24thApril

24thApril

24thApril

 

November 07,2015

ลูกจ้างพอช.รวมหัวสามีปลอมลายมือ เบิกเงินกองทุนสวัสดิการหลายล้านหลบหนี

 

ลูกจ้างพอช.รวมหัวสามีปลอมลายมือ เบิกเงินกองทุนสวัสดิการหลายล้านหลบหนี

เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ น.ส.สุภานันท์ ศรีพนม หรือต่าย อายุ ๒๔ ปี ลูกจ้างของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องเอกสารและติดต่อประสานงานระหว่างทางกองทุนกับสถาบันฯ และนายพงศธร ศรีพนม อายุ ๒๒ ปี สามี ได้ร่วมกันปลอมแปลงลายมือชื่อ ไปเบิกยักยอกเงินฝากและเงินออมในบัญชีของกองทุนสวัสดิการตำบล ๔ แห่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส ต.พระครู ต.สองห้อง ต.บัวทอง อ.เมือง และกองทุนสวัสดิการ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน รวมเป็นเงินกว่า ๒ ล้านบาท โดยน.ส.สุภานันท์ได้อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะที่เป็นพนักงานของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนไปหลอกลวงเอาสมุดบัญชีเงินฝากจากทางกองทุนทั้ง ๔ แห่ง โดยอ้างว่าจะนำไปปรับเช็คยอดเงินและนำไปประกอบการทำเรื่องเสนอของบประมาณสนับสนุนจาก พอช. แต่กลับไม่ได้นำไปดำเนินการตามที่กล่าวอ้างจริง ต่อมากลับมีชื่อนายพงศธร ศรีพนม ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.สุภานันท์ไปเบิกถอนเงินในบัญชีของทั้ง ๔ กองทุน รวมกว่า ๒ ล้านบาท ก่อนที่ทั้งสองจะหลบหนีไปจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเบื้องต้นทางประธานกองทุนฯ ก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ให้ดำเนินคดีกับน.ส.สุภานันท์ และสามี ข้อหา “ปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกเงินในบัญชีไปใช้จ่ายส่วนตัว” แล้ว

ขณะที่ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนดังกล่าวได้ทำเรื่องเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว เพื่อเอาผิดกับผู้กระทำผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ด้านนายไกวัล เดือนจำรูญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการตำบลดังกล่าว เป็นความต้องการของชุมชนเพื่อดูแลสวัสดิการชุมชนด้านเกิด แก่ เจ็บตาย ซึ่งทั้งจังหวัดมีอยู่ ๒๐๘ กองทุน ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นว่ามีลูกจ้างของ พอช.ลักลอบไปเบิกยักยอกเงินจากบัญชีกองทุนนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นความจริง และอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้แจ้งให้ทุกกองทุนได้ตรวจสอบว่าเงินในบัญชีมีความผิดปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติหรือถูกยักยอกเงินจากบัญชีก็ให้เข้าแจ้งความทันที เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่านายพงศธร ศรีพนม สามีของ น.ส.สุภานันท์ ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการ ทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับกองทุนและไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันพัฒนาชุมชน แต่กลับมีชื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคารได้ และบางกองทุนมีการเบิกเงินจากธนาคารหลายครั้งแต่ไม่มีการทักท้วงอะไร ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่ได้รับแจ้งความกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และจะได้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งประธานกองทุน เจ้าหน้าที่ธนาคาร และผู้ถูกกล่าวหา มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นสพ.โคราชคนอีสาน  ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๒๕ วันศุกร์ที่ ๖ -  วันอังคารที่ ๑๐  เดือนพฤศจิกายน  พุทธศักราช ๒๕๕๘


699 1343