19thApril

19thApril

19thApril

 

July 03,2015

การนวดตา...อย่าเชื่อใครง่าย

การนวดตาอย่าเชื่อใครง่าย


    จากกระแสการแบ่งปันความรู้ทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่บอกว่า “การนวดตา” สามารถรักษาโรคตาได้ เช่น โรคต้อหิน หรือช่วยป้องกันสายตาสั้นในเด็กได้นั้น กรุณอย่าเพิ่งเชื่อนะครับ เพราะตาเป็นเรื่องสำคัญ
    พญ.โสรส วุฒิพันธุ์ จักษุแพทย์ ฝ่ายวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ที่ยืนยันว่า การนวดจะรักษาโรคตาได้ ส่วนที่มีข่าวการนวดตานั้น มีกระแสมาจากประเทศจีนที่เขาเรียกว่า การนวด “ทุยหนา”  โดยใช้นิ้วมือกดจุดและนวดบริเวณรอบดวงตา ช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่ได้มีผลด้านการลดสายตาสั้นหรือช่วยป้องกันแต่อย่างใด
    การนวดตาไม่สามารถรักษาโรคตาใดๆ ได้ แต่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายกับดวงตาขึ้นได้ ดังนี้
    ๑) ทำให้ความดันในดวงตาสูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นต้อหิน
    ๒) ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดจอตา
    ๓) ทำให้เกิดโรคจุดรับภาพเสื่อมลงได้จากการมีเลือดออกในชั้นจอตา
    ๔) ไม่ช่วยให้ภาวะสายตาสั้นดีขึ้น
    ๕) อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของอวัยวะภายในลูกตาได้
    คุณหมอผู้เชี่ยวชาญโรคตายังฝากถึงทุกท่าน  ให้ “รักดวงตา” รู้จัก “ถนอม” ดวงตา สำหรับผู้ที่สายตาสั้น หรือสายตาปกติแต่เกรงว่าจะสายตาสั้น ควรหมั่นพักผ่อนสายตา โดยทำได้ดังนี้ 
    ๑) หลับตา ช่วยคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อสายตาได้ดี 
    ๒) มองระยะไกล ประมาณ ๕ นาที เพื่อคลายกล้ามเนื้อตา 
    ๓) มองโทนสีเขียว ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า เพื่อช่วยให้สายตาของเราผ่อนคลาย สัก ๑๐–๑๕ นาที ทุกๆ ชั่วโมง นอกจากนี้ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า ๒ ขวบ ใช้สายตาในการดูคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน  เพราะจะส่งผลทำให้สายตาสั้น สำหรับเด็กโตไม่ควรเล่นคอมพิวเตอร์เกินวันละ ๒ ชั่วโมง


    การดูแลสุขภาพดวงตาเป็นสิ่งสำคัญ สามารถทำได้ดังนี้
    ๑.กินอาหารมีประโยชน์ให้ครบ ๕ หมู่ โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง คะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ
    ๒.หลับตาเพื่อพักผ่อนสายตาทุก ๑ ชั่วโมง เมื่อใช้สายตามากๆ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ
    ๓.สวมแว่นกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องเจอแสงแดด
    ๔.การดูโทรทัศน์ควรปรับความสว่างของจอให้พอควร และควรนั่งห่างจากจอโทรทัศน์ในระยะประมาณ ๕ เท่าของขนาดจอ
    ๕.เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา ห้ามใช้มือขยี้ ให้ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างตา
    ๖.ควรบริหารดวงตาทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง การบริหารง่ายๆ คือ หน้าตั้ง คอตรง กรอกลูกตาหมุนเป็นวงกลม ตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกา ทำต่อเนื่องกัน ๑๐ ครั้ง
    ๗. ควรตรวจสุขภาพตา จากจักษุแพทย์ปีละครั้ง เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอ (สร้างสุข ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๖๓)

วิธีซื้ออาหารให้ปลอดภัย
    กลุ่มพัฒนาพฤติกรรมการบริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำวิธีเลือกซื้ออาหารประเภทน้ำแข็ง น้ำดื่มและไอศกรีมให้ปลอดภัย ๕ ประการ ดังนี้
    ๑) ดูฉลาก น้ำแข็งหลอดควรสังเกตรายละเอียดบนฉลาก ดูเครื่องหมาย อย. พร้อมเลขสารบบอาหาร ๑๓ หลัก วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อและที่ตั้งของ                ผู้ผลิต และข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน
    ๒) ดูลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือไอศกรีม ต้องสะอาด ไม่มีสี กลิ่น รส ผิดปกติ และไม่เหลว หรือมีลักษณะเหมือนเคยละลายมาแล้ว
    ๓) ดูภาชนะบรรจุ ควรเลือกเครื่องดื่มบรรจุในภาชนะที่สะอาดและปิดสนิท ไม่รั่วซึม หรือมีรอยสกปรก และไม่มีร่องรอยการเปิดใช้ ลักษณะของน้ำต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มีสี กลิ่น รส ที่ผิดปกติ
    ๔) ดูการเก็บรักษา สำหรับน้ำแข็งหลอดตักขายตามร้านค้า ควรสังเกตสถานที่เก็บ               น้ำแข็งว่า อยู่ในที่สะอาดเหมาะสมหรือไม่ ไม่เก็บน้ำแข็งปนกับอาหารประเภทอื่น
    ๕) ดูผู้ขาย สังเกตสุขลักษณะของผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็นเล็บมือ การแต่งกาย ต้องสะอาดด้วย (อย.Report ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๖๗)

บุญเลิศ  สดสุชาติ
สภาฮักแพงเบิ่งแงงคนมหาสารคาม


702 1344