28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

April 11,2015

พลัง‘โซเชียลมีเดีย’จับขโมย เครื่องชงกาแฟนับแสน

   โจรอุกอาจงัดร้านกาแฟตรงข้ามตำรวจทาง หลวง ขนเครื่องหนีไปกับความมืดมูลค่ากว่าแสนบาท เจ้าทุกข์รุดแจ้งความ พร้อมขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านขายเครื่อง โพสต์ตามหาทั้งทางเฟซบุ๊กและไลน์ ท้ายสุดพบโพสต์ขาย หารือกับนสพ. วางแผนกับตำรวจเข้าทำการล่อซื้อ ได้ของคืน ผู้ต้องหาอ้างแค่รับซื้อของโจร 

 

ประกาศขายทางเฟซบุ๊ก

    เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.๐๐ น. ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน นางสาวกนกพร เกตุคีรีธิติสกุล อายุ ๔๓ ปี พร้อมด้วยน้องชาย นายมานะ เกตุคีรีภัสสร อายุ ๔๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓๑/๒๙ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ “Coffee Dream” พร้อมด้วยนายรังสรรค์ จันทร์รังสี เจ้าของกิจการจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ “Teddy Coffee” รุดมาขอบคุณ “โคราชคนอีสาน” ที่แนะนำเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมเครื่องชงกาแฟพร้อมกับเครื่องบดกาแฟรวมอุปกรณ์การขายอีกหลายรายการมูลค่ากว่า ๑ แสนบาท 
    นางสาวกนกพร เกตุคีรีธิติสกุล เปิดเผยว่า ได้เช่าพื้นที่หน้าร้านรุ่งโรจน์มินิมาร์ท (หน้าโรงงานซีเกทโคราช) เปิดขายกาแฟสด ชื่อร้าน “Coffee Dream” และเมื่อวันที่ ๔ เมษายนที่ผ่านมา ตนเดินทางจากบ้านพักมาเปิดร้านขายเครื่องดื่มกาแฟตามปกติ กระทั่งเวลา ๑๙.๐๐ น. จึงปิดร้าน จากนั้นในวันรุ่งขึ้น (วันที่ ๕ เมษายน) เวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น. ได้เดินทางมาทำการเปิดร้านตามปกติอีกเช่นเคย พบว่า ตำแหน่งที่เก็บอุปกรณ์ชงกาแฟไม่เหมือนเดิมคล้ายกับมีคนเคลื่อนย้าย รวมทั้งเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ อุปกรณ์อื่นๆ ภายในร้านหายไปด้วย จึงรีบเดินดูและตรวจสอบรอบๆ บริเวณภายในร้าน ก็พบประตูกระจกบานเลื่อนถูกงัด และรีบไปเปิดดูกล้องวงจรปิดภายในร้านที่เช่าอยู่เพื่อตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งความทันที โดยช่วงระยะเวลาประมาณ ๒๓.๐๐  – ๐๒.๐๐ น. ของวันที่ ๔ คาบเกี่ยวกับวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งเวลานั้นก็ยังมีผู้คนขี่รถสัญจรผ่านไปมาตลอดเป็นช่วงๆ และที่สำคัญร้านกาแฟอยู่เยื้องกับสำนักงานตำรวจทางหลวงอีกด้วย และเมื่อวันที่ ๓ เมษายน พนักงานที่ร้านได้เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณบ่ายๆ มีผู้ชายร่างท้วมมานั่งดื่มกาแฟและม้วนกระดาษเล่นคนเดียวเป็นชั่วโมงอย่างมีพิรุธน่าสงสัย จากนั้นมีผู้ชายอีกคนขับรถเก๋งมารับที่หน้าร้านแล้วขึ้นไปด้วยกัน คาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายมาดูลาดเลาก่อนที่จะทำการโจรกรรม ตนและน้องชายจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และเก็บลายนิ้วมือแฝงเพื่อเป็นหลักฐาน โดยมีพ.ต.ท.สุรวัช ราชรักษา พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ ที่สถานีตำรวจภูธรสูงเนิน เป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปมีทั้งสิ้น ๕ รายการ ประกอบด้วย ๑.เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อแอตโตเรีย (Astoria รุ่น Tanya ๑ หัวกรุ๊ฟ สีแดง หมายเลขเครื่อง 565787 จำนวน ๑ เครื่อง ราคา ๘๙,๐๐๐ บาท ๒.เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อ macap รุ่น M5 สีดำ หมายเลขเครื่อง 120202185 ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท ๓.แก้วตวง จำนวน ๓ ใบๆ ละ ๔๘๐ บาท รวม ๑,๔๔๐ บาท ๔.แก้วชง จำนวน ๔ ใบๆ ละ ๑๐๐ บาท รวม ๔๐๐ บาท และ ๕.ด้ามชงกาแฟ จำนวน ๒ ตัวๆ ละ ๓,๕๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น ๑๒๗,๘๔๐ บาท 

ถูกตำรวจล่อซื้อ


วางแผนล่อซื้อ
    นางสาวกนกพร เล่าว่า พร้อมกันนี้ได้ขอความช่วยเหลือจากนายรังสรรค์ จันทร์รังสี เจ้าของบริษัท โคราชคอฟฟี่ซัพพลาย จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเครื่องชงกาแฟที่ตนซื้อ พบว่า ทรัพย์สินที่หายและกำลังตามหาถูกประกาศขายผ่านทางเฟซบุ๊กของนายนเรศ ทับน้อย เนื่องจากว่าจดจำตำหนิของทรัพย์ดังกล่าวได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ประชุมวางแผนเพื่อทำการจับกุมด้วยการใช้สายล่อซื้อ โดยใช้สายลับติดต่อไปยังเฟซบุ๊กของนายนเรศ ทับน้อย เพื่อขอซื้อเครื่องชงกาแฟพร้อมกับอุปกรณ์ และตกลงซื้อขายเครื่องดังกล่าวในราคาเครื่องละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยนัดหมายส่งมอบสิ่งของในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘ ที่บริเวณร้านอาหารครัวตาตีบ ริมถนนมิตรภาพฝั่งขาเข้าจังหวัดนครราชสีมา เขตตำบลคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อทราบดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เสียหายจึงได้ประชุมวางกำลังเพื่อเข้าทำการจับกุมโดยทันที โดยให้สายลับคือ ร.ต.ท.นิพนธ์ ลาดนอก และน้องชาย(นายมานะ) ไปนั่งรออยู่ภายในร้านอาหาร ส่วนที่เหลือให้ซุ่มอยู่บริเวณโดยรอบ เพื่อความสะดวกในการเข้าชาร์จและจับกุม
    นายมานะ เปิดเผยช่วงที่เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการล่อซื้อว่า “นายนเรศ ทับน้อย และนายวรพงค์ ช่างหล่อ สองผู้ต้องหา ได้ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ลษ ๑๓๓ กรุงเทพมหานคร มาจอดไว้บริเวณที่จอดในร้านอาหารดังกล่าว โดยที่นายนเรศ และนายวรพงค์ สองผู้ต้องหาเดินไปหาสายลับคือ ร.ต.ท.นิพนธ์ ลาดนอก และตนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้วนั้น จากนั้นสองผู้ต้องหาได้นำสายลับทั้งสองคนเดินไปที่รถยนต์ของตนเอง เพื่อดูสินค้าที่ได้ตกลงซื้อขายกันไว้ เมื่อไปถึงผู้ต้องหาได้เปิดประตูรถยนต์เก๋งด้านหลังคนขับออกมา ปรากฏว่า พบของกลาง ๒ รายการ คือ เครื่องชงกาแฟมูลค่า ๘๙,๐๐๐ บาท และเครื่องบดกาแฟราคา ๓๐,๐๐๐ บาท วางอยู่บริเวณเบาะด้านหลังคนขับ ตนจึงขอตรวจสอบ พบว่า หมายเลขเครื่องและรอยตำหนิที่ได้แจ้งความไว้นั้น ตรงกับตามที่จดจำได้จริง ร.ต.ท.นิพนธ์ ลาดนอก จึงให้สัญญาณแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุมาสมทบเพื่อทำการจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวและจับกุมและเข้าควบคุมตัวสองผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่ง สภ.สูงเนินเพื่อดำเนินการต่อไป”
    สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทั้งสองคน ประกอบด้วย นายนเรศ หรือบี ทับน้อย อายุ ๓๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓๖/๓๐ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และนายวรพงค์ หรือทอม ช่างหล่อ อายุ ๒๘ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๙๔/๑๔๐ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วนของกลางได้แก่ ๑.เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อ Astoria รุ่น Tanya ๑ หัวกรุ๊ฟสีแดง หมายเลขเครื่อง 565787 จำนวน ๑ เครื่อง ๒.เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อ Macap รุ่น M5 สีดำ หมายเลขเครื่อง 120202185 จำนวน ๑ เครื่อง ๓.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน ลษ ๑๓๓ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ คัน และ ๔. โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน ๑ เครื่อง  


รวมพลังโซเชียลฯ สืบเจอ
    ทางด้านนายรังสรรค์ จันทร์รังสี เจ้าของธุรกิจขายเครื่องชงกาแฟ เปิดเผยกับ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ ๕ เมษายนที่ผ่านมา ตนได้ทราบข่าวว่าเครื่องชงกาแฟที่ร้านของนางสาวกนกพร ที่ซื้อไปจากร้านตนถูกโจรกรรมไปจากร้านเมื่อกลางดึกผ่านมา จากนั้นก็โพสต์ทางเฟซบุ๊ก และไลน์ กลุ่มเพจของคนรักกาแฟ ชมรมคนทำกาแฟ และอีกหลายเว็บไซต์ รวมถึงเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเองด้วย เพื่อช่วยเหลือหรือตามหาอีกทางหนึ่ง เพียงไม่ถึง ๑ ชั่วโมง ก็ทราบเบาะแสจากเพื่อนๆ ว่า มีเพจหนึ่งได้โพสต์ขายเครื่องชงกาแฟ ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับที่กำลังตามหาอยู่ เปิดขายอยู่ที่ราคา ๕๐,๐๐๐ บาท จากนั้นได้ตรวจสอบกลับไปยังเฟซบุ๊กดังกล่าว ใช้ชื่อว่า “นเรศ ทับน้อย” เป็นคนประกาศขายตามกลุ่มต่างๆ โดยจุดพิกัดที่โพสต์ขายอยู่ในย่านอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้ประสานกับเพื่อนให้ติดต่อสอบถามเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเพื่อนๆ หลายคนที่ช่วยให้ได้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่นั้นมา ทำให้วางแผนล่อซื้อและได้เครื่องชงกาแฟคืนในที่สุด


    นายมานะ เกตุคีรีภัสสร กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องหาคือ นายนเรศ ทับน้อย ภายหลังถูกจับกุมและได้รับการประกันตัว โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของเขาว่า ‘เกิดความผิดพลาดกับการซื้อเครื่องชงกาแฟขึ้น ทำให้เกิดคดีความ ผมถูกจับในคดีรับซื้อของโจร ด้วยความไม่รอบคอบของผม ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ต่อไปนี้ถ้ามีการเสนอขายเครื่องชงกาแฟมือสอง รบกวนโพสต์รูปถ่าย บัตรประจำตัวประชาชน ระหว่างคนซื้อและคนขาย ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆ ที่มีเครื่องชงกาแฟระวังเครื่องโจรให้ดี’ ซึ่งข้อความนี้ ทำให้ เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กของผู้ต้องหาต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจ ทั้งๆ ที่นายนเรศถ่ายรูปตนเอง (Selfie) ร้องเพลงด้วยความสุข ขณะขับรถมาส่งเครื่องชงกาแฟ พร้อมข้อความว่า ‘มากันอีกแล้ว โคราช’
    ก่อนหน้านี้ เจ้าทรัพย์และนายรังสรรค์ ผู้ขายเครื่องมาปรึกษากับ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า จะดำเนินการอย่างไรให้ได้ทรัพย์กลับคืนโดยเร็ว ก่อนที่จะมีผู้อื่นมาซื้อไป ‘โคราชคนอีสาน’ จึงประสานกับพ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับ การตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อวางแผนจับกุมเป็นผลสำเร็จ     


ประโยชน์ของโซเชียลฯ
    ท้ายสุดนางสาวกนกพร เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ “Coffee Dream” กล่าวฝากเตือนภัยว่า อยากให้ช่วยกันสอดส่องดูแลระหว่างพนักงานร้าน หรือลูกค้าประจำก็ตาม เพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาร่วมสังเกตพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะสังคมและเศรษฐกิจสมัยนี้ทุกคนต่างดิ้นรนและเอาตัวรอด ประกอบกับผู้คนตกงานและว่างงานเยอะ จึงเป็นเหตุให้มีบางคนทำการอุกอาจ อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับร้านกาแฟของตน แต่ยังมีความโชคดีที่มีนายรังสรรค์ จันทร์รังสี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สูงเนินทุกคนให้การช่วยเหลือ จึงทำให้ได้เครื่องชงกาแฟที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินกลับคืนมาได้ และประโยชน์ของโซเชียลมีเดียที่ทำให้ตนได้ทรัพย์สินกลับคืนมา เพราะหากใช้ประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ก็เกิดประโยชน์ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เบาะแสกว่า ๙๐% มาจากโซเชียลฯ ที่ทำให้เราสามารถสืบหาเครื่องชงกาแฟที่หายไปจนเจอ ทั้งมาจากเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ต่างๆ 
    อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ตำรวจ สภ.สูงเนินจะขยายผลเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่บุกงัดร้านกาแฟและขโมยทรัพย์สินราคาแพงหายไปจากในร้าน พร้อมทั้งจะแจ้งข้อกล่าวหาหนัก สำหรับผู้ต้องหาทั้ง ๒ คนให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันรับซื้อของโจรตลอดข้อกล่าวหา ส่วนข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้ประกันตัว 


ฉบับที่ ๒๒๘๕ วันเสาร์ที่ ๑๑ - วันพุธที่ ๑๕ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘


710 1355