20thApril

20thApril

20thApril

 

November 03,2015

สตง.ชี้มูลรร.ติดแอร์เยอะ เตรียมฟันฐานผลาญงบ ขยายผลตรวจสอบทั่วประเทศ

สตง.และป.ป.ท.ลุยตรวจสอบโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษ ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและหลอดไฟเกินจำเป็น ไม่เว้นแม้ทางขึ้นบันไดที่ติดเรียงราย ส่อทุจริต สร้างภาระค่าใช้ไฟฟ้ามหาศาล  ผู้บริหารอ้างสพฐ.เป็นผู้ออกแบบและอนุมัติงบประมาณ รร.เป็นเพียงเจ้าของพื้นที่ สตง.ภาค ๔ เตรียมเสนอผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้เอาผิดกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะขยายผลกับทุกโครงการในลักษณะนี้อีก ๗ แห่งทั่วประเทศกว่า ๓๖๐ ล้านบาท


ตามที่เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนักผ่านโซเชียลมีเดียว่า โรงเรียนสตรีชัยภูมิ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ชื่อดังประจำจังหวัดชัยภูมิ ก่อสร้างอาคาร ๔ ชั้น และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ (Air Condition) และหลอดไฟมากเกินความจำเป็น ไม่เว้นแม้ทางขึ้นบันไดภายในตัวอาคารแทบทุกชั้น รวมกว่า ๑๓๔ ตัว ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

สตง.เขต ๔ รุดตรวจสอบ

ต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สำนักตรวจสอบพิเศษภาค ๔ ได้มอบหมายให้นายธนินท์รัฐ เมธาศศิสิทธิ์ นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินนำคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายในโรงเรียนสตรีชัยภูมิแล้ว เพื่อให้ทางโรงเรียนนำเอกสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นชี้แจงต่อคณะที่เดินทางมา โดยมีนายสมชาย คำพิทักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ได้มอบหมายให้นายวิจิตร ชิณศรี รองผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีชัยภูมิ เป็นผู้ชี้แจงแทน โดยอ้างว่าตนเองเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่ จึงไม่ทราบรายละเอียดความเป็นมาของโครงการนี้แต่อย่างใด เพราะเป็นช่วงที่อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนฯ (นายฉกรรจ์ แน่นอุดร) ดำเนินโครงการไว้ แต่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่ตนเองจะย้ายมารับตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมา

สตง.ชี้มูลความผิดรร.ติดแอร์เยอะ

ในขณะที่นายวิจิตร ชิณศรี รองผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ชี้แจงว่า โครงการนี้ทำตามแบบแปลนถูกต้องตามระเบียบทุกขั้นตอน พร้อมให้ตรวจสอบได้ แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกต้องจึงขอชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สตง. และสื่อมวลชนว่า โครงการนี้เป็นการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษ หรือเป็นอาคารที่จะเปิดให้นักเรียนเรียนในห้องปฏิบัติการพิเศษ ที่จะต้องมีแสงสว่างและติดตั้งระบบแอร์หรือความเย็นในตัวอาคารมากพิเศษ ในขนาดตึกสูง ๔ ชั้น โดยก่อสร้างอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ซึ่งเป็นงบประมาณปกติที่ได้รับการสนับสนุนมาจากส่วนกลางคือ สพฐ. (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) โดยตรง ไม่ใช่เงินจากทางอื่นตามที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลฯ ว่าเป็นเงินที่โรงเรียนไปจัดขอรับบริจาคหรือทอดผ้าป่าแต่อย่างใด อีกทั้งโรงเรียนเป็นเพียงผู้ได้รับโครงการ ส่วนการออกแบบแปลนการก่อสร้างทุกอย่างมาจากทางวิศวกรของสพฐ. โดยตรงเป็นผู้อนุมัติงบประมาณในการก่อสร้าง

ยืนยันโรงเรียนไม่มีอำนาจแก้ไขแบบ

“โครงการนี้เริ่มจัดซื้อจัดจ้างเปิดประมูลงานตามระเบียบพัสดุมาตั้งแต่วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ รวม ๔๘ ล้านบาท และมีผู้ยื่นขอประมูลงานเสนอราคาตามประกาศ ในระหว่างวันที่ ๘-๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ รวม ๑๐ ราย และได้ประกาศรายชื่อผู้ร่วมประมูลเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ประกอบด้วย หจก.ชัยภูมิเคหะภัณฑ์, หจก.ชัยภูมิสุขภัณฑ์, หจก.สมบัติก่อสร้างหนองบัวโคก, หจก.ตั้งชุนเส็ง ๒ ค้าวัสดุ, บจก.เอ็น.เอส.เจ.คอนสตรั๊คชัน, หจก.ลาดใหญ่วัสดุก่อสร้าง, หจก.ทองเจริญรุ่งเรือง(๑๙๙๘), หจก.พี.ที.ที.,หจก.อยู่ในบุญ และบจก.ราฤธานี ดีเวลล็อปเมนท์ จากนั้นได้ตรวจสอบคุณสมบัติเหลือเพียง ๘ ราย และมีผู้ยื่นซองเสนอราคาจริงเพียง ๔ ราย กระทั่งได้ราคาต่ำสุด ซึ่งผู้ชนะการประกวดราคาคือ บริษัท ราฤธานี ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพลู อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เสนอมาในราคา ๔๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท ต่ำกว่าราคากลางประมาณ ๓.๗ ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ ๔๘ ล้านบาท เพื่อเสนอไปยัง สพฐ.อนุมัติงบประมาณมาดำเนินการ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ และระยะเวลาสิ้นสุดโครงการในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ แต่ผู้รับเหมางานดำเนินการไม่เสร็จตามกำหนด จึงเลื่อนการส่งมอบงานมาในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยทางโรงเรียนเสนอให้ สพฐ.ปรับผู้รับเหมารายนี้เฉลี่ยวันละกว่า ๔ หมื่นบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ ๑๕ ล้านบาท กระทั่งอาคารแล้วเสร็จในปัจจุบัน และถูกนำไปโจมตีเรื่องการใช้งบประมาณและความไม่เหมาะสมว่า มีการติดตั้งระบบแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ และหลอดไฟจำนวนมากไปนั้น ทางโรงเรียนยอมรับว่า มีมากจริงๆ แต่ทางโรงเรียนไม่มีอำนาจในการแก้ไขและเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ใช่เป็นผู้ออกแบบ โรงเรียนเป็นเพียงผู้ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลนที่ทางวิศวกรของสพฐ.กำหนดมาเท่านั้น ซึ่งทางโรงเรียนขอยืนยันว่า ได้ทำการควบคุมงานให้เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนทุกอย่าง และพร้อมให้ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจทั้งหมดด้วย และขอความเป็นธรรมด้วย เพราะขณะนี้มีการเข้าใจผิดและถูกโจมตีจากคนที่เข้าใจคลาดเคลื่อนว่า มีการทุจริตภายในโรงเรียน ซึ่งยืนยันว่าโรงเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการครั้งนี้แต่อย่างใด” รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวย้ำ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ สตง.ในเบื้องต้น ยังไม่พบว่าโรงเรียนทำผิดทางการใช้งบประมาณ และทำตามแบบแปลนที่ถูกกำหนดมาจาก สพฐ.แต่อย่างใด แต่การกำหนดแบบแปลนที่มาจาก สพฐ. กำหนดการติดตั้งหลอดไฟฟ้า และแอร์ที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะในห้องประชุมขนาดเล็กภายในตัวอาคารทุกชั้น ที่ตามหลักจะติดตั้งแอร์ไม่เกิน ๖ ตัว แต่การออกแบบก่อสร้างโครงการนี้มีการติดตั้งจำนวนมากเกินเหตุ มากกว่า ๑๑ ตัว เกินไป ๕ ตัวโดยไม่จำเป็น รวมทั้งในจุดที่ไม่จำเป็นอย่างทางขึ้นบันได ที่มีการติดตั้งแอร์ไว้จำนวนมากเกินไป ก็ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุอีกจำนวนมาก โดยทางคณะสตง.ชุดใหญ่จะนำคณะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษ ขนาด ๔ ชั้นนี้โดยละเอียดอีกครั้ง 

ป.ป.ท.ลุยสอบพบบางส่วนชำรุดแล้ว

ต่อมาในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เขต ๓  มอบหมายให้นายณัฐพงษ์ พาสิงห์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ป.ป.ท. เขต ๓ พร้อมด้วยนายประสิทธิ์ มหาวิวัฒน์ วิศวกรโยธาประจำ ป.ป.ท. เขต ๓ นำคณะลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยมีนายวิจิตร ชิณศรี รองผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีชัยภูมิ เป็นตัวแทนชี้แจง และพาตรวจอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษของโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ซึ่งผลการตรวจสอบการก่อสร้างตัวอาคารทั้งหมดในเบื้องต้นพบว่า ยังไม่ได้ตามแบบมาตรฐาน และมีอุปกรณ์ที่รับส่งมอบงานมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน แต่กลับพบว่าภายในห้องเรียน ห้องประชุม ฝ้าเพดาน ห้องน้ำ เริ่มชำรุดไปบ้างแล้วหลายจุด รวมทั้งหลอดไฟจำนวนมากบางส่วนก็ยังใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ จุดที่เป็นเรื่องฮือฮามากที่สุดคือการติดตั้งหลอดไฟฟ้าที่มีจำนวนมากเกินความจำเป็น และส่อไปในทางการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการติดตั้งระบบแอร์หรือเครื่องปรับอากาศที่มีจำนวนมากเกินความจำเป็น ถือว่ามากกว่าโรงเรียนอื่นๆ ทั่วประเทศ เพราะมีอยู่ในขณะนี้รวมมากกว่า ๑๓๔ เครื่อง ที่มีการใช้งบประมาณราคากลางไว้กว่า ๑.๕ ล้านบาท และมีการนำแอร์ไปติดตั้งไว้จำนวนมากในที่ที่ไม่จำเป็น เช่นทางขึ้นบันไดที่มีอยู่หลายสิบเครื่อง นอกจากนี้ ภายในตัวอาคาร ๔ ชั้น มีอยู่ ๒๗ ห้อง ที่แยกเป็นห้องเรียนให้กับเด็กรวม ๓ ห้อง และส่วนใหญ่จะเป็นห้องผู้บริหาร ห้องพักครู ห้องพัสดุ ห้องปฏิบัติการชีวะและเคมี ห้องสืบค้น ห้องนั่งเล่นเด็ก ห้องควบคุม และห้องประชุมขนาดกลางและเล็ก ที่แต่ละห้องมีการติดตั้งหลอดไฟฟ้า และแอร์มากเกินความจำเป็น รวมทั้งในห้องนั่งเล่นเด็กขนาดเล็กมีแอร์ติดตั้งไว้กว่า ๑๒ ตัว ทั้งที่ติดตั้งไม่กี่ตัวก็สามารถทำความเย็นได้เพียงพอ และไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ กลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าให้กับโรงเรียนที่จะมีตามมาอีกจำนวนมากด้วย ซึ่งหลังจากนี้ ป.ป.ท.เขต ๓ จะให้โรงเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงเข้ามาเพิ่มเติมโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งคณะ ป.ป.ท.ส่วนกลางเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเอาผิดกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

ผอ.สตง.เขต ๔ ลุยตรวจสอบอีกครั้ง

ล่าสุดเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มอบหมายให้นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบพิเศษภาค ๔ นำคณะลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับโรงเรียนดังกล่าว โดยมีนายสมชาย คำพิทักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ และนายวิจิตร ชิณศรี รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกครั้ง

ต่อมานายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ ผู้อำนวยการ ตรวจสอบพิเศษภาค ๔ เปิดเผยว่า โดยเบื้องต้นจากการส่งคณะเจ้าหน้าที่วิศวกรเข้าตรวจสอบโครงการทั้งหมดแล้วมาตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งการก่อสร้างตัวอาคารทั้งหมด ปัญหาการติดแอร์ และหลอดไฟฟ้าจำนวนมากเกินความจำเป็น รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณที่ลงมาทั้งหมด ซึ่งแยกเฉพาะส่วนปัญหาการติดตั้งแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ และหลอดไฟฟ้า มีการใช้จ่ายงบลงไปกว่า ๖.๑ ล้านบาท ถือว่ามากเกินความจำเป็น ขณะนี้เชื่อได้ว่ามีมูลความผิดชัดเจนแล้ว ในการออกแบบเพื่อขอใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐสิ้นเปลืองเกินจริง หรือเกินความจำเป็น อย่างกรณีนำแอร์ไปติดตั้งไว้ที่ทางขึ้นบันไดเป็นเรื่องแปลกมาก ซึ่งในการออกแบบก็สามารถแก้ไขได้เพื่อความเหมาะสม แต่กลับดำเนินการเพื่อต้องการใช้จ่ายงบประมาณเกินจริง ถือว่ามีมูลความผิดแล้ว รวมทั้งหลอดไฟฟ้าที่มีจำนวนมาก ซึ่งตามหลักตัวอาคาร สถานที่หรือแต่ละห้องในตัวอาคารมีทั้งหมดรวม ๒๖ ห้อง แต่มีการติดหลอดไฟฟ้าเกินจริงจำนวนมาก ทั้งที่มีกฎกระทรวงกำหนดไว้ว่าจะติดตั้งได้จำนวนเท่าใด รวมทั้งแอร์ก็เช่นกัน ซึ่งตรงนี้เข้าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่จะต้องมีภาระผูกพันการต้องเสียค่าไฟของโรงเรียนตามมาอีกจำนวนมาก  และต่อไปจะกระทบต่อนักเรียน ผู้ปกครอง ที่จะต้องช่วยเสียค่าใช้จ่ายพวกนี้ด้วยเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการออกแบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของโรงเรียนเอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้นสังกัด สพฐ.จะต้องคิดคำนวณเรื่องนี้ตามหลักการออกแบบ และการนำงบประมาณของภาครัฐที่มาใช้จ่ายอย่างเหมาะสมด้วย

เตรียมเสนอเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

“สตง.ภาค ๔ จะเร่งรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อเอาผิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไปภายในไม่เกินสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดการขอใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในการตั้งราคากลางที่เกินจริง ที่ไม่มีความจำเป็นต้องนำงบประมาณมาติดตั้งแอร์และหลอดไฟฟ้ามากเกินจริงด้วย ทางผู้รับงานในพื้นที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไมไม่แก้ไขแบบ กลับปล่อยให้มีการใช้จ่ายงบประมาณแบบสิ้นเปลืองขนาดนี้ได้อย่างไร ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งจะมีบทลงโทษตามแต่เจตนาของแต่ละฝ่ายที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม รวมทั้งจะต้องมีการขยายผลเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคาร ที่อ้างว่าเป็นแบบพิเศษของสพฐ.ในลักษณะนี้ทั่วประเทศอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นพบว่า มีอีก ๗ แห่ง ทั้งแบบ ๒-๖ ชั้น ที่มีการขอใช้จ่ายงบประมาณลงมาในลักษณะเพิ่มเติมสูงกว่า ๓๖๐ ล้านบาทในทั่วประเทศ ซึ่งมีการดำเนินการในช่วงเดียวกันมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๘” ผู้อำนวยการ สำนักงานตรวจสอบพิเศษภาค ๔ กล่าวย้ำในท้ายสุด

 นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๒๔ วันอาทิตย์ที่ ๑ -  วันพฤหัสบดีที่ ๕  เดือนพฤศจิกายน  พุทธศักราช ๒๕๕๘


732 1362