26thApril

26thApril

26thApril

 

July 25,2016

ราชาโรงแรมสยายปีก ใต้-เหนือ-อีสาน เจ้าพระยาอินน์ ๒๓๕ ล.

          นักธุรกิจจากหาดใหญ่เจ้าของฉายา “ราชาโรงแรม” มูลค่าหลายพันล้านบาทครอบคลุมเชียงใหม่, พิษณุโลก และสงขลาหลายแห่ง ล้วนเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง เข้าเจรจาซื้อ “โรงแรมเจ้าพระยาอินน์” พร้อมลานจอดรถเนื้อที่ ๕ ไร่ ๑ งานจากทายาท ‘เสี่ยก๊ก’ ราคาขาย ๒๓๕ ล้านบาท ไม่รวมตลาดแม่กิมเฮง วางมัดจำก้อนแรกแล้ว เตรียมเปิดเป็นโรงแรมหรูระดับ ๔ ดาว ด้าน ‘เสี่ยติ่ง’ ผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ก็สนใจทุ่ม ๒๔๐ ล้านบาท ธนาคารเห็นด้วย แต่ภายหลังกลับเปลี่ยนใจเพราะอายุกว่า ๗๐ ปีแล้ว นับเป็นโรงแรมเก่าแก่อีกแห่งของเมืองโคราชที่กำลังจะเปลี่ยนมือ

          ตามที่มีกระแสข่าวว่า “ตลาดแม่กิมเฮง” ซึ่งเป็นตลาดสดขนาดใหญ่ของเอกชน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ระหว่างถนนสุรนารี และถนนโพธิ์กลาง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา กับ “โรงแรมเจ้าพระยาอินน์” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างถนนโพธิ์กลาง และถนนจอมสุรางค์ยาตร์ ซึ่งทำเลของธุรกิจตลาดสดดังกล่าวและโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีถนนโพธิ์กลางคั่นกลางเท่านั้น ที่สำคัญคือมีทำเลที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ใจกลางเมืองโคราช ทั้งยังใกล้กับอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาด้วยนั้น มีกลุ่มทุนค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ “เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ หรือเจ้าสัวธนินทร์ ซึ่งมีธุรกิจหลัก คืออาหารและการเกษตรผ่านทางบริษัทลูกเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF และยังทำธุรกิจอื่นๆ อีกหลายประเภท เช่น ธุรกิจค้าปลีกร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น, ธุรกิจโทรคมนาคมในทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น และอีกรายเป็น “กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (TCC Group)” ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี หรือเจ้าสัวเจริญ ที่มีการขยายตัวและพัฒนาจนเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ในปัจจุบันประกอบด้วยสายธุรกิจที่สำคัญ ๕ สาย คือ ธุรกิจเครื่องดื่ม หรือที่รู้จักกันในนาม “ไทยเบฟ” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอุตสาหกรรมการค้า ธุรกิจประกันและการเงิน ธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร กำลังเจรจาซื้อขายในวงเงินประมาณ ๕๐๐ ล้านบาท เพื่อเตรียมเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ หรือรองรับธุรกิจในเครือ

ตกลงขายเฉพาะโรงแรม

          ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ‘โคราชคนอีสาน’ ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อถือได้ว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ชื่อ นายบุญแสง ปึงพิพัฒน์ตระกูล เจ้าของฉายา “ราชาโรงแรม” ได้เข้ามาซื้อกิจการโรงแรมเจ้าพระยาอินน์ ริมถนนจอมสุรางค์ยาตร์ ใจกลางเมืองโคราช ตลอดทั้งที่จอดรถบริเวณด้านหลังของโรงแรม ซึ่งมีเนื้อที่ติดริมถนนโพธิ์กลาง ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดแม่กิมเฮง โดยเป็นการเจรจาซื้อขายกันในราคา ๒๓๕ ล้านบาท จากทายาทนายยุคลธร (เสี่ยก๊ก) โลวเจริญกุล (เสียชีวิตแล้ว) โดยนายบุญแสงได้วางเงินมัดจำไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจะเข้ารังวัดที่ดินบนเนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่ ๑ งาน เพราะเป็นโฉนดหลายแปลง หากดำเนินการเสร็จเรียบร้อยจะจ่ายเงินในส่วนที่เหลือ

ราชาโรงแรม

          นักธุรกิจนายบุญแสง ปึงพิพัฒน์ตระกูล ผู้สนใจเข้ามาซื้อโรงแรมเจ้าพระยาอินน์รายนี้ จัดว่าเป็นราชาโรงแรม เนื่องจากมีธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศประมาณ ๑๐ แห่ง อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ๓ แห่ง คือ โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด ตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว มีพื้นที่กว่า ๕ ไร่ เป็นโรงแรมระดับ ๕ ดาว ซึ่งเดิมเป็นของกลุ่มตระกูลเตชะไพบูลย์ มีมูลค่าประเมินราคา ๔๒๘ ล้านบาท, โรงแรมเมย์ ฟลาวเวอร์ แกรนด์ เดอ เชียงใหม่ (ชื่อเดิมโรงแรมดอยวิว), โรงแรมบีพีเชียงใหม่ซิตี้ บริหารโดยนายวุฒิพงษ์ ปึงพิพัฒน์ตระกูล, โรงแรมเมย์ ฟลาวเวอร์ แกรนด์ พิษณุโลก โดยซื้อจากเจ้าของเดิมเพียง ๕๓ ล้านบาท มีธนาคารทหารไทยสนับสนุน และโรงแรมในเครือบีพี ซึ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของหาดใหญ่คือ บีพีหาดใหญ่ โรงแรมบีพีแกรนด์ ทาวเวอร์, โรงแรมบีพี สวิส ทาวเวอร์, โรงแรมบีพี สมิหรา บีช รีสอร์ท อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งชนะการประมูลมาจากเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นต้น กระทั่งเล็งเห็นการเติบโตของเมืองโคราช จึงคิดเข้ามาลงทุนขยายอาณาจักรโรงแรม

          แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า นายบุญแสง ปึงพิพัฒน์ตระกูล มีแผนจะคงอาคารเดิมของโรงแรมเจ้าพระยาอินน์ไว้ เพื่อเตรียม Renovate (ปรับปรุง) ส่วนบริเวณที่จอดรถบริเวณด้านหลังประมาณ ๓ ไร่ จะก่อสร้างเป็นอาคารขึ้นมาใหม่ สำหรับเปิดกิจการโรงแรมหรูระดับ ๔ ดาว จึงกล่าวได้ว่าการเจรจาซื้อขายโรงแรมท้องถิ่นของเมืองโคราชครั้งนี้ เป็นการรุกเข้ามาขยายสาขาของนักธุรกิจผู้พัฒนาโรงแรมต่างถิ่น ที่มีความพร้อมจะเปลี่ยนแปลงโฉมของโรงแรมเจ้าพระยาอินน์ใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองโคราชในอนาคต ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน ทั้งการค้าเชิงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม และการศึกษา รวมไปถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์    

          ก่อนหน้านี้นายวิทยา วิษณุโยธิน หรือเสี่ยติ่ง เจ้าของ “เอกลักษณ์เครื่องเรือน” ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้ามาเจรจาซื้อโรงแรมเจ้าพระยาอินน์จากเจ้าของตลาดแม่กิมเฮง หรือตระกูลโลวเจริญกุล ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมดังกล่าว โดยปัจจุบันเสี่ยติ่งเป็นเจ้าของโรงแรมร่มเย็น การ์เด้น เพลส (Romyen Garden Place) ตั้งอยู่ริมถนนจอมสุรางค์ยาตร์ ห่างจากโรงแรมดังกล่าวไม่มากนัก มีการเจรจาตกลงที่จะขายโรงแรมเจ้าพระยาอินน์ให้กับเสี่ยติ่งในราคา ๒๔๐ ล้านบาท ซึ่งเสี่ยติ่งได้ยื่นขอกู้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และได้รับการอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาเสี่ยติ่งกลับเปลี่ยนใจที่จะซื้อโรงแรมเจ้าพระยาอินน์ เนื่องจากเห็นว่าตนอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว

การเปลี่ยนมือเจ้าของโรงแรม

          สำหรับ “โรงแรมเจ้าพระยาอินน์” เป็นโรงแรมเก่ากว่า ๓๐ ปี นับเป็นโรงแรมอีกหนึ่งแห่งของนักธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมา เจ้าของคนแรกเป็นหญิงชื่อ ‘เจ๊จู’ (นางจู กัณฑ์ฉาย) ภายหลังลูกหลานชาย-หญิงไม่สนใจบริหาร จึงต้องขายให้แก่นายยุคลธร (ก๊ก) โลวเจริญกุล ซึ่งมีพื้นที่ด้านหลังจำนวนมาก และได้ปรับปรุงอาคารและห้องพักขึ้นเป็นโรงแรมระดับ ๓ ดาว พร้อมทั้งขยายพื้นที่ด้านข้างและด้านหลัง รองรับลูกค้าได้ดีพอควร

          ขณะนี้โรงแรมที่เปิดดำเนินการในโคราชกำลังเปลี่ยนเจ้าของหลายราย นับจากโรงแรมดิ แอร์ พอร์ต ของนายกฤช หิรัญกิจ หรือเสี่ยตุ้ย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียมหลายโครงการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา (พ.ศ.๒๕๕๑-๒๕๕๖) ได้ขายให้กับเศรษฐีนีจากกรุงเทพฯ ดำเนินกิจการต่อในปัจจุบัน และโรงแรมราชพฤกษ์ แกรนด์ โฮเทล ซึ่งบริหารงานโดยตระกูล “พฤกษ์พนาเวศ” ภายใต้การนำของนายธีระ-นางนงลักษณ์ พฤกษ์พนาเวศ และทายาททั้ง ๔ คน เปิดบริการตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๓๙ จากการกู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท (ยังไม่รวมดอกเบี้ย) โดยมีที่ดินเป็นหลักประกันนั้น กระทั่งธนาคารได้โอนหนี้ไปให้บริษัทหลักทรัพย์ในเครือ คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ Sukhumvit Asset Management (SAM)และยึดคืนไปในราคา ๒๒๐ ล้านบาท เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งขณะนี้ บสส.ได้เริ่มประกาศขายทรัพย์นี้ตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และกำหนดวันที่สิ้นสุดการลงทะเบียนในวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ จากนั้นกำหนดวันยื่นซองประมูลในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ ห้องกรุงเทพ ๑-๔ ชั้น M โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. โดยกำหนดราคาไว้ขั้นต่ำ ๒๕๔,๙๐๐,๐๐๐ บาท

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๓๗๕ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ - วันจันทร์ที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙


715 1351