26thApril

26thApril

26thApril

 

October 23,2015

สั่งขยายผลฟันนายทุนคนมีสี ตัดไม้ป่าภูเขียวขายต่างชาติ ตร.ล่ามือยิงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดับ

    ศาลอนุมัติหมายจับแก๊งมอดไม้ ๓ คนยิงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ภูเขียวเสียชีวิต สองรายมอบตัวแล้ว ส่วนมือยิงยังหลบหนี ภริยารับปากจะพยายามติดต่อให้มอบตัวแล้ว หวั่นนายทุนฆ่าปิดปาก พบหลักฐานมีเจ้าหน้าที่รัฐ อดีตผู้ใหญ่บ้าน และอดีตกำนัน สั่งแรงงานเข้าพื้นที่หาลักลอบตัดไม้กฤษณาในผืนป่าภูเขียว ส่งออกผ่านประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก

   ตามที่เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๘ เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ระดมกำลังเข้าติดตามจับกุมกลุ่มพรานป่าแก๊งมอดไม้ที่พากันเข้ามาลักลอบตัดไม้กฤษณา หรือไม้หอม ในเขตพื้นที่ป่าภูเขียวและเกิดการยิงต่อสู้กัน ทำให้นายประสิทธิ์ คุ้มหมู่ อายุ ๔๙ ปี พนักงานพิทักษ์ป่า ส.๒ ลูกจ้างประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) หัวหน้าชุดที่นำกำลังเข้าไปช่วยจับกุมถูกกลุ่มแก๊งมอดไม้ที่มีด้วยกันรวม ๓ คนยิงเสียชีวิต 
    ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ล่าสุดนายชูศักดิ์ ตรีสาน ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ด้านการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในการเข้ามาลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลสั่งให้เร่งดำเนินการป้องกันปราบปรามเรื่องนี้อย่างเข้มงวดและเอาจริงเอาจังมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) ซึ่งมีการกระทำการอย่างอุกอาจ ยิงเจ้าหน้าที่ป่าไม้เสียชีวิตครั้งนี้ ด้านศาลจังหวัดภูเขียวได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่ทราบตัวแล้วว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ในเบื้องต้นรวม ๓ คน ได้แล้ว ประกอบด้วย ๑.นายบุญเล็ง สายทองคู่ อายุ ๔๘ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๐๘ หมู่ที่ ๗ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงนายประสิทธิ์ฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เสียชีวิต ๒.นายอาทิตย์ คลังสิน อายุ ๓๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๑ หมู่ ๕ ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และ ๓.นายสอง คลังทอง อายุ ๓๘ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓ หมู่ ๕ ต.ช้างตะลุด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่เป็นเพื่อนพรานป่าที่ร่วมกันก่อเหตุ หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้งหมดหายออกไปจากบ้านยังไม่กลับมาบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลออกไปติดตามบ้านญาติและบ้านของผู้ก่อเหตุทั้งหมดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ให้ทราบแล้ว และขอให้รีบเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็ว ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง ๓ อยู่ระหว่างการหลบหนีเข้าไปในป่าภูเขียวรอยต่อจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ในขณะนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังทุกภาคส่วนปิดล้อมทางเข้าออกป่าทั้งหมดไว้หมดแล้ว และไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียหรือปะทะกันรุนแรงอีก


    “สำหรับในทางการสืบสวนก็ทราบหมดแล้วว่า มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ที่จะต้องมีการขยายผลไปถึงคนที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ทั้งหมดด้วย และทราบว่ามีนายทุนใหญ่ที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน อยู่ที่จังหวัดสระแก้ว เป็นคนสั่งการให้พรานกลุ่มนี้เข้ามาลักลอบตัดไม้กฤษณาในพื้นที่ป่าภูเขียว โดยจะต้องขยายผลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าเป็นใครก็ต้องจับดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ ทางจังหวัดจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร แต่ในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐกระทำผิดเสียเองก็จะต้องมีการสอบสวนดำเนินการทางวินัยอาญาให้เด็ดขาดรุนแรงมากขึ้นด้วย” ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ กล่าว
    จากนั้นในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ นางพูลทรัพย์ เพิ่มพูน อายุ ๔๐ ปี ภริยาของนายอาทิตย์ คลังสิน อายุ ๓๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๑ หมู่ ๕ ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยญาติๆ ได้นำตัวนายอาทิตย์ คลังสิน และนายสอง คลังสิน อายุ ๓๘ ปี สองพี่น้องเดินทางเข้าพบพ.ต.อ.สุริยา จักรโนวรรณ ผกก.สภ.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และพ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ ผกก.๒ บก.ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค ๓ นคราชสีมา เพื่อขอมอบตัวหลังร่วมกันกับนายบุญเล็ง สายทองคู่ อายุ ๔๘ ปี ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี และเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองสันไทยประดิษฐ์ ยิงนายประสิทธิ์ คุ้มหมู่ อายุ ๔๙ ปี พนักงานพิทักษ์ป่า ส.๒ ลูกจ้างประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หัวหน้าชุดเสียชีวิต โดยพ.ต.อ. ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ ผกก. ๒ บก.ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค ๓ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจึงรีบนำตัวนายอาทิตย์ คลังสิน และนายสอง คลังสิน สองพี่น้องขึ้นรถกระบะเดินทางเข้าไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อที่ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค ๓ นครราชสีมา ในช่วงเช้าที่ผ่านมา

 
    นายสอง คลังสิน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า พวกตนทั้งสองคนไม่ได้ฆ่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แต่ยอมรับว่าได้ร่วมกับนายบุญเล็งฯ นายสองฯ และนายอาทิตย์ฯ รวม ๓ คน เดินทางเข้าไปในป่าภูเขียวเพื่อลักลอบตัดไม้กฤษณาภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บริเวณลำห้วยตองโต้ ตำบลทุ่งลุยลาย เพื่อส่งขายต่อให้กับนายทุนจากจังหวัดสระแก้ว ที่สั่งของมาเมื่อเวลา ๑๔.๓๐ น. ของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ขณะที่พวกตนกำลังใช้มีดตัดโค่นต้นไม้กฤษณา (ไม้หอม) อยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวนนับ ๑๐ นาย ยิงปืนขึ้นฟ้าและแสดงตนจับกุมตัว ซึ่งในขณะที่นายประสิทธิ์ (เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ถูกยิงเสียชีวิต) กำลังนำเจ้าหน้าที่เข้าล็อกตัวนายบุญเล็งฯ หัวหน้าทีมพรานป่าได้สะบัดหลุด แล้วชักปืนลูกซองสั้นเบอร์ ๑๒ ยิงใส่ร่างนายประสิทธิ์จนล้มลงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แล้วจึงแยกย้ายพากันวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึก โดยนัดมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ หลังจากถูกกดดันอยู่นานหลายวันจึงได้ออกจากป่าแอบมาพบญาติๆ เพื่อให้ช่วยพาเข้ามอบตัว เพราะกลัวถูกเจ้าหน้าที่จับตาย ส่วนนายเล็งฯ ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่ป่าไม้เสียชีวิตได้ขอแยกทางกับพวกตนในป่าลึก แล้วเดินมุ่งหน้าหนีไปทางเขตอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ 
     ทั้งนี้ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายบุญเล็ง สายทองคู่ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ปืนยิงนายประสิทธิ์ ยังหลบหนีอยู่ในป่าลึก โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ของสำนักการบิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และของกรมตำรวจ จำนวน ๒ ลำ ออกบินวนรอบเทือกเขาภูเขียว ไล่ล่ากดดันไม่หยุดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจัดส่งกำลังชุดปฏิบัติการเข้าพื้นที่โดยทางรถยนต์จำนวนมากกว่า ๑๐๐ นาย บริเวณป่าเหนือเขื่อนจุฬาภรณ์ เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีของผู้กระทำผิดที่จะหลบหนีออกไปได้อีกทางด้วย พร้อมได้ประสานอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวในการช่วยสกัดกั้นหากผู้กระทำผิดอาจหลบหนีจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวไปยังพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวออกมาอีกทางได้ ร่วมปฏิบัติการในพื้นที่ป่าพร้อมทั้งตรึงกำลังในพื้นที่ศูนย์พิทักษ์ป่าภูเขียวที่ ๒ ปางม่วง และหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยซุ ยังจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และป่าไม้เข้าไปเพิ่มขึ้นอีกกว่า ๔๐๐ นายเดินปูพรมปิดล้อมทางเข้าออกเพื่อตรวจสอบหาร่องรอยและช่วยกันหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็วต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะพบตัวในเร็วๆ นี้ และไม่อยากให้หลบหนีต่อไป ควรจะรีบประสานญาติๆ ช่วยออกมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็วจะดีกว่า เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะสูญเสียขึ้นอีก


    ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๗ นครราชสีมา เปิดเผยว่าล่าสุดได้รับการประสานงานจากนางอรณัส แก่นโพธิ์  อายุ ๓๕ ปี ภริยาของนายบุญเล็งฯ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังพยายามหลบหนีหมายจับจากศาลภูเขียวอยู่ขณะนี้ ได้พยายามติดต่อมาถึงเจ้าหน้าที่เพื่อจะขอเจรจากับสามีก่อนและจะเร่งพาเข้ามอบตัวให้ได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งสามีแจ้งว่าเดินทางหลบหนีออกมาจากป่าเพื่อมาหาเธอที่บ้านเลขที่ ๒๐๘ หมู่ที่ ๗ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วก่อนที่จะได้รับการติดต่อมาจากนายทุนที่สั่งงานอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้จัดหาคนเข้าไปก่อเหตุและลักลอบตัดไม้กฤษณาส่งไปขายให้ จากนั้นสามีก็หลบหนีออกจากบ้านไป ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะกลับเข้าไปหลบในป่า หรือเดินทางไปหานายทุน เพราะหวั่นว่าหากนายทุนไม่พอใจ ที่สามีอาจจะซัดทอดไปถึงตัวได้ อาจจะลงมือฆ่าตัดตอนสามีก่อนได้ จึงขอเวลาที่จะช่วยเจรจากับสามีเพื่อให้รีบเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่จะปลอดภัยกว่า และน่าจะพาเข้ามอบตัวได้ในเร็ววันนี้
    อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงว่า เส้นทางขบวนการลักลอบตัดไม้กฤษณา หรือไม้หอม ในครั้งนี้ มีการขบวนการที่เป็นโครงข่ายที่ใหญ่ระดับข้ามชาติ และมีผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งไม้หอมกฤษณามีราคาแพง เมื่อตัดโค่นไปก็จะนำไปกลั่นเป็นต้นน้ำหัวเชื้อน้ำหอมเพื่อส่งออกไปยังประเทศตะวันตก ใช้เป็นส่วนประกอบเครื่องสำรองน้ำหอมประทินผิวมีราคาแพงขึ้นชื่อระดับโลก โดยเฉพาะแก่นต้นไม้หอมเป็นหัวเชื้อหลักแก่นสีดำสนิท หากนำไปชั่งเป็นกิโลกรัมส่งออกขายไปยังต่างประเทศมีมูลค่าสูงกว่ากิโลกรัมละไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท และหากนำไปต้มกลั่นผลิตเป็นน้ำหัวเชื้อน้ำหอม ก็ยิ่งจะมีมูลค่าสูงกว่า ขนาดขวดสุราแบนเล็ก มีราคาสูงกว่าแบนละไม่น้อยกว่า ๓๐๐,๐๐๐-๕๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติ โดยนายทุนจากประเทศเพื่อนบ้านจะจ้างแรงงานที่เชี่ยวชาญเดินป่าเพื่อเข้ามาหาไม้หอมในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ปากีสถาน โดยให้เข้ามากับกลุ่มนายทุนในไทยในการจัดหาพรานป่าในพื้นที่เขตรอยต่อภาคเหนือที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และที่ภาคอีสานคือที่จังหวัดชัยภูมิ และนครราชสีมา ที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อมุ่งเข้าสู่ผืนป่าภูเขียว หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นแหล่งป่าไม้ หรือเป็นแหล่งมีไม้หอม ผืนสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้เนื้อที่กว้างนับล้านไร่ ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศ ที่เตรียมจะขอขึ้นเป็นมรดกโลกในเร็วๆ นี้อีกด้วย เนื่องจากเป็นแหล่งต้นน้ำชี (ซี) ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แหล่งสุดท้ายของประเทศ เป็นจุดต้นกำเนิดของพื้นที่ป่าไม้หอมจำนวนมากในเขตรอยต่ออำเภอหนองบัวแดง เกษตรสมบูรณ์ ภูเขียว และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ที่เป็นสายน้ำหัวใจหลักที่ช่วยหล่อเลี้ยงชาวอีสานเกือบทั้งภาคมาถึงปัจจุบัน และกำลังถูกกลุ่มนายทุนผลประโยชน์ข้ามชาติและกลุ่มมอดไม้ชาวไทยต่างมุ่งหวังเข้าผลาญทรัพยากรชาติจนเริ่มวิกฤติหนักมาต่อเนื่องในรอบ ๔-๕ ปีที่ผ่านมา เพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่มีแหล่งทรัพยากรด้านนี้หลงเหลือให้ผลาญได้เท่ากับประเทศไทย หากชาวไทยทุกคนไม่ช่วยกันป้องกันอนุรักษ์ป่าภูเขียวต้นแม่น้ำชีในจุดนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ยากเกินเยียวยา 

นสพ.โคราชคนอีสาน ฉบับที่ ๒๓๒๒ วันพุธที่ ๒๑ -  วันอาทิตย์ที่ ๒๕  เดือนตุลาคม  พุทธศักราช ๒๕๕๘

 

 


706 1342