ทรู รายงานผลกำไร สรุปไตรมาสแรกรับ ๑.๖ พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากจุดแข็งทางธุรกิจและการดำเนินงาน โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเครือข่าย 4G และ 3G หลังวางกลยุทธ์ทางการตลาดนำเสนอโปรโมชั่นหลากหลาย ทำให้จำนวนสมาชิกและการให้บริการเพิ่มขึ้น

   นายศุภชัย เจียรวนนท์

    เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลกำไรในไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๘ หลังจากรับรู้รายได้ โดยระบุว่า กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น ๑๘.๐ พันล้านบาท จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จำนวน ๕.๔ พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามรายได้ที่เติบโตขึ้น โดยหากไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (“TRUEIF”) EBITDA เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ ๔๕ จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการบริหารค่าใช้จ่ายด้วยการขายและการตลาดที่สามารถปรับลดลงได้อย่างมาก ขณะที่รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงสูงถึงร้อยละ ๕๗ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ส่งผลให้ในไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๘ กลุ่มทรูรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน ๑.๖ พันล้านบาท หลังการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเพิ่มเติมในส่วนของเสาโทรคมนาคมจำนวน ๓๓๘ ต้น เข้า TRUEIF ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวน ๓๖๑ ล้านบาท
    นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มเติบโตเข้มแข็งและต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ สำหรับ “กลุ่มทรูโมบาย” ยังคงมีรายได้จากการให้บริการที่เติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๑๘.๔ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเครือข่าย 4G และ 3G ประสิทธิภาพสูงสุดและโปรโมชั่นหลากหลายที่น่าดึงดูดใจของทรูมูฟ เอช นอกจากนี้รายได้จากบริการบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ยังคงเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก ในขณะที่รายได้ค่าสมาชิกของทรูวิชั่นส์ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ความสำเร็จของแคมเปญคอนเวอร์เจนซ์กลุ่มทรู และการทำการตลาดในแต่ละพื้นที่ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ กลุ่มทรูมีฐานลูกค้ารวมของทั้ง ๓ ธุรกิจหลักจำนวน ๒๖.๓ ล้านราย บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งกลยุทธ์และจุดแข็งทางธุรกิจของกลุ่มทรู รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจไชน่า โมบายล์ จะส่งผลให้กลุ่มทรูสามารถเติบโตเข้มแข็งอย่างยั่งยืนและสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

    นายศุภชัย กล่าวต่อไปว่า ทรูมูฟ เอช คงความเป็นผู้นำในการมอบประสบการณ์ใช้งานโมบาย อินเทอร์เน็ตที่เร็วและแรง ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยี 4G LTE ประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมร้อยละ ๘๐ ของประชากรไทย โดยในไตรมาส ๑ ที่ผ่านมา กลุ่มทรูโมบาย นำเสนอแพ็กเกจที่น่าดึงดูดใจร่วมกับสมาร์ทดีไวซ์คุณภาพระดับโลกหลากหลายรุ่น โดยเฉพาะความร่วมมือกับไชน่า โมบายล์ ในการเปิดตัว “True Smart 4G 5.5" Enterprise” สมาร์ทโฟน 4G มัลติแบนด์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงราคาคุ้มค่า รองรับการใช้งานเครือข่ายได้ทุกช่วงความถี่ทั่วโลก โดยผลตอบรับที่ดีต่อโปรโมชั่นเหล่านี้และกิจกรรมทางการตลาดในแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียงหรือนอนวอยซ์ของกลุ่มทรูโมบาย เพิ่มสูงกว่าร้อยละ ๓๒ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ กลุ่มทรูโมบายมีฐานลูกค้าจำนวนทั้งสิ้น ๒๑.๕ ล้านราย โดยประมาณ ๒๐.๗ ล้านรายเป็นผู้ใช้บริการ 4G และ 3G
    นายศุภชัย กล่าวถึงทรูออนไลน์ว่า ยังคงเดินหน้ามอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าด้วยแพ็กเกจ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ มุ่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ ซึ่งมีความครอบคลุมแล้วมากกว่า ๕ ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเทอร์เน็ตได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ ฐานผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ เพิ่มสูงขึ้นเป็น ๒.๒ ล้านราย ส่วนแคมเปญสำหรับตลาดแมสของทรูวิชั่นส์ โดยเฉพาะแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ร่วมกับบริการอื่นๆ ภายในกลุ่มทรูได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้จำนวนสมาชิกที่สมัครใช้บริการรายเดือนของทรูวิชั่นส์และรายได้จากค่าสมาชิก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ในไตรมาส ๑ ที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์ ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกล่อง “ทรู ดิจิตอล เอชดี” ทำให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสมัครแพ็กเกจรายเดือนของทรูวิชั่นส์ได้เป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นไตรมาส ทรูวิชั่นส์ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น ๒.๖ ล้านราย
    ด้านนายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า กลุ่มทรูมีผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ที่เติบโตสูง ร่วมกับการมุ่งมั่นรักษาวินัยทางการเงิน และบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเป็น ๑.๓ เท่า นอกจากนี้ความสำเร็จจากการจำหน่ายทรัพย์สินและสิทธิรายได้ของทรัพย์สินเพิ่มเติมเข้า TRUEIF ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังขยายขนาดทรัพย์สินของกองทุนให้มีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้น

ฉบับที่ ๒๒๙๓ วันอังคารที่ ๒๖ - วันอาทิตย์ที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘