23rdApril

23rdApril

23rdApril

 

April 11,2015

กลุ่มปฏิรูปจ่อดำเนินคดี กก.สหกรณ์ครูนม. นายทะเบียนอย่าละเว้น

    ประชุมใหญ่วิสามัญ ‘สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา’ กรรมการชุดที่ ๕๗ ชิงเปิดลงคะแนนเลือกตั้ง กกต.ก่อนวาระซักฟอก ใช้อำนาจฝากเงินสหกรณ์ฯ คลองจั่นเสียหาย ๕๔๓ ล้านบาทเศษ แถมนำเงินอีก ๓๕ ล้านบาท ฝากสนับสนุนโครงการบ้านออมวันละ ๔๐ บาท ล่าสุดกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ฯ เตรียมหารือฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีผู้บริหารผิดพลาด การประชุมสมาชิกโมฆะ เตือน! สหกรณ์จังหวัดอย่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ‘ปธ.ทอง’ ยืนยันทำตามกฎหมายและอำนาจ 

สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาเข้าร่วมประชุมล้นห้องประชุม

    เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ถนนราชสีมา-ปักธงชัย ต.ปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา นายทอง วิระยะจารุ ประธานกรรมการ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด เป็นประธานการประชุมใหญ่วิสามัญ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ พร้อมด้วยคณะกรรมการชุดที่ ๕๗ และนายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา มีสมาชิกซึ่งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมประชุมจำนวน ๑,๐๐๐ คน ล้นห้องประชุม สมาชิกบางส่วนต้องรอฟังอยู่ด้านนอก 
    การประชุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา นำโดยนายวิทยา ดวงใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารปราสาทเพชรวิทยา ได้ยื่นหนังสือพร้อมลายมือชื่อสมาชิก จำนวน ๑๘๑ คน ต่อนายประสาทศิลป์ ฉิมนอก รองประธานกรรมการ คนที่ ๑ เพื่อขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญสมาชิก กรณีคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ชุดที่ ๕๔-๕๕ โดยมีนายทอง วิริยะจารุ เป็นประธานกรรมการขณะนั้น ใช้อำนาจหน้าที่นำเงินของสมาชิกไปฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด โดยไม่ได้รับเห็นชอบจากสมาชิก ส่งผล กระทบต่อวิกฤติศรัทธาความเชื่อมั่น และเป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด ที่ต้องรอการฟื้นฟูกิจการฯ ในฐานะเจ้าหนี้เงินฝากรวมดอกเบี้ย จำนวนทั้งสิ้น ๕๔๓,๘๔๕,๖๘๔.๔๙ บาท รวมไปถึงการนำเงินไปฝากไว้ที่สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด จำนวน ๓๕ ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการบ้านออมวันละ ๔๐ บาท ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์แห่งนี้ยังเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง ทั้งที่ยังมียอดเงินฝากและดอกเบี้ยคงเหลือ ๓๔ ล้านบาทเศษ  

 
ชิงเปิดเลือกตั้ง’กกต.
    จากระเบียบวาระการประชุมทั้งหมดมี ๖ วาระ ปรากฏว่า คณะกรรมการชุดที่ ๕๗ ได้นำเรื่องการเลือกตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามระเบียบสหกรณ์ฯ ว่าด้วยการสรรหาคณะกรรมการดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๐ (๑) ให้ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า ๙ คน แต่ไม่เกิน ๑๑ คน จากผู้ซึ่งมิใช่กรรมการดำเนินการ หรือผู้ซึ่งมิใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการดำเนินการ เพื่อทำหน้าที่ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่ แทนกรรมการเก่า ๘ คนที่จะหมดวาระลงในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มาบรรจุในวาระการประชุมที่ ๔ เพื่อให้มีการเลือกตั้ง กกต.ในวันนี้ 

 

หวั่น! น้ำผึ้งหยดเดียว
    กลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราช สีมา นำโดยนายวิทยา ดวงใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารปราสาทเพชรวิทยา ได้ลุกขึ้นประท้วงและเสนอต่อที่ประชุมขอให้เลื่อนวาระ เรื่องตอบข้อซักถามสมาชิกสหกรณ์ฯ ตามหนังสือขอเปิดประชุมใหญ่วิสามัญในประเด็นข้างต้น ขึ้นมาก่อนการเลือกตั้งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่นายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ทำหน้าที่นายทะเบียนสหกรณ์ กล่าวในที่ประชุมว่า “ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบจะเอาชนะคะคานกันไปทำไม ทุกคนเป็นครูอาจารย์ที่จะต้องไปสั่งสอนลูกศิษย์กันทั้งนั้น ปัญหาต่างๆ ต้องช่วยกันแก้ไขเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ อย่าให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว” ทำให้สมาชิกที่อยู่ในที่ประชุมไม่พอใจอีกส่งเสียงโห่ นายทองประธานที่ประชุมจึงขอให้สมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ลงความเห็นในการเสนอเลื่อนวาระการประชุมด้วยการยกมือใช้สิทธิ์ ซึ่งมติที่ประชุมให้ดำเนินการตามระเบียบวาระเดิมที่วางไว้ 

 

กลุ่มปฏิรูปส่งผู้อาสา ๑๑ คน
    ต่อมานายประสาทศิลป์ ฉิมนอก รองประธานกรรมการ คนที่ ๑ ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม แทนนายทอง วิริยะจารุ ได้ขอมติจากสมาชิกและมีข้อยุติว่า การเลือกตั้ง กกต.ครั้งนี้ จะทำการลงคะแนนเลือกผู้ที่มีความเหมาะสม จำนวน ๑๑ คน พร้อมทั้งขอมติจากสมาชิกด้วยว่า จะใช้วิธีการลงคะแนนแบบเป็นรายบุคคล หรือเป็นทีม โดยสมาชิกส่วนใหญ่ต่างยกมือสนับสนุนวิธีการลงคะแนนแบบเป็นทีมจำนวน ๘๖๙ เสียง ส่วนที่เลือกวิธีการลงคะแนนแบบรายบุคคลมีเพียง ๗๐ เสียงเท่านั้น จากนั้นจึงให้ผู้ที่อาสาเป็น กกต. ๒ ทีมๆ ละ ๑๑ คน คือ ทีมของนายปรีชา กำพุฒกลาง อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๑ อำเภอเมือง และอดีตผู้สมัคร ส.ว.นครราชสีมา กับทีมกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา นำโดย รศ.วัฒนาภรณ์ โชครัตนชัย จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จับสลากเพื่อเลือกหมายเลขของทีม โดยทีมของนายปรีชาฯ จับได้หมายเลข ๑ ส่วนกลุ่มปฏิรูปฯ จับได้หมายเลข ๒ พร้อมทั้งแสดงวิสัยทัศน์ในการทำหน้าที่ กกต. แล้วให้สมาชิกยกมือลงคะแนนเลือกตั้ง 

 

พ่ายทีมอดีตรองผอ.สพป.
    ผลปรากฏว่า ทีมหมายเลข ๑ ประกอบด้วย นายปรีชา กำพุฒกลาง, นายประสิทธิ์ เรือนใหม่ ข้าราชการบำนาญกรมสามัญ สพม.เขต ๓๑ เขตอำเภอเมือง, นายเดชา รวมใหม่ ผู้อำนวยการโรงเรียนตำบลโคกกรวด (ผดุงรัฐประชานุกูล), นายอัญเชิญ วชิรพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกันเกราพิทยาคม, นายปรีชา อุตสาหพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนปอแดง, นายดนัย อยู่กิ่ม ครูชำนาญพิเศษ โรงเรียนชุมชนจระเข้หิน, นายศุภชัย เทพวิญญาณกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร), นายวิชาญ ผิวสำอางค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเสมาวิทยา, นายพันธพัฒน์ พรมสวัสดิ์ (พรหมวิไล) ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลรัฐราษฎร์รังสรรค์, นายปรีชา ผ่องสนาม ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านหนองโคบาล และนายพรศักดิ์ ค้าขาย ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวังหิน ได้รับเลือกตั้งเป็น กกต. ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ๙๒๖ เสียง ส่วนทีมกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสมา ได้คะแนนเสียงเป็นรองอยู่ที่ ๒๑๘ เสียง ทั้งนี้ เมื่อทราบผลการเลือกตั้ง กกต. สมาชิกส่วนใหญ่ต่างเดินออกจากห้องประชุม มีเพียงสมาชิกจากกลุ่มปฏิรูปฯ จำนวนเพียง ๑๐๐ กว่าคนเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องประชุม   


นายวิทยา  ดวงใจ

สมาชิกซักฟอกเงินกู้/เงินฝาก
    จากนั้นในระเบียบวาระการประชุมที่ ๕ นายทอง วิริยะจารุ กลับมาทำหน้าที่ประธานการประชุมต่อ เพื่อตอบข้อซักถาม สมาชิกกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาที่ยื่นญัตติบรรจุในวาระ ดังนี้ ๕.๑ การที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้นำเงินของสหกรณ์ฯ ไปปล่อยให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กู้ยืมเงินจำนวนประมาณ ๖๐๐ กว่าล้านบาทนั้น ใครเป็นผู้มีอำนาจ การที่ประธานคณะกรรมการหรือคณะกรรมการดำเนินการ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับใดหรือระเบียบข้อบังคับใด หากเกิดความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ๕.๒ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้นำเงินของสหกรณ์ฯ ไปปล่อยให้สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด กู้ยืมประมาณ ๓๕ ล้านบาทนั้น ใครเป็นผู้มีอำนาจ การที่ประธานคณะกรรมการหรือคณะกรรมการดำเนินการ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับใดหรือระเบียบข้อใด หากเกิดความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ  

 

ยืนยันใช้อำนาจถูกต้อง
    นายทอง วิระจารุ ประธานกรรมการ กล่าวชี้แจงว่า คณะกรรมการดำเนินการ เป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการนำเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ไปให้กู้ยืมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และภายหลังนำเงินไปฝากไว้ ปัจจุบันมียอดเงินฝากและดอกเบี้ย จำนวนทั้งสิ้น ๕๔๓,๘๔๕,๖๘๔.๔๙ บาท โดยการดำเนินการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อบังคับสหกรณ์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ ระเบียบสหกรณ์ฯ และมติคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ ๕๔ และ ๕๕ ส่วนกรณีที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด นำเงินไปฝากให้สหกรณ์เคหะสถานเมืองโคราช จำกัด จำนวน ๓๕ ล้านบาทนั้น ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้มีวัตถุประสงค์จัดตั้งเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยมีโครงการบ้านออม วันละ ๔๐ บาท ขณะนี้มียอดเงินฝากและดอกเบี้ยคงเหลือประมาณ ๓๔ ล้านบาทเศษ และที่ผ่านมาสหกรณ์ฯ ก็ได้ดอกเบี้ยมาตลอด การดำเนินการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อบังคับสหกรณ์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ ระเบียบสหกรณ์ฯ และมติคณะกรรมการดำเนินการเช่นเดียวกับคำถามในวาระที่ ๕.๑ ขอยืนยันว่าคณะกรรมการดำเนินการฯ ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ฯ แต่อย่างใด

 

ชี้ไม่มีระเบียบข้อบังคับรองรับ
    กลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราช สีมา นำโดยนายวิทยา ดวงใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารปราสาทเพชรวิทยา, นายสุพนธ์ สินนา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบึงทับปรางค์, นายสุเทพ สุขปัญญา ข้าราชการครูประจำโรงเรียนบ้านหวายโนนโพธิ์, นายศักดิ์ชัย พรมกระโทก ข้าราชการครู โรงเรียนบ้านเฉลียง (คุรุราษฎร์บำรุง) และนายอดิศักดิ์ ชนสูงเนิน หรือครูชายน้อย ข้าราชการบำนาญ ได้ลุกขึ้นซักถามพร้อมเอกสารหลักฐาน เนื่องจากการตอบข้อซักถามยังไม่กระจ่าง โดยเฉพาะประเด็นการนำเงินไปฝากยังสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ไม่มีระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายใดมารองรับเลย มีเพียงระเบียบให้ที่อื่นนำเงินมาฝากที่สหกรณ์ฯ ได้เท่านั้น 
 

ผู้จัดการใช้อำนาจชี้แจง?
    ต่อมาในวาระที่ ๕.๓ เรื่องที่ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ไปแถลงข่าวเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด นั้น ทำให้สมาชิกเกิดความสับสนในบทบาทหน้าที่ของผู้จัดการ ได้รับมอบหมายจากใคร ผู้จัดการสหกรณ์ฯ สามารถแถลงข่าวได้หรือไม่ หากดำเนินการได้ โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับใดหรือระเบียบข้อใด ทั้งนี้ นายศักดิ์ชัย พรมกระโทก สมาชิกจากโรงเรียนบ้านเฉลียง (คุรุราษฎร์บำรุง) ได้อ้างถึงการชี้แจงของนายยงยุทธิ์ บัวทองผุด ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ต่อหนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘  กรณีหวั่นว่าจะสูญเสียเงินจำนวน ๖๕๐ ล้านบาท จากการนำเงินสหกรณ์ฯ ไปให้กู้ยืมและภายหลังนำไปฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เพิ่มเติมด้วย 

 

ได้รับมอบหมายแถลงข่าว
    นายทอง วิริยะจารุ ประธานกรรมการ ตอบข้อซักถามว่า นายยงยุทธิ์ฯ ผู้จัดการได้รับมอบหมายจากประธานกรรมการ ให้พิจารณาแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน เพื่อสื่อสารถึงสมาชิกให้รับทราบข้อมูลสหกรณ์ฯ ในเบื้องต้น ทั้งนี้ ตามข้อบังคับสหกรณ์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ หมวด ๑๑ ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ข้อ ๘๑ หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการ ผู้จัดการมีหน้าที่จัดการทั่วไป และรับผิดชอบเกี่ยวกับบรรดากิจการประจำของสหกรณ์ รวมทั้งในข้อต่อไปนี้ (๑๖) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้น ผู้จัดการฯ สามารถแถลงข่าวได้ ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ผู้จัดการฯ สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับสหกรณ์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ หมวด ๗ และหมวด ๑๑ ตามที่ได้ชี้แจงข้างต้น

 

กลุ่มปฏิรูปหารือประชุมโมฆะ?
    ล่าสุดเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ นายวิทยา ดวงใจ ประธานกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์กับ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า การชี้แจงของประธานกรรมการชุดปัจจุบันยังไม่ได้ความชัดเจนในหลายประเด็น โดยเฉพาะความมั่นใจที่สมาชิกจะได้เงินฝากจำนวนทั้งสิ้น ๕๔๓,๘๔๕,๖๘๔.๔๙ บาท คืนจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ดังนั้น จะให้ฝ่ายกฎหมายของทางกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา สรุปรายละเอียดต่างๆ ที่ทางผู้บริหารสหกรณ์ฯ ชี้แจง จากนั้นหลังวันสงกรานต์จะหารือกันอีกครั้งในการกำหนดท่าที อาจจะนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารสหกรณ์หรือไม่ และจากการประชุมเมื่อวานนี้ (๘ เม.ย. ๕๘) กลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาทำหน้าที่ในฐานะสมาชิก ไม่ได้มีเจตนาทำให้สหกรณ์ฯ เสียหาย หรือกล่าวให้ร้ายโจมตีใคร แต่ต้องการทราบที่มาที่ไปและอำนาจหน้าที่ในการนำเงินก้อนใหญ่ โดยเปลี่ยนจากเงินกู้ไปฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่สำคัญคือ การประชุมวิสามัญสมาชิกในครั้งนี้ฝ่ายกฎหมายของกลุ่มปฏิรูปฯ กำลังพิจารณาว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกหลายรายที่ทราบล่วงหน้าแค่ ๒-๓ วัน และทางกลุ่มปฏิรูปฯ ก็เพิ่งทราบว่าจะบรรจุวาระการเลือกตั้ง กกต.ด้วย 

 

เตือนสหกรณ์จังหวัดอย่าละเว้น 
    นายวิทยา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการใช้อำนาจทุกด้าน เมื่อเข้าไปแล้วก็มีแต่กลุ่มบริหารดำเนินการกัน โดยสมาชิกไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาถ่วงดุลหรือท้วงติงการทำงานของกรรมการได้เลย เช่นกรณีการนำเงินไปฝากหรือไปให้ที่อื่นกู้ และไม่มีระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายใดมารองรับเลย มีเพียงระเบียบให้ที่อื่นนำเงินมาฝากที่สหกรณ์ฯ ได้เท่านั้น ส่วนสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ที่ทำหน้าที่นายทะเบียนสหกรณ์ อย่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ในการกำกับดูแลสหกรณ์ฯ จากการบริหารกิจการที่ผิดพลาดดังกล่าว 


มุ่งสร้างธรรมาภิบาลสหกรณ์
    “เพราะฉะนั้น ถึงเวลาที่แล้วที่กลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจะต้องเข้ามาปฏิรูปสหกรณ์ฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร เพื่อทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด เป็นแบบอย่างของสหกรณ์ที่มีหลักธรรมาภิบาล ไม่ผูกขาดอำนาจการบริหารกิจการเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเป้าหมายแรกทางกลุ่มปฏิรูปฯ มุ่งหวังที่จะทำการแก้ไขระเบียบสหกรณ์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าด้วยที่มาที่ไปของคณะกรรมการบริหาร โดยจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร แบบแบ่งเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา อุดมศึกษา รวมไปถึงการแบ่งเขตโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)  ส่วนเรื่องการส่งผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่ แทนกรรมการเก่า ๘ คนที่จะหมดวาระภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาผู้สมัคร” ประธานกลุ่มปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา กล่าวในท้ายสุด


ฉบับที่ ๒๒๘๕ วันเสาร์ที่ ๑๑ - วันพุธที่ ๑๕ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘


716 1346