26thApril

26thApril

26thApril

 

July 07,2015

จับสึกพระนักปฏิบัติ ยึดคืนวัดหลวงตาหินร้าง ฟ้องกลับปปช.เช่า ๒๐ ปี

    พระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติให้ ป.ป.ช.เช่าที่ดินกว่า ๓ ไร่ ตั้งสำนักงาน ๒๐ ปี คิดค่าเช่ารวม ๕.๙ ล้านบาทเศษ พร้อมจับสึก ‘พระมหาเลื่อน’ เป็นแกนนำพระภิกษุเข้ามาบุกรุก หลังเคยเคลื่อนไหวค้านบริษัทเอกชน เช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารพักอาศัย/พาณิชย์ และเรียกร้องให้ตรากฎหมายดูแลศาสนสมบัติกลาง ด้านสนง.พระพุทธศาสนาจังหวัด ยืนยันความถูกต้อง ล่าสุดพระนักปฏิบัติอ้างการสึกไม่สมบูรณ์ ตนยังมีสถานะพระ เตรียมยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ และรองเจ้าคณะจังหวัด

พระมหาเลื่อน อภิชาโต 

    ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) โฉนดเลขที่ ๘๑๐๐ (บางส่วน) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ระยะเวลาการเช่ามีกำหนด ๓๐ ปี ซึ่งที่ดินดังกล่าวระบุว่า พระมหาเลื่อน อภิชาโต และพระภิกษุจำนวนหนึ่งได้เข้ามาบุกรุกที่ดินเพื่อก่อสร้างที่พักอาศัยอยู่ จึงเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ผู้ปกครองคณะสงฆ์ระดับตำบล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งให้พระมหาเลื่อน อภิชาโต และพระภิกษุ กลับวัดสังกัดเดิมภายใน ๑๐ วัน ปรากฏว่า พระมหาเลื่อน อภิชาโต และบริวารยังพักอาศัยอยู่ในที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) แปลงดังกล่าว นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา จึงมีหนังสือที่ นม ๐๐๓๔/๔๘๑ วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อแจ้งให้พระมหาเลื่อน อภิชาโต และพระภิกษุที่เข้ามาบุกรุกในที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) กลับวัดสังกัดเดิม ตามที่ผู้ปกครองคณะสงฆ์ระดับตำบลได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยขอให้ออกจากพื้นที่วัดร้างดังกล่าว ภายในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยเด็ดขาด พร้อมกันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๒๑ และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ขอกำลังพลเพื่อหายุติปัญหา เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น หากครบกำหนดแล้วพระมหาเลื่อน อภิชาโต และบริวารยังไม่ออกจากสถานที่ดังกล่าวแต่อย่างใด 


รวมพลังชาวพุทธคัดค้าน
    ต่อมาวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ‘โคราชคนอีสาน’ ได้รับแจ้งว่า มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า ๑๐ นาย ลงพื้นที่ตรวจสอบวัดร้างดังกล่าว เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลาให้ออกจากพื้นที่ พร้อมกับมีใบปลิว โปรยหัวข้อ “รวมพลังชาวพุทธต่อต้านการเมืองแทรกแซงพระพุทธศาสนา” ซึ่งเนื้อหาใบปลิวมีข้อความระบุว่า “มันมาในรูปแบบของผู้นำองค์กรชาวพุทธ สนับสนุนองค์กรทางการเมือง ขั้วอำนาจ ให้ยึดวัดร้างทั่วประเทศ ตั้งสำนักงาน ป.ป.ช. จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ปัจจุบันขณะนี้พวกเขาคืบคลานเข้ามาถึงจุดที่เป็นฐานเพื่อการยึดครองประเทศแล้ว วัดร้างในตัวจังหวัดทุกจังหวัด ๑ แห่ง จะเป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด นั่นคือ ศูนย์กลางการขยายงาน เผยแพร่ลัทธิของพวกเขา “วัดหลวงตาหิน” หน้าสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ จังหวัดนครราชสีมาที่พวกเขาจะนำกำลังเจ้าหน้าที่... มาทำลายกุฏิสงฆ์ ขับไล่พระสงฆ์ให้ออกจากพื้นที่วัด ภายในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ พวกเขาจะเอาเป็นโมเดล (ต้นแบบ) ในการยึดครองวัดร้างทั่วประเทศ แล้วก็จะอ้างเอาเป็นเหตุในการยึดครองวัดร้างในจังหวัดอื่นๆ” ลงท้ายสภาชาวบ้านชุมชนวัดหลวงตาหิน ชุมชนจิระนคร  
    ‘โคราชคนอีสาน’ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ วัดหลวงตาหิน (ร้าง) พบว่า พระมหาเลื่อน อภิชาโต พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ และบริวารส่วนหนึ่งยังคงไม่ยินยอมออกจากพื้นที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) พร้อมติดป้ายขนาดใหญ่ โดยมีข้อความระบุว่า “เขตสังฆาวาส วัดหลวงตาหิน จำนวนที่เหลือ ๖ ไร่ จากตามโฉนด ๑๓ ไร่เศษ ห้ามซื้อ ขาย ให้เช่า ห้าม ป.ป.ช.เข้าใช้ตั้งสำนักงาน ใครจะทำอะไรในเขตฯ ต้องปรึกษาประธานสงฆ์ และคณะกรรมการวัด พร้อมข้อเสนออย่างละเอียด”    

 

เห็นต่างไม่เหมาะที่ตั้ง‘ป.ป.ช.’
    พระมหาเลื่อน อภิชาโต ซึ่งอ้างตนเป็นประธานที่ปรึกษาอาสาสมัครพิทักษ์พระพุทธศาสนา รุ่นที่ ๔ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ ‘โคราชคนอีสาน’ พร้อมแสดงสำเนาโฉนดเลขที่ ๘๑๐๐ (บางส่วน) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า ตามโฉนดวัดหลวงตาหิน (ร้าง) มีพื้นที่ทั้งหมด ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๒๕๐ กว่าตารางวา ผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ คือ หลวงตาหิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ แต่ปัจจุบันร้าง ขณะนี้สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้มาติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ พร้อมข้อความเพื่อแสดงให้เห็นว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อนุมัติให้เช่าที่ศาสนสมบัติกลาง วัดหลวงตาหิน (ร้าง) จำนวน ๓ ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา หาก ป.ป.ช.เช่าพื้นที่วัดร้างดังกล่าว ๓ ไร่ พื้นที่วัดร้างแห่งนี้ก็จะเหลือเพียง ๓ ไร่ จึงไม่สามารถจัดสร้างวัดได้ จากก่อนหน้านี้แบ่งให้ชาวบ้านได้เช่าเพื่อพักอาศัยและประกอบอาชีพบางส่วน อีกทั้งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ยังขอเช่าเพื่อเป็นที่ตั้งทำการในปัจจุบันด้วย ซึ่งเรื่องนี้การอนุมัติให้เช่าพื้นที่ ๓ ไร่ เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา มีระยะเวลาการเช่า ๓๐ ปี อาตมาถือว่าไม่เหมาะสม เพราะที่ดินแห่งนี้เป็นวัดหลวงตาหิน (ร้าง) ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นที่ทำการของหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งยังมีรายงานด้วยว่า มีการผลักดันให้พื้นที่อีก ๓ ไร่ที่เหลือ เป็นที่ตั้งของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ ยังมีกรณีเมื่อประมาณปี ๒๕๕๓ มีการจัดทำสัญญาและจดทะเบียนการเช่าที่ดินให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง (บริษัท บริสุทธิ์ทาว จำกัด) เพื่อปลูกสร้างอาคารพักอาศัย (แฟลต) อาคารอเนกประสงค์ และอาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ขณะนั้นอาตมาและพระภิกษุสงฆ์ส่วนหนึ่งจึงออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน  


ตรากฎหมาย’ศาสนสมบัติกลาง
    พระมหาเลื่อน อภิชาโต ยังได้เรียกร้องว่า “ให้มีการตราพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปกครอง ดูแลศาสนสมบัติกลาง (วัดร้าง) โดยให้กำหนดพื้นที่ตามโฉนดของวัดร้าง จำนวน ๖ ไร่ เป็นเขตสังฆาวาส มีคณะสงฆ์ที่ประสงค์จะอยู่ปฏิบัติธรรมพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดโรจน์ เป็นผู้บริหาร ห้ามมิให้ผู้ใด หรือองค์กรบริหารของทางราชการส่วนใดๆ เข้ามาก้าวก่าย ทำลายความรู้สึกของสงฆ์ในวัดร้างอย่างเด็ดขาด การพิจารณาซื้อ ขาย ให้เช่าขององค์กรทางศาสนา หรือองค์กรอื่นใดๆ ห้ามมิให้เข้ามาแตะต้อง ในเขตสังฆาวาส ๖ ไร่ ของวัดร้างทุกแห่งทั่วประเทศ”

  
ยึดพื้นที่คืน-จับสึก‘พระมหาเลื่อน’
    กระทั่งวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. มีรายงานว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา นำกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่ง เข้ายึดพื้นที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) คืน โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ได้อ้างถึงมติมหาเถรสมาคม โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขาธิการ อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) โฉนดเลขที่ ๘๑๐๐ (บางส่วน) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ก่อนนำพระมหาเลื่อน อภิชาโต จับสึกขาดจากความเป็นพระ ที่วัดพายัพ ส่วนพระภิกษุสงฆ์รูปอื่นให้กลับวัดสังกัดเดิมทุกรูป      


สนง.พระพุทธศาสนาแจงที่วัดร้าง
    ต่อเรื่องนี้นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้นายคำพัน ครองเกษม นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกับ ‘โคราชคนอีสาน’ ว่า วัดหลวงตาหิน (ร้าง) เป็นศาสนสมบัติกลาง โดยมีการออกโฉนดเลขที่ ๘๑๐๐ ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ครอบคลุมเนื้อที่ ๑๓ ไร่เศษ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่หลวง ปัจจุบันเป็นวัดร้างไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา และอยู่ในความดูแลของมหาเถรสมาคม โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขาธิการ และเป็นผู้ดูแลปฏิบัติสนองงาน ซึ่งพื้นที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) จำนวน ๑๓ ไร่เศษ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ได้ขอเช่าจำนวน ๓ ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งอาคารสำนักงานหรือที่ทำการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน และยังแบ่งให้ประชาชนเช่าเป็นที่ตั้งบ้านเรือนพักอาศัยอีกประมาณ ๔ ไร่ ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีกประมาณ ๖ ไร่นั้น ก่อนหน้านี้พระมหาเลื่อน อภิชาโต ซึ่งอ้างตนเป็นประธานที่ปรึกษาอาสาสมัครพิทักษ์พระพุทธศาสนา รุ่นที่ ๔ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จะจัดโครงการทอดผ้าป่ามหาชาติ เพื่อจัดหาเงินทุนมอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา สำหรับก่อสร้างหอประชุมขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบวงจร ณ บริเวณที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) ประมาณ ๖ ไร่ ขณะนั้นเมื่อประมาณปี ๒๕๕๖ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาได้ประสานเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์แล้ว ซึ่งได้เมตตารับพิจารณาและเห็นว่า เป็นแนวคิดที่ดีควรสนับสนุน แต่ให้ชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน ประกอบกับที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) ซึ่งจะก่อสร้างหอประชุมขนาดใหญ่ อยู่ในระหว่างการจัดทำสัญญาและจดทะเบียนการเช่าที่ดินกับบริษัทเอกชน คือ บริษัท บริสุทธิ์ทาว จำกด ซึ่งจะปลูกสร้างอาคารพักอาศัย (แฟลต) อาคารอเนกประสงค์ และอาคารพาณิชย์ต่อไป ทำให้ไม่มีที่ดินสำหรับก่อสร้างหอประชุมดังกล่าว จึงจำต้องชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน เพราะยังไม่พร้อมหรือเหมาะสมในขณะนั้น ซึ่งในภายหลังบริษัทเอกชนดังกล่าวก็ไม่มาดำเนินการจัดทำสัญญาเช่า กระทั่งอนุญาตให้ ป.ป.ช.เช่าเป็นพื้นที่ตั้งสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมาในขณะนี้ 


๒ วินิจฉัยจับสึกพระนักปฏิบัติ 
    นายคำพัน กล่าวต่ออีกว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ให้พระมหาเลื่อน อภิชาโต และบริวารออกจากวัดหลวงตาหิน (ร้าง) แล้ว ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา จึงประสานกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่ง นำตัวพระมหาเลื่อน อภิชาโต และบริวารที่ยังพักอาศัยอยู่ในวัดร้างแห่งนี้ไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจก่อน จากนั้นเวลา ๑๘.๐๐ น.เศษ ของวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘  พระราชวิมลโมลี (ดำรง ทิฏฺฐธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าอาวาสวัดพายัพ พร้อมด้วยรองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ๒ รูป และรองเจ้าคณะตำบลอีก ๒ รูป ได้จัดให้พระมหาเลื่อน อภิชาโต สละสมณเพศ ที่วัดพายัพ อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยคำวินิจฉัยของเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา ใน ๒ ประเด็นหลัก คือ ๑. พระมหาเลื่อน อภิชาโต ไม่มีสิทธิ์อยู่ที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) ตามคำสั่งมหาเถรสมาคมอนุมัติให้ ป.ป.ช. เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) และมีหนังสือให้กลับวัดสังกัดเดิม และ ๒. ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๖ มหาเถรสมาคมตรากฎหมายสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๓ ในกรณีพระภิกษุรูปใด (๒) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง หรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัด หรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ 
    “นอกจากนี้ พระมหาเลื่อนยังมีการอ้างตนเป็นประธานที่ปรึกษาอาสาสมัครพิทักษ์พระพุทธศาสนา รุ่นที่ ๔ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ถือเป็นการแต่งตั้งด้วยตนเอง คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาไม่มีใครแต่งตั้งหรือทราบเรื่องนี้ ส่วนพระภิกษุรูปอื่นที่บรรพชาอุปสมบทและมีใบสุทธิถูกต้อง ก็ให้กลับไปวัดต้นสังกัด ส่วนการยื่นอุทธรณ์ในประเด็นขับไล่ออกจากที่ดินวัดร้างดังกล่าว ไม่ใช่การอุทธรณ์แต่เป็นการโต้แย้ง ซึ่งมีสิทธิ์โต้แย้งได้ ส่วนจะฟังขึ้นหรือไม่นั้นก็อยู่ในข้อวินิจฉัยต่อไป” นายคำพันกล่าว 


ป.ป.ช.สนใจเช่าที่ดินทั้งหมด
    “ทั้งนี้ กรณีพระมหาเลื่อน อภิชาโต หรือมหาเลื่อน ได้เข้ามาบุกรุกพื้นที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ ทั้งที่มีวัดต้นสังกัดอยู่ที่วัดบึง (พระอารามหลวง) แต่ไม่จำพรรษาเป็นหลักแหล่ง ซึ่งระหว่างมีข้อพิพาทเรื่องที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) มหาเลื่อนก็ร้องเรียน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานรัฐที่เกี่ยงข้อง ด้วยการให้ข้อมูลที่จริงปนเท็จ ทำให้ผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเกิดความเข้าใจโดยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมาแล้ว ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก ๓ ไร่นั้น ทางสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมาเคยมาติดต่อขอเช่าพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหากไม่มีรายใดมาขอเช่า ทาง ป.ป.ช. เคยระบุว่ามีความสนใจที่จะขอเช่าพื้นที่ที่เหลือทั้งหมด” นักวิชาการศาสนาชำนาญการกล่าว


‘พระมหาเลื่อน’เตรียมฟ้องศาล
    ‘โคราชคนอีสาน’ จึงสอบถามมหาเลื่อน (พระมหาเลื่อน อภิชาโต) และได้รับการเปิดเผยเหตุการณ์วันนั้น (๓๐ มิ.ย. ๕๘) ว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา นำกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันขับไล่ออกจากที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) ได้ใช้กำลังบังคับ ข่มขืนใจให้อาตมาถอดจีวร พร้อมนำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนเพื่อให้สละสมเพศ ซึ่งระหว่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนหรือยินยอมถอดจีวรแต่อย่างใด ก่อนที่จะนำตัวไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อตกลงทำความเข้าใจ จากนั้นจึงนำตัวเดินทางไปวัดพายัพ เพื่อจัดให้สละสมเพศ หรือจับสึก ต่อเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา แต่อาตมาไม่ได้กล่าวสละสมเพศแต่อย่างใด จึงถือว่าอาตมายังไม่ได้สละสมเพศอย่างถูกต้อง และในวันนั้นก็ได้เดินทางกลับไปจำวัดที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) กระทั่งช่วงสายวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ออกเดินทางไปจำวัด ณ วัดแห่งหนึ่ง ที่กรุงเทพมหานคร ถึงขณะนี้อาตมาก็ยังจำวัดอยู่ที่วัดดังกล่าวและยังครองสมเพศ พร้อมทั้งเตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับอาตมาในการครองสมเพศต่อไป และเรียกร้องที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) คืน เพราะเป็นศาสนสมบัติกลาง โดยแนวทางการต่อสู้เพื่อความถูกต้องครั้งนี้ อาตมาจะไปยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองกลาง ประกอบด้วย นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา, นายมงคล สาริสุต ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา, พระครูนายกวรธรรม (มหาเริ่ม) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา รูปที่ ๒ สังกัดวัดพระนารายณ์มหาราช อีกทั้งฝ่ายตำรวจและทหารที่ปฏิบัติการ ขับไล่อาตมาออกจากพื้นที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง)  


กลัวความชั่วกว่าความถูกต้อง
    “อาตมาบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๒๔ ที่วัดศาลาเย็น อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยมีวัดต้นสังกัดอยู่ที่วัดบึง (พระอารามหลวง) นับถึงปัจจุบันจำพรรษามาแล้ว ๓๓ พรรษา และตลอดระยะเวลาผ่านมาในการครองสมณเพศอาตมาได้เผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่ประชาชน อบรมสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมให้แก่ประชาชนทั่วๆ ไป และอบรมเยาวชนให้มีศีลธรรมตามโรงเรียนต่างๆ และการเข้ามาจำวัดที่วัดหลวงตาหิน (ร้าง) ก็มีแผนจะสร้างอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ เช่น ขยายถนนหน้าวัดให้กว้างขึ้น ทำที่จอดรถฟรีให้กับประชาชน และตั้งใจว่าจะสร้างศูนย์การประชุมแห่งรัตน์ วัดหลวงตาหิน (ร้าง) เพื่อศูนย์การประชุมอเนกประสงค์ ไว้ใช้ประโยชน์สำหรับฝ่ายสงฆ์ ฆราวาส หน่วยงานรัฐ/ข้าราชการต่อไป ทั้งนี้ ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคมนี้ อาตมาจะเดินทางมายังวัดหลวงตาหิน เพื่อจัด “เทศน์แหล่ธรรมเพื่อสอนประชาชน ๓ ธรรมาสน์” ตามกำหนดการเดิมที่ได้แจ้งญาติโยมไว้แล้ว และไม่กลัวว่าจะเป็นการเข้ามาบุกรุกพื้นที่ เพราะอาตมากลัวเรื่องความชั่วมากกว่าความถูกต้อง” พระมหาเลื่อน กล่าวในท้ายสุด 

อนุมัติเช่า ๒๐ ปี ๕.๙ ล้านเศษ

       อนึ่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาแล้ว และอนุมัติให้ ป.ป.ช. เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) บางส่วน โดยมีหลักการและเงื่อนไข ดังนี้ ๑. ให้ ป.ป.ช. เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) โฉนดที่ดินเลขที่ ๘๑๐๐ (บางส่วน) เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ เพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างที่ตั้งที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ๒. ระยะเวลาการเช่ามีกำหนด ๒๐ ปี (จากเดิมที่ระบุไว้ ๓๐ ปี) นับตั้งแต่วันลงนามในสัญญาเช่า ๓. อัตราค่าเช่าที่ดิน แบ่งเป็น ชำระค่าเช่าทั้งหมดในวันลงนามในสัญญา รวม ๒๐ ปี เป็นเงิน ๕,๙๐๔,๙๐๐ บาท หรือชำระค่าเช่าเป็นรายปี (ปรับเพิ่มประมาณร้อยละ ๓๕ ทุกระยะ ๕ ปี) โดยระยะ ๕ ปีแรก ค่าเช่าที่ดินปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท, ระยะ ๕ ปีที่สอง ค่าเช่าที่ดินปีละ ๑๖๒,๐๐๐ บาท, ระยะ ๕ ปีที่สาม ค่าเช่าที่ดินปีละ ๒๑๘,๗๐๐ บาท และระยะ ๕ ปีสุดท้าย ค่าเช่าที่ดินปีละ ๒๙๕,๒๔๕ บาท ๔. ค่าธรรมเนียมการเช่า เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท, ค่าประกันการเช่า เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท และค่าจัดทำสัญญาเช่า ฉบับละ ๓๐๐ บาท ๕. ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ทางราชการเรียกเก็บให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ชำระทั้งสิ้น และ ๖. ผู้เช่าเป็นผู้ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

      สำหรับพระมหาเลื่อน อภิชาโต เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๘๘ ที่บ้านโคกดินแดง หมู่ที่ ๙ ตำบลทับรั้ง อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันอายุ ๗๐ ปี เป็นลูกชาวนา สนใจในความถูกต้องชอบธรรม เมื่ออายุ ๑๓ ปี จึงบวชเป็นสามเณร เพื่อมุ่งศึกษาทางธรรม ขณะอายุ ๑๗ ปี สำเร็จนักธรรมเอก และระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๐๙ ขณะอายุได้ ๑๘-๑๙ ปี สำเร็จเปรียญธรรม ๓ และ ๔ ประโยคตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดสระแก อำเภอเมืองนครราชสีมา จากนั้นบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๒๔ ที่วัดศาลาเย็น อำเภอเมืองนครราชสีมา วัดต้นสังกัดคือ วัดบึง (พระอารามหลวง) โดยเป็นพระภิกษุสงฆ์ สายธรรมยุตินิกาย ๑ พรรษา ก่อนจะย้ายมาในสายมหานิกาย ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๔ เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ปฏิบัติตนในพุทธบัญญัติอย่างเคร่งครัด และครองตนโดยสมถะมาตลอด

     ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ พระมหาเลื่อน อภิชาโต ได้ร่วมกับพระภิกษุส่วนหนึ่ง ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน โดยไม่เห็นด้วยในการจัดทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าที่ดินให้กับบริษัท บริสุทธิ์ทาว จำกัด ซึ่งจะใช้สำหรับปลูกสร้างอาคารพักอาศัย (แฟลต) อาคารอเนกประสงค์ และอาคารพาณิชย์ ในที่ดินบริเวณวัดหลวงตาหิน (ร้าง) พร้อมอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบ ต่อมาระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้ร่วมปฏิบัติการในที่ดินพิพาทดังกล่าว เนื่องจากพระมหาเลื่อน อภิชาโต กับพระภิกษุรวม ๙ รูป ได้ก่อสร้างเพิงชั่วคราวสำหรับอาศัยในบริเวณที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) จึงนิมนต์ให้ไปที่วัดบึง (พระอารามหลวง) เพื่อสอบสวนตามระเบียบกฎหมายเฉพาะทางสงฆ์ ปรากฏมีพระภิกษุยินยอมสละสมณเพศ จำนวน ๑ รูป และที่เหลือรวม ๘ รูป ยินยอมเดินทางกลับวัดที่สังกัดโดยสมัครใจ ส่วนพระมหาเลื่อน อภิชาโต เจ้าคณะตำบลในเมือง เขต ๔ ขณะนั้น ได้มีคำวินิจฉัยให้สละสมIเพศภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เนื่องจากต้องด้วยกรณีไม่สังกัดวัดใดวัดหนึ่ง หรือไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามความนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๕ พระมหาเลื่อนซึ่งรับทราบคำสั่งนี้ดี แต่ไม่ยอมสละสมณเพศ กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เกิดข้อพิพาทในที่ดินดังกล่าวอีกครั้ง สืบเนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่าที่ดินวัดหลวงตาหิน (ร้าง) โฉนดเลขที่ ๘๑๐๐ (บางส่วน) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ระยะเวลา ๒๐ ปี และเกิดเหตุการณ์ขับไล่พระมหาเลื่อน อภิชาโต ออกจากพื้นที่วัดร้างดังกล่าว พร้อมกับให้สละสมณเพศ 

นสพ. โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๐๑ วันจันทร์ที่ ๖- วันศุกร์ที่ ๑๐ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘

 


714 1350