26thApril

26thApril

26thApril

 

May 28,2015

รมต.ขันน๊อตอุตสาหกรรมจังหวัด เร่ง ๖ ด้านสนองนโยบายรัฐบาล

    กำชับอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ เร่งการดำเนินงาน ๖ ด้านสนองนโยบายรัฐบาล ทั้งกำกับดูแลโรงงานและเหมืองแร่ การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัยจากกิจการโรงงาน อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ การปรับปรุงฐานข้อมูล และปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช

 

    นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายและติดตามการดำเนินงานของอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศว่า กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินงานตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการกำกับดูแลสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นหน่วยงานนำร่องตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเร่งงาน ๖ ด้านตามนโยบายรัฐบาล คือ ๑) การกำกับดูแลโรงงานและเหมืองแร่ ๒) การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ๓) มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัยจากการประกอบกิจการโรงงาน ๔) การอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ ๕) การปรับปรุงฐานข้อมูล Thailand Digital Gateway และ ๖) การปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส
     “ผมทราบดีว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด มีข้อจำกัดในด้านบุคลากรที่จะเข้าไปตรวจสอบและกำกับดูแล และโรงงานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เทคโนโลยี และเครื่องจักรมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผมได้หารือร่วมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีว่าจะต้องมี Third Party มาช่วยดำเนินการตรวจสอบ(Audit) โรงงาน โดยเบื้องต้นอาจเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดำเนินการ เช่น การตรวจสอบโรงงานในการต่ออายุใบอนุญาตต่างๆ และตรวจสอบโรงงานที่มีอายุเกินกว่า ๑๐ ปี โรงงานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายกับสถานประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องไม่เรียกร้องเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ” นายจักรมณฑ์ กล่าว
     นายจักรมณฑ์ กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศเร่งดำเนินการใน ๖ เรื่อง คือ ๑) การกำกับดูแลโรงงานและเหมืองแร่จากผลการเปรียบเทียบประเด็นสิ่งแวดล้อมจากสถานประกอบการโรงงาน ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเก็บข้อมูลไว้ในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๕๖-๒๕๕๘ พบว่า ปัญหาน้ำเน่าเสียเป็นปัญหาที่พบมากอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ปัญหาเสียงดัง มลภาวะทางอากาศ ปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งปัจจุบันการร้องเรียนมีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะประชาชนตื่นตัวในการรักษาสิทธิ์และห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการใช้ทรัพยากรต้องมีความคุ้มค่า จึงได้ร่วมสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ 
    ๒) การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้วางแผนยุทธศาสตร์การจัดการกากอุตสาหกรรม ในระยะ ๕ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ โดยมีเป้าหมายนำกากอันตรายเข้าสู่ระบบ ๑.๒-๑.๕ ล้านตันต่อปีในปีนี้ โดยโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียมีมาตรการให้ร้อยละ ๙๐ ของโรงงานที่เข้าข่ายเข้าสู่ระบบ ๕๒,๐๐๐ ราย ด้วยการฝึกอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจ การกำหนดบทลงโทษโรงงานที่ไม่ได้นำกากอุตสาหกรรมเข้าระบบ ด้านผู้รับกำจัดและบำบัด มีมาตรการหาพื้นที่รองรับการขยายตัวของโรงงานในระยะ ๒๐ ปี จำนวน ๖ พื้นที่ และนำร่องสร้างเตาเผาขยะอุตสาหกรรมมูลค่า ๑,๘๐๐ ล้านบาท ที่กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น และการขึ้นทะเบียนจับคู่ระหว่างโรงงานผู้ก่อกำเนิดและผู้บำบัด ส่วนผู้ขนส่งกากอุตสาหกรรมมีมาตรการติดตั้งระบบ GPS รถขนส่งกาก และกำหนดบทลงโทษเพิ่มเติมหากมีการลักลอบทิ้ง โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด 
    ๓) มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัยจากการประกอบกิจการโรงงาน เนื่องจากสถิติการเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมประสานงานกับคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ทั้งนี้ ประเภทโรงงานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มากที่สุด คือ โรงงานผลิตและประกอบอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, โรงงานประเภทรีไซเคิล, โรงงานทำเครื่องเรือนหรือเครื่องตกแต่งจากไม้ ยาง อโลหะ พลาสติก โดยสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เครื่องจักร/อุปกรณ์ชำรุด และอื่นๆ เช่น ปฏิกิริยาเคมี ความร้อน การวางเพลิง ตลอดทั้งความประมาทของบุคคลตามลำดับ  
    “กระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการทบทวนปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เหมาะสมกับประเภท ขนาด และชนิดของโรงงานมากยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกันในช่วงที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุงก็ขอให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัดให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายฉบับเดิมไปก่อน รวมถึงการกำหนดให้สถานประกอบกิจการโรงงานตรวจประเมินตนเองและจัดส่งรายงานให้กระทรวงในทุก ๒ ปี สำหรับโรงงานประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยสูง และโรงงานที่มีอายุเกินกว่า ๑๐ ปี และในทุก ๕ ปีสำหรับโรงงานประเภทอื่น หากไม่มีการรายงานจะไม่มีการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต”นายจักรมณฑ์ กล่าวย้ำ 
    ๔) การอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน ๒๑๙กระบวนงาน สิ่งที่สำคัญคือการชี้แจง แนะนำผู้ประกอบการถึงสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้มีการขอเอกสารเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจ และป้องกันความผิดพลาด เพื่อให้ทำงานได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ๕) การปรับปรุงฐานข้อมูล Thailand Digital Gateway เพื่อรองรับระบบการอนุมัติผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-license) มากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจำเป็นต้องลงข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานต่างๆ จากรูปแบบเอกสารนำเข้าระบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น การยื่นขอ รง.๔ ข้อมูลโรงงานการร้องเรียน เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และสามารถใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตได้ด้วย และ ๖) การปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใด มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่อาจได้รับโทษทั้งทางวินัยและอาญาได้


ฉบับที่ ๒๒๙๓ วันอังคารที่ ๒๖ - วันอาทิตย์ที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘


683 1342