให้สหกรณ์ฯ ชี้แจงการดำเนินงาน ตามหนังสือที่ นม ๐๐๑๐/๒๐๙ ลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๖ และสหกรณ์ได้ชี้แจงผลต่อนายทะเบียนสหกรณ์ ตามหนังสือที่ ๕๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยนายประวิง รอดทะเล ได้รับรองว่าจะดำเนินการยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดิน แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่าสหกรณ์ได้ดำเนินการแก้ไขแต่อย่างใด โดยเฉพาะการยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดิน ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกได้รับความเสียหาย แสดงว่าคณะกรรมการฯ จงใจฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และขัดข้อบังคับของสหกรณ์ ข้อ ๗๙ และข้อ ๘๐ จึงให้สหกรณ์ฯ ดำเนินการยื่นขออนุญาตแบ่งแยกที่ดินของโครงการทุกโครงการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่สมาชิกผู้ซื้อบ้านได้ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ 
ปลอมแปลงเบิก-รับเงินก่อสร้าง
    ๒. การตรวจสอบเอกสารการรับเหมาก่อ สร้างบ้าน จากการตรวจสอบได้เชิญผู้รับเหมาก่อสร้างที่ปรากฏชื่อเป็นผู้รับเหมา ได้มาบันทึกถ้อยคำว่า มีผู้รับเหมา ๕ ราย และแจ้งว่าไม่เคยรับเงินสหกรณ์ คือ (๑) นายวิทยา ศรีประเสริฐ สัญญาเลขที่ สค. (กส.) ค.๔/๕๕-๐๒๔ จำนวนเงิน ๑,๗๕๐,๐๐๐ บาท หมายเลขหลังที่ ๗๑-๗๕ โดยนายประวิง รอดทะเล เป็นผู้ลงนามแทนสหกรณ์ พบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารเอกสารรับเงิน ๑๐ ครั้ง ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (๒) นายสมชาย คำเกาะ สัญญาเลขที่ สค. (กส.) ค.๔/๕๕-๐๒๕ จำนวนเงิน ๑,๗๕๐,๐๐๐ บาท หมายเลขหลังที่ ๗๖-๘๐ โดยนายประวิง รอดทะเล เป็นผู้ลงนามแทนสหกรณ์ พบ่วา มีการปลอมแปลงเอกสารรับเงิน ๑๐ ครั้ง ซึ่งได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (๓) นางสมมารถ คำเกาะ สัญญาเลขที่ สค. (กส.) ค.๔/๕๕-๐๒๖ จำนวนเงิน ๑,๗๕๐,๐๐๐ บาท หมายเลขหลังที่ ๘๑-๘๕ โดยนายประวิง รอดทะเล เป็นผู้ลงนามแทนสหกรณ์ พบว่า มีการแปลอมแปลงเอกสารรับเงิน ๑๒ ครั้ง ซึ่งได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (๔) นายวีรยุทธ ชอบสวย สัญญาเลขที่ สค. (กส.) ค.๔/๕๕-๐๑๙ จำนวนเงิน ๑,๗๕๐,๐๐๐ บาท หมายเลขหลังที่ ๔๖-๕๐ โดยนายประวิง รอดทะเล เป็นผู้ลงนามแทนสหกรณ์ พบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารการรับเงิน ๑๓ ครั้ง (๕) นายสมคิด พันธุ์เครือ สัญญาเลขที่ สค. (กส.) ค.๔/๕๔-๐๒๘ จำนวนเงิน ๑,๗๕๐,๐๐๐ บาท หมายเลขหลังที่ ๙๑-๙๕ โดยนายประวิง รอดทะเล เป็นผู้ลงนามแทนสหกรณ์ พบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารการับเงิน ๑๐ ครั้ง โดยทั้ง ๕ สัญญามีคณะกรรมการตรวจสอบงวดงาน ๔ คน ได้แก่ นายประวิง รอดทะเล, นายวุฒิชัย ศรีพระจันทร์, นางพัสวี เหวจะบก และนายสุเมท สาระไชย ซึ่งเป็นการขัดต่อข้อบังคับของสหกรณ์ข้อ ๗๙ และข้อ ๘๐ มูลค่าความเสียหาย ๘,๗๕๐,๐๐๐ บาท  
    ๓. ตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างบ้าน ในปีบัญชี ๒๕๕๕ มีการเบิกเงินค่าก่อสร้างบ้านจำนวน ๔๕ หลัง โดยเบิกเงินทั้งหมดแล้ว ๔๕ หลัง และการเบิกเงินดังกล่าวมีงานก่อสร้างไม่เสร็จ ๒๖ หลัง ได้แก่ หลังที่ ๑๓-๒๐, ๒๕-๓๒ และ ๓๔-๒ ในปีบัญชี ๒๕๕๖ มีการเบิกเงินค่าก่อสร้างบ้านเต็มจำนวน ๕๐ หลัง และเบิกเงินดังกล่าวมีงานก่อสร้างไม่เสร็จ ๙ หลัง ได้แก่ หลังที่ ๖๑-๖๖, ๘๐-๘๒ และการเบิกเงินค่าก่อสร้างบ้านที่ยังไม่แล้วเสร็จดังกล่าว มีนายประวิง รอดทะเล, นายวุฒิชัย ศรีพระจันทร์, นางพัสวี เหวจะบก และนายสุเมท สาระไชย เป็นผู้รับรองและตรวจสอบงวดงาน ซึ่งเป็นการปฏิบัติขัดต่อข้อบังคับของสหกรณ์ ข้อ ๗๙ และข้อ ๘๐ จึงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปความเสียหาย โดยดำเนินการหาผู้กระทำการเพื่อชดใช้ค่าเสียหายแก่สหกรณ์ฯ และร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ และรายงานผลความก้าวหน้าต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ ทุกเดือน จนกว่าจะแล้วเสร็จ   
ใช้โกดังข้าวไม่มีเงินเข้าสหกรณ์
    ๔. ตามที่สหกรณ์ฯ ได้สมัครเข้าร่วมโครงการแทรกแซงราคาข้าวเปลือกนาปี ๒๕๕๕/๒๕๕๖ เพื่อเป็นโกดังเก็บรักษาข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า และสหกรณ์ฯ ได้รับเช็ค แล้วนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเกษตรวิสัย เลขที่ ๔๘๒-๐-๖๗๖๔๒-๙ จำนวน ๗๐๖,๗๗๙ บาท แต่ไม่มีการนำเข้าเป็นรายได้ของสหกรณ์ฯ นั้น ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและส่งสำเนาสมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพดังกล่าวและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งรายงานให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมาทราบภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ๕. คณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวน นายกำแหง อติโพธิ และมีมติว่า นายกำแหงฯ ได้กระทำความผิดตามข้อ ๕๓ (๔) ของระเบียบสหกรณ์ฯ ว่าด้วยเจ้าหน้าที่และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๖ ความผิดคือโทษให้ออก ไม่มีระเบียบข้อใดให้อำนาจคณะกรรมการสอบสวน ลดโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด แต่คณะกรรมการสอบสวนได้มีมติให้ลดโทษ และลงโทษนายกำแหงฯ โดยตัดเงินเดือนร้อยละ ๒๐ เป็นเวลา ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้ทบทวนมติคณะกรรมการสอบสวนให้เป็นไปตามระเบียบของสหกรณ์ฯ ว่าด้วยเจ้าหน้าที่และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้วรายงานให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมาทราบ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ 
สมาชิกร้องซื้อที่ดินสูงเกินจริง
    ๖. การซื้อที่ดินที่อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน ๒๗ ไร่ ๑๕ ๔/๑๐ ตารางวา ในราคา ๒๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท มีสมาชิกร้องเรียนว่าราคาสูงเกินไปและไม่มีความจำเป็นต่อสมาชิกนั้น จึงให้ดำเนินการขอใบประเมินราคาที่ดินดังกล่าวจากสำนักงานที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด ว่าราคาไร่ละเท่าไร และขอทราบราคาซื้อขายที่ดินบริเวณใกล้เคียงจากส่วนราชการ หรือองค์การบริหารตำบล และชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการซื้อที่ดินดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมาทราบ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ๗. การปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ๗.๑ กรณีสมาชิกที่ขาดส่งชำระค่าหุ้นรายเดือน ตามข้อบังคับ ๖ (๒) ให้ตรวจสอบสมาชิกว่ามีรายใดไม่ปฏิบัติตาม ๗.๒ กรณีสมาชิกไม่มีการซื้อบ้านและที่ดิน ตามข้อบังคับข้อ ๔๐ (๒) ให้ตรวจสอบสมาชิกรายใดไม่ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบแล้วให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้เป็นไปตามข้อบังคับสหกรณ์ ข้อ ๔๘ แล้วรายงานให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมาทราบ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
สอบอดีตปธ.ซื้อที่ดิน ๓ แปลง
    ๘. การซื้อที่ดิน ๓ แปลง ผู้ซื้อที่ดินคือ สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด โดยนายสนิท คำสิงห์นอก อดีตประธานกรรมการสมัยที่ผ่านมา ผู้ขาย คือ นายสนิท คำสิงห์นอก ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ พบว่า มีการซื้อขายที่ดิน ดังนี้ (๑) โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๖๘๘๙ เนื้อที่ ๒๔/๒/๘๘ ไร่ ลักษณะเป็นที่นา ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดไทร ต.ตลาดไทร อ.ประทาย จ.นครราชสีมา โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาประทาย ประเมินราคาที่ดิน ๗๗๓,๐๔๐ บาท สหกรณ์ฯ ซื้อที่ดินจากนางอุบล โพยนอก ในราคา ๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยนางอุบลฯ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้สหกรณ์ฯ ในวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ (๒) โฉนดที่ดิน เลขที่ ๓๐๘๕๖ เนื้อที่ ๒๐/๒/๗๒ ไร่ นายณรงค์ ทุยไธสง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินตั้งอยู่หมู่ ๒ ต.ตลาดไทร อ.ประทาย จ.นครราชสีมา โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาประทาย ประเมินราคาที่ดิน ๕๘๐,๙๖๐ บาท ที่ดินติดภาระจำนองประกันหนี้ของนายณรงค์ ทุยไธสง และนายสนิท คำสิงห์นอก วงเงินจำนอง ๘๐๐,๐๐๐ บาท สหกรณ์ฯ ซื้อที่ดินราคา ๕,๗๕๐,๐๐๐ บาท ชำระเงินค่าที่ดินเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ แต่ผู้ขายยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้สหกรณ์ฯ (๓) โฉนดที่ดิน เลขที่ ๒๔๑๑๗ นายสนิท คำสิงห์นอก เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๗๐ ตารางวา ลักษณะที่ดินเป็นที่นา ไม่ติดถนน ซอย ไม่มีทางเข้า-ออก เป็นที่ตาบอก ที่ดินตั้งอยู่ ต.ตะกั่วป่า อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น สาขาหนองสองห้อง ประเมินราคาที่ดินไร่ละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวมราคาประเมิน ๔๐๓,๕๐๐ บาท ติดภาระจำนอง ธ.ก.ส. เป็นเงินขั้นสูงสุด ๓๐๐,๐๐๐ บาท สหกรณ์ฯ ซื้อที่ดินราคา ๕,๗๕๐,๐๐๐ บาท ชำระเงินค่าที่ดินเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ แต่ผู้ขายยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้สหกรณ์ฯ จึงมีคำสั่งให้สหกรณ์ฯ ตั้งคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงการซื้อที่ดิน โฉนดเลขที่ ๑๖๘๘๙, ๓๐๘๕๖ และ ๒๔๑๑๗ ราคาเหมาะสมหรือไม่ และรายงานการตรวจสอบให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมาทราบ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘   


สั่งสหกรณ์เรียกเงินคืน ๘.๔ ล.
    (๔) สหกรณ์ฯ ได้ชำระเงินค่าที่ดิน ๓ แปลง ให้นายสนิท คำสิงห์นอก ดังนี้ ชำระเงินมัดจำ ณ วันทำสัญญา ๑ ล้านบาท, ชำระเงินประจำปี ๒๕๕๕ จำนวน ๙.๕ ล้านบาท, ชำระเงินประจำปี ๒๕๕๖ จำนวน ๗๗,๐๐๐ บาท และชำระเงินประจำปี ๒๕๕๗ แบ่งเป็น ใบเบิกเงินฯ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ จำนวน ๓.๕ ล้านบาท และเช็คเงินสดธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ จำนวน ๔,๓๒๓,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๘,๔๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ สหกรณ์ชำระเงินเสร็จบริบูรณ์ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ แต่ผู้ขายไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ๒ แปลงให้สหกรณ์ฯ คือ โฉนดที่ดินเลขที่ ๓๐๘๕๖ ราคาซื้อ ๕,๗๕๐,๐๐๐ บาท และโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๑๑๗ ราคาซื้อ ๕,๗๕๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินค่าที่ดินที่ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้สหกรณ์ ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ผู้ขาย คือ นายสนิท คำสิงห์นอก ได้คืนเงินให้สหกรณ์เป็นเงิน ๓,๐๒๐,๐๐๐ บาท ตามใบเสร็จรับเงิน เล่มที่ ๑๘๓ เลขที่ ๐๙๑๓๕ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และใบโอนบัญชี ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๒ ฉบับ ดังนั้น คงเหลือราคาที่ดิน ที่สหกรณ์ฯ จ่ายให้กับนายสนิทฯ โดยนอกสหกรณ์ยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน ๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้สหกรณ์ฯ เรียกเงินจากนายสนิท คำสิงห์นอก คืนจำนวน ๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ หากไม่สามารถเรียกเงินคืนให้สหกรณ์ฯ ได้ ให้คิดดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับสหกรณ์คิดดอกเบี้ยการจ่ายเงินกู้ให้สมาชิกในอัตราสูงสุดและให้สหกรณ์แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป”  

 

สหกรณ์จังหวัดปัญหามีไว้แก้  
    นายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ปฏิบัติการแทนนายทะเบียนสหกรณ์ กล่าวในท้ายสุดว่า “หากคณะกรรมการฯ ไม่แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว อาจถูกพิจารณาดำเนินการตามมาตรา ๒๒ (๒) ให้คณะกรรมการดําเนินการสหกรณ์ระงับการปฏิบัติบางส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่องหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก (๓) ให้คณะกรรมการดําเนินการสหกรณ์หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนั้นให้แล้วเสร็จตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนสหกรณ์กําหนด (๔) ให้คณะกรรมการดําเนินการสหกรณ์พ้นจากตําแหน่งทั้งคณะ หรือให้กรรมการซึ่งเกี่ยวข้องกับการนั้นพ้นจากตําแหน่งกรรมการ หรือมาตรา ๑๓๓ แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพราะขณะนี้ยังไม่ดำเนินการ ส่วนกรณีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์นครราชสีมานั้น ได้แจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบแล้วว่า ให้ทุกฝ่าย คือ คณะกรรมการชุดปัจจุบัน ผู้ร้องเรียน สหกรณ์จังหวัด และหัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ มาชี้แจงและหารือกัน เพราะปัญหาทุกปัญหามีไว้แก้ไข และคณะกรรมการฯ ต้องดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่อง เพราะสงสารสมาชิกที่ผ่อนบ้านแต่ยังไม่บ้าน”   

 

ปธ.วางแผนแบ่งที่ดินทั้งหมด 
    ล่าสุดเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ โรงแรม เค.สตาร์ส ถนนอัษฎางค์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายธีระวัฒน์ บุญอยู่ ประธานกรรมการ สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด พร้อมด้วยนายภูดิส ทามนตรี กรรมการและเลขานุการ และนายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา ที่ปรึกษา และอดีตปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด ชี้แจงรายละเอียดการแก้ไขข้อบกพร่องต่อ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า วันนี้ (๓๑ มี.ค. ๕๘) คณะกรรมการฯ ได้ยื่นรายงานการแก้ไขข้อบกพร่อง ดังนี้ ๑. สหกรณ์ฯ จะดำเนินการตามโครงการที่ ๑-๓ โดยจะทำการแบ่งแยกที่ดินทั้งหมดโครงการ ใช้วิธีการแบ่งแยกเป็นรายแปลง ทีละ ๙ แปลง และขยายการแบ่งแยกที่ดินเป็นระยะๆ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๕-๖ ปี ส่วนโครงการที่ ๔ ซึ่งอยู่ในแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นแผนพัฒนาสหกรณ์อยู่ระหว่างการเตรียมการด้านแผนงานอยู่ สหกรณ์ฯ จะใช้วิธียื่นคำขอจัดสรร ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ คาดว่าจะได้ให้ประโยชน์แก่สมาชิกในโครงการของสหกรณ์ฯ ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ ครัวเรือน 

 

หลายรายการยังไม่ได้ข้อยุติ
    ๒. จากการตรวจสอบเอกสารรับเหมาก่อสร้างบ้าน สหกรณ์ฯ ได้ติดตามทางคดีที่เกิดขึ้น โดยได้ประสานไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ว่าดำเนินการทางคดีให้แก่สหกรณ์ฯ อย่างไร และจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทำตามรายงานต่อสหกรณ์จังหวัด และคณะกรรมการให้ทราบเป็นระยะๆ ๓. การตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างบ้าน ขอขยายระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปความเสียหาย เนื่องด้วยบุคคลที่เกี่ยวข้องทางด้านบัญชี การเงิน เอกสารต่างๆ จำต้องเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอน ไม่สามารถดำเนินการภายในกำหนดได้ ในการหาผู้กระทำความผิด และรู้เรื่องการกระทำความผิดที่เป็นผลประจักษ์ ๔. สหกรณ์ฯ จะตรวจสอบบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเกษตรวิสัย เลขที่ ๔๘๒-๐-๖๗๖๔๒-๙ จำนวน ๗๐๖,๗๗๙ บาท แต่ไม่มีการนำเข้าเป็นรายได้ของสหกรณ์ฯ กล่าวคือ ไม่ปรากฏว่ามีสมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ อยู่ในระบบที่เจ้าหน้าที่การเงินหรือเจ้าหน้าที่ทางบัญชี แต่จะทำการสอบถามไปยังธนาคารว่าสหกรณ์ฯ มีบัญชีดังกล่าวอยู่ที่ธนาคารหรือไม่ หากได้รับข้อมูลจากธนาคารจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 
    ๕. สหกรณ์ฯ จะดำเนินการทบทวนมติคณะกรรมการฯ หากปรากฏว่ามติดังกล่าวเป็นไปด้วยการฝ่าฝืน สหกรณ์ฯ จะเร่งรีบปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ต่อไป โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ๖. การซื้อที่ดินที่อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด ๒๗ ไร่ ๑๕ ๔/๑๐ ตารางวา ในราคา ๒๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท มีสมาชิกร้องเรียนว่าราคาสูงเกินไป และไม่มีความจำเป็นต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ จะดำเนินการขอหนังสือประเมินราคาที่ดิน จากสำนักงานที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ดตามราคาประเมินของกรมที่ดิน และสอบถามทำรายงานราคาซื้อขายที่ดินในราคาท้องตลาดมาประกอบการพิจารณาให้กับนายทะเบียนต่อไป โดยจะเร่งรีบกระทำโดยไม่ชักช้า ๗. การปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อบังคับ คณะกรรมการได้มีมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ สมาชิกที่ขาดส่งชำระค่าหุ้นรายเดือน มีรายใดไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อ ๖ (๒) โดยในสิ้นปีบัญชีรายใดไม่ชำระจะเร่งให้ชำระ พร้อมกำหนดเวลาให้สมาชิกที่ผิดนัดมาชำระโดยด่วน ส่วนการตรวจสอบ และกำหนดแนวทางปฏิบัติภายในนั้น ได้ให้ฝ่ายทะเบียนแจ้งรายงานเป็นประจำทุกเดือน ประกอบรายงานนำเสนอคณะกรรมการในรอบการประชุมฯ และ ๗.๒ สมาชิกไม่มีการซื้อบ้านและที่ดิน ตามข้อบังคับ ข้อ ๔๐ (๒) นั้น ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ส่วนใหญ่ยังมีความประสงค์ที่จะมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง   
    ทั้งนี้ การชี้แจงประเด็นร้องเรียนจากปัญหาการขาดสภาพคล่องภายในสหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด และแนวทางการดำเนินการตามแผนพัฒนาสหกรณ์ฯ ในเบื้องต้น ‘โคราชคนอีสาน’ จะนำเสนอในฉบับถัดไป


ฉบับที่ ๒๒๘๓ วันพุธที่  ๑ - วันอาทิตย์ที่  ๕  เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘


718 1356