8thMay

8thMay

8thMay

 

November 17,2015

ศาลจำคุกแกนนำนปช.๓-๑๓ ปี คดีเผาศาลากลางขอนแก่น

ศาลขอนแก่นพิพากษาจำคุก แกนนำ นปช. ๓-๑๓ ปี คดีเผาศาลากลางเมื่อปี ๒๕๕๓ โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่ทนายความเตรียมขวนขวายหาหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัว พร้อมขอต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่ห้องพิจารณาคดีที่ ๑๒ ชั้น ๒ ศาลจังหวัดขอนแก่น มีการนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นยื่นฟ้อง ๔ ผู้ต้องหากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ประกอบด้วย นายอดิศัย วิบูลเสข จำเลยที่ ๑, นายจิรัฐตระกูล สุมหา จำเลยที่ ๒, นายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว จำเลยที่ ๓ และนายอุดม คำมูล จำเลยที่ ๔ ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และร่วมกันเข้าไปในอาคารเก็บรักษาทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง ๔ และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ร่วมชุมนุมและบุกรุกเข้าไปในศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ก่อนทำการบุกเข้าไปภายในอาคารทำลายข้าวของและทำการใช้ยางรถยนต์เผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังเก่า กระทั่งได้รับความเสียหายและลุกลามไปยังศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังใหม่ได้รับความเสียหายบางส่วน

โดยศาลได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานประมาณ ๑ ชั่วโมง ก่อนมีคำพิพากษาว่า ในวันเกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดชุมนุมกันจำนวนหลายร้อยคนบริเวณสวนสาธารณะรัชดานุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับศาลากลางจังหวัดขอนแก่น หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนตรงไปยังประตูทางเข้าศาลากลางทางทิศตะวันตกซึ่งปิดล็อคอยู่ แล้วร่วมกันฝ่าแนวกั้นที่มีทั้งสิ่งกีดขวางและกำลังเจ้าหน้าของรัฐดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ หลังจากฝ่าแนวกั้นประตูเข้าไปได้แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือต่อนายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น (ขณะนั้น) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ อย่างไรก็ตามแม้จะยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสร็จแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงก็ยังไม่ยอมออกไปจากศาลากลางจังหวัด ยังชุมนุมกันต่อด้วยท่าทีที่รุนแรงเกรี้ยวกราด ในระหว่างนั้นผู้ชุมนุมได้พยายามรุกคืบเข้าไปภายในตัวอาคารศาลากลางจังหวัด มีการนำยางรถยนต์ไปวางสุมแล้วจุดไฟเผา บ้างก็ขว้างปาขวดที่เชื่อว่ามีน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในตัวอาคาร บ้างก็หยิบก้อนหิน อิฐตัวหนอนที่อยู่บริเวณนั้นขว้างปา ทุบทำลายทรัพย์สินทางราชการ ทรัพย์สินของประชาชน

“ระหว่างการชุมนุมจนถึงเหตุการณ์จุดไฟเผาศาลากลาง ภาพนิ่งและ-ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกไว้ได้ทั้งจากช่างภาพสื่อมวลชนหลายแขนงและจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐที่นำมาใช้สืบพยานในชั้นศาลปรากฏมีภาพของจำเลยทั้ง ๔ ร่วมก่อเหตุอยู่ด้วยอย่างชัดเจน แต่ละคนมีพฤติการณ์การกระทำผิดที่รุนแรงแตกต่างกัน ฯลฯ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยที่ ๑-๔ มีพฤติกรรมฐานความผิดหลายข้อหา โดยเฉพาะการมีความผิดร่วมกันในข้อหาชุมนุมสร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปและร่วมกันบุกรุกทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นหรือของสาธารณะประโยชน์หรือทำลายทรัพย์สินของแผ่นดิน”

ศาลฯ จึงมีคำพิพากษาสั่งจำคุกจำเลยทั้ง ๔ ในฐานความผิดหลายมาตราแตกต่างกันไป โดยสั่งจำคุกจำเลยที่ ๑ เป็นเวลา ๑๓ ปี จำเลยที่ ๒ เป็นเวลา  ๑๓ ปี จำเลยที่ ๓ เป็นเวลา ๓ ปีและจำเลยที่ ๔ เป็นเวลา  ๓ ปี ทั้งนี้แม้จำเลยที่ ๓ และ๔ มีโทษจำคุกเพียง ๓ ปี แต่ก็ไม่มีเหตุให้รอลงอาญา เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้ง ๒ ไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้กระทำความผิด

ขณะที่นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนาย ความประจำ นปช. และจำเลยทั้ง ๔ กล่าวว่า ทีมทนายความยังคงขอต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ รวมไปถึงการยื่นขอประกันตัว แต่มีปัญหาเนื่องจากไม่สามารถใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นขอประกันได้ เพราะหลังมีการรัฐประหาร สถานภาพ ส.ส.ก็หมดสิ้น มีทางเดียวคือนัดหารือญาติของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักทรัพย์มายื่นขอประกัน ซึ่งยังไม่ทราบว่าต้องใช้หลักทรัพย์มูลค่าเท่าไหร่และตอบไม่ได้ว่าจะสามารถยื่นประกันได้เมื่อใด

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๒๖ วันพุธที่ ๑๑ -  วันอาทิตย์ที่ ๑๕  เดือนพฤศจิกายน  พุทธศักราช ๒๕๕๘


703 1,344