24thApril

24thApril

24thApril

 

May 29,2015

บันเทิง เริงรมย์

Mad Max  Fury Road  
...เอาแม่พันธุ์ของข้าคืนมา...

 

    “พ่อๆ ดูนั่นสิ ตุ๊กแกๆ” 
    เด็กน้อยคนหนึ่ง อายุราวๆ ๗-๘ ขวบ นั่งแถวหน้าด้านขวามือบอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น มือชี้ไปที่จอหนัง ซึ่งเรื่อง Mad Max : Fury Road ก็กำลังเริ่มต้นด้วยฉากกิ้งก่าสองหัวเข้าฉากพร้อมกับเสียงผู้หญิงบรรยายแบบโคตรแผ่วเบาสุดๆ แทบจะไม่ได้ยินเอาด้วยซ้ำ กิ้งก่าตัวนั้นก็วิ่งแท่ดๆๆๆ หาชายคนหนึ่ง ซึ่งยืนมองทะเลทรายอันเวิ้งว้างอยู่ตามลำพังใกล้ๆ กับรถยนต์คู่ใจ
    “แพร่ด!!!”
    “............”
    ชายคนนั้นเหยียบกิ้งก่าตัวนั้นเข้าให้ ไม่เหยียบเปล่า แถมเท้ายังขยี้ซ้ำอีกต่างหาก แล้วหยิบเข้าปากเคี้ยวหยับๆๆ โอ้ว...นี่ช่างเป็นฉากที่ทำร้ายจิดใจเด็กน้อยเสียเหลือเกิน ตัวเด็กก็ออกอาการเหวอเล็กๆ ด้วย แต่จะว่าไปแล้วผู้กำกับชาวออสซี่วัย ๗๐ ปี มักจะมีฉากลักษณะนี้ในผลงานเก่าๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ แต่อย่าเหมานับรวม Happy Feet ภาค ๑ และ ๒ (๒๕๔๙/๒๕๕๔) ซึ่งเป็นผลงานที่ฉีกแนวเดิมๆ ออกไปเยอะด้วยก็แล้วกัน
    จริงๆ แล้ว การที่คุณปู่จอร์จ มิลเลอร์ ทิ้งช่วงจากการทำ Mad Max 3 Beyond Thunderdome แมดแม็กซ์ ภาค ๓ โดมบันลือโลก (๒๕๒๘) ซึ่งเป็นแมดแม็กซ์ภาคเดียวที่ผมเคยดูตอนเป็นเด็ก กับภาคล่าสุดนี่รับประทานเวลาไป ๓๐ ปีเต็มๆ อย่าว่าแต่อารมณ์ร่วมมันไม่ต่อเนื่องเลย แม้แต่เนื้อเรื่องจากภาคนู้นผมเองก็จำไม่ได้แล้วล่ะ...๕๕๕
    อีกอย่าง ตัวหนังตัดภาพตัวละครจากภาคก่อนๆ ราวกับจะบอกให้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ก็มีภาคก่อนๆ นะครับ โดยตัดในรูปแบบภาพหลอนในใจพระเอกตั้งแต่ฉากแรก โผล่มาเป็นระยะๆ ให้เรางงกันเล่นๆ อีกต่างหาก
    แต่ที่แน่ๆ ความมันส์สะใจที่ได้จากภาคล่าสุด ผมนี่ให้คะแนนเกินร้อยเลย ผลงานชิ้นล่าสุดของคุณปู่มิลเลอร์เนี่ย พิถีพิถันไปเสียทุกสัดส่วน ทั้งฉากขบวนรถไล่ล่า ซึ่งพวกพี่แกเล่นแห่กันไปเป็นกองทัพ ทั้งๆ ที่ไล่จับผู้หญิงแค่ ๖ คนที่นั่งอยู่ในรถขนน้ำมันคันเดียว ฉากรถระเบิดกันวินาศสันตะโร ซึ่งสะใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังแอ็กชั่นโดยแท้ และฉากซิ่งตะลุยฝ่าพายุทะเลทราย โดยเฉพาะฉากพายุทะเลทรายพัดพาทั้งรถทั้งคนปลิวหมุนวนขึ้นไปข้างบนเนี่ย นอกจากภาพดูอาร์ตแล้วการกำกับภาพดูสมจริงราวกับว่าเราอยู่ในเหตุการณ์มากเลยทีเดียว
    ตลอดความยาวสองชั่วโมงเต็มของ Mad Max : Fury Road แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์ กล่าวถึงเรื่องราวหลังยุคอารยธรรมของมนุษยชาติล่มสลายของแม็กซ์ ร็อคกาแทนสกี้ (ทอม ฮาร์ดี้ จาก Inception และ The Dark Knight Rises) หลังจากกินกิ้งก่าสองหัวแล้ว เขาก็ถูกแก๊งวอร์บอยแห่งซิตาเดล ซึ่งคลั่งไคล้การไล่ล่าและจับเหยื่อมาทรมานเป็นชีวิตจิตใจ จับตัวมาเป็น “ถุงเลือด” ถ่ายเลือดให้นุกซ์ (นิโคลัส ฮอลท์ จาก Warm Bodies และ X-Men: Days of Future Past) หนึ่งในสมาชิกวอร์บอย ซึ่งกำลังป่วยหนักนั่นเอง
    ขณะที่ อิมเพอเรเตอร์ ฟูริโอซ่า (ชาร์ลิซ เธอรอน จาก Snow White and the Huntsman และ Prometheus) คนขับรถน้ำมันหญิงแกร่งแขนเดียวแห่งซิตาเดล ถือโอกาสขณะปฏิบัติภารกิจเดินทางแย่งชิงแหล่งน้ำมัน พาแม่พันธุ์ทั้ง ๕ หนีออกมาจากฮาเรมเสียเลย ซึ่งสร้างความเดือดดาลให้กับอิมมอร์แทน โจ (ฮิวจ์ คียส์ เบิร์น จาก Mad Max ภาคแรกและ Moby Dick) จอมเผด็จการแห่งซิตาเดลควบตำแหน่งเจ้าของฮาเร็มยิ่งนัก จอมเผด็จการร่างท้วมจึงเรียกระดมพลแกนนำและเหล่าวอร์บอย พร้อมรถตะลุยทะเลทรายอีกหลายคันออกไล่ล่าทันที
    งานนี้มีหรือนุกซ์จะพลาด เมื่อเขาต้องการสร้างผลงานให้อิมมอร์แทน โจ ด้วยความรู้สึกภักดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะต้องหอบถุงเลือดมีชีวิตติดรถไปด้วยก็เถอะ
    สำหรับรถที่โลดแล่นบนถนนโลกันตร์ ต่างก็ออกแบบได้เจ๋งสุดๆ ดีแท้ ดูแปลกประหลาดแต่ก็เด่นสะดุดตาเมื่อยามอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แต่รถที่โดดเด่นสุดๆ ที่ผมนี่ยกนิ้วโป้งให้เลยก็ต้องเป็นรถ ซึ่งด้านหลังมีวอร์บอยมือกลองนับสิบ ด้านบนติดลำโพงแนวตั้งกว่าสิบตัว แถมยังมีวอร์บอย มือกีตาร์โซโล่กีตาร์พ่นไฟ แม้ยามระเบิด ตูม!!! กีตาร์กระเด็น มันยังดูเท่เลย ให้ตายเถอะ...๕๕๕
     อีกอย่าง หนังเรื่องนี้บทสนทนาน้อยมาก ก็อย่างที่บอกปู่จอร์จจัดหนักฉากไล่ล่ากลางทะเลทรายกันทั้งเรื่อง แต่บางทีเสียงก็เบาแทบไม่ได้ยินเสียงคุยกันเลยด้วยซ้ำ ก็ผู้กำกับรุ่นดึกจัดซาวนด์เสียงเครื่องยนต์ และเสียงกระแทกกลองรัวๆๆ ของเหล่าวอร์บอยบิวท์อารมณ์ตลอดแทบทั้งเรื่อง ยิ่งฉากไล่ล่านี่ เสียงกลองยิ่งกระแทกกระทั้นหนักหน่วงดีแท้ ราวกับว่ารอบๆ ตัวเรามีแต่ดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัลเลยล่ะ
     จะว่าไปแล้ว ชาร์ลิซ เธอรอน ในบท ฟูริโอซ่า คาแรกเตอร์และบทบาทช่างดูโดดเด่น กว่าแม็กซ์ พระเอกตามท้องเรื่องเสียอีก แถมไปๆ มาๆ ยังถูกนิโคลัส ฮอลท์ ในบทวอร์บอยกลับใจแย่งซีนเอาเสียด้วยซ้ำ จนผมรู้สึกว่า Mad Max : Fury Road สร้างขึ้นมาเพื่อตัวละครที่มีชื่อว่า “อิมเพอเรเตอร์ ฟูริโอซ่า” ด้วยซ้ำ
    แมดแม็กซ์ภาคล่าสุดทุกองค์ประกอบมีความสมจริงสูงมาก แถมที่เจ๋งกว่านั้นก็อยู่ตรงที่ ปู่จอร์จแทบจะไม่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกด้วยซ้ำ ใช้คนแสดงและสตันท์เล่นจริง เจ็บจริงแบบสมัยก่อนนั่นแหละ บางทีผมก็รู้สึกนะว่า ผู้กำกับท่านนี้ถึงอายุจะมากโข แต่ไม่ตกยุคเลย อีกทั้งผลงานชิ้นล่าสุดก็เป็นตัวบ่งบอกว่า....
    หนังแอ็กชั่นผจญภัยของจริงนั้น มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ

ดินสอ 2B


ฉบับที่ ๒๒๙๓ วันอังคารที่ ๒๖ - วันอาทิตย์ที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘


686 1342