20thApril

20thApril

20thApril

 

January 11,2017

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ ยอดขายรถยนต์ปี ๖๐ ฟื้นตัว รถเพื่อการพาณิชย์ขยายตัว ๗%

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศ ปี ๒๕๖๐ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีโอกาสฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยบวกหลายด้าน  ส่งผลผู้บริโภคในกลุ่มรายได้ปานกลาง กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มธุรกิจ มีกำลังซื้อมากขึ้น คาดตลาดรถเพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวร้อยละ ๓-๗ ดีกว่ารถยนต์นั่งที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒-๖ ส่งผลให้ตลาดรวมรถยนต์ในประเทศปี ๒๕๖๐ มีโอกาสขยายตัวร้อยละ ๒ ถึง ๖ คิดเป็นยอดขายรถยนต์ ๗๗๐,๐๐๐ ถึง ๘๐๐,๐๐๐ คัน 

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในปี ๒๕๕๙ ทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศ อาจหดตัวได้ถึงราวร้อยละ ๕.๘ หรือคิดเป็นจำนวนยอดขายรถยนต์ประมาณ ๗๕๓,๐๐๐ คัน โดยประเภทรถที่ช่วยหนุนตลาดในปีนี้มาจากรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ เช่น รถอเนกประสงค์ PPV และ B-SUV รวมถึงรถบรรทุก ท่ามกลางภาวะกดดันตลาดจากกำลังซื้อซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การส่งออกที่ฟื้นช้า และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นต้น แต่เมื่อเข้าสู่ปี ๒๕๖๐ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีโอกาสฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยบวกหลายด้าน ทำให้ผู้บริโภคในกลุ่มรายได้ปานกลาง กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มธุรกิจ มีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คาดว่าตลาดรถเพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวร้อยละ ๓-๗ ดีกว่ารถยนต์นั่งที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒-๖ ส่งผลให้ตลาดรวมรถยนต์ในประเทศปี ๒๕๖๐ มีโอกาสขยายตัวร้อยละ ๒-๖ คิดเป็นยอดขายรถยนต์ ๗๗๐,๐๐๐ ถึง ๘๐๐,๐๐๐ คัน สำหรับประเภทรถที่คาดว่าจะมีการเติบโตดีกว่าตลาดรวม ได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถยนต์นั่งหรูสัญชาติตะวันตก รถปิกอัพ และรถบรรทุก โดยตลาดในภาคตะวันออกน่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าที่อื่น จากผลของการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่น่าจะเติบโตมาก หลังรัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

          ทั้งนี้ จากภาวะแรงกดดันตลาดจากปัจจัยลบรอบด้าน เช่น ภัยแล้งช่วงต้นปี ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวช้า ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี ๒๕๕๙ จะหดตัวลงราวร้อยละ ๕.๘ คิดเป็นจำนวนรถยนต์กว่า ๗๕๓,๐๐๐ คัน ลดลงจากปีก่อนที่มียอดขายอยู่เกือบ ๘ แสนคัน โดยในปีนี้ประเภทรถที่ช่วยดึงตลาดขึ้นในภาวะที่สภาพตลาดโดยรวมหดตัวลง คือ รถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์เป็นหลัก ได้แก่ รถอเนกประสงค์ PPV และรถอเนกประสงค์ B-SUV รวมถึงรถบรรทุก ขณะที่ประเภทรถราคาประหยัดแบบอีโคคาร์ และรถปิกอัพ ๑ ตัน กลับมียอดขายที่ทรงตัวจากปีก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะตลาดที่มีปัจจัยลบอันกระทบต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง แม้ในช่วงปี ๒๕๕๙ การมุ่งเน้นทำตลาดรถยนต์ราคาสูง อาจเป็นแนวกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม สำหรับในปี ๒๕๖๐ หลังสภาพเศรษฐกิจไทยเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น รายได้ของผู้บริโภคบางกลุ่มปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับค่าจ้างแรงงาน รายได้เกษตรกรมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในบางสาขาผลผลิต และโครงการภาครัฐที่มีแนวโน้มจะขยายตัวดีในปีหน้า จากปัจจัยดังกล่าวผู้ประกอบการจึงอาจต้องปรับกลยุทธ์หันมาหากลุ่มลูกค้าระดับรายได้ปานกลาง และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เพิ่มเติมจากกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถาบันการเงินเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการให้สินเชื่อลง โดยแรงสนับสนุนจากปัจจัยบวกที่หลากหลายดังกล่าวท่ามกลางปัจจัยลบ เช่น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และภาวะการส่งออกที่มีความเสี่ยงจากทิศทางแนวนโยบายประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าปี ๒๕๖๐ ตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยมีโอกาสที่จะทำยอดขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยที่ประมาณร้อยละ ๒-๖ หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ ๗๗๐,๐๐๐ ถึง ๘๐๐,๐๐๐ คัน โดยรถยนต์ประเภทที่ยอดขายมีโอกาสจะปรับดีขึ้นกว่ากลุ่มอื่นในช่วงปี ๒๕๖๐ ได้แก่ รถยนต์นั่งในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์หรูสัญชาติตะวันตก รวมถึงรถปิกอัพและรถบรรทุก ซึ่งอยู่ในกลุ่มตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

          รถยนต์นั่งขนาดเล็ก คาดว่าน่าจะได้อานิสงส์จากการที่รถยนต์คันแรกครบสัญญาถือครอง ๕ ปี ในปี ๒๕๖๐ และอาจทำให้ผู้บริโภคบางส่วนถือโอกาสนี้ในการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์นั่งขนาดเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน ๑,๕๐๐ ซีซี มีการแยกประเภทออกมาหลากหลายมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงแต่รถยนต์อีโคคาร์ที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ รวมถึงอีโคคาร์รุ่นใหม่เฟส ๒ ก็กำลังจะมีเปิดตัวเพิ่มเติมช่วงต้นปี ๒๕๖๐ แต่รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กกลุ่ม Mini MPV บางรุ่น ที่เปิดตัวมาใหม่ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันจะสังเกตเห็นว่าผู้บริโภคมีความต้องการนำรถไปใช้งานใน รูปแบบที่หลากหลายขึ้น และมีลักษณะการใช้งานเป็นครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดรถอเนกประสงค์ยังคงมีโอกาสโตได้ต่อ จากทิศทางดังกล่าว มองว่า กลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ และรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กน่าจะได้อานิสงส์ทำให้ตลาดเติบโตได้ในปี ๒๕๖๐

          นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงสัญชาติรถยนต์รุ่นเล็กกลุ่มนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า แม้รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะถือครองส่วนแบ่งในตลาดเกือบทั้งหมด แต่ก็พบว่าในปี ๒๕๕๙ มากกว่าครึ่งหนึ่งยังมีทิศทางที่หดตัว ส่วนรถยนต์สัญชาติตะวันตกที่มีระดับราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย ก็มียอดขายที่หดตัวสูงกว่าตลาดพอสมควร อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์สัญชาติจีนที่เข้าตลาดมาไม่นาน และมีขนาดตลาดเล็กกว่ามาก กลับพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในระดับราคาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรถรุ่นเดียวกัน ซึ่งทิศทางดังกล่าวพอจะเห็นภาพได้ว่าลูกค้าของกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาและรูปลักษณ์เป็นอันดับต้น รวมถึงความพร้อมและคุณภาพของศูนย์บริการ ซึ่งผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาจต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เป็นอันดับต้นๆ

          สำหรับรถยนต์หรูสัญชาติตะวันตก เป็นประเภทรถที่นอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่หดตัวแล้ว ปัจจุบันยังมีบางค่ายที่เพิ่มไลน์การประกอบรถบางรุ่นในประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีการนำระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาติดตั้งเพิ่มในรถยนต์ ทำให้ราคาขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยต่ำลงด้วย ซึ่งนับเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจมาก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มตลาดรถหรูมีความอ่อนไหวต่อราคาต่ำ แต่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อสนับสนุนให้ตลาดรถประเภทดังกล่าวขยายตัวดีขึ้น ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาจต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความพร้อมของจุดให้บริการชาร์จไฟฟ้าในจุดที่กลุ่มลูกค้าจะเข้าใช้บริการบ่อยๆ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ได้

          ในส่วนของรถกระบะหรือรถปิกอัพ เป็นอีกกลุ่มที่คาดว่าจะมีสัญญาณการเติบโตของตลาดมากขึ้นในปี ๒๕๖๐ โดยราคาสินค้าเกษตรบางรายการที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงโครงการภาครัฐและเอกชนหลายโครงการที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีนี้และที่จะเริ่มในปีหน้า ทำให้ความต้องการใช้รถปิกอัพน่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในบรรดารถปิกอัพหลากหลายรูปแบบ รถปิกอัพดับเบิ้ลแค็บซึ่งมีสัดส่วนประมาณกว่าร้อยละ ๒๕ ของตลาดรวมปิกอัพ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นกว่ารถประเภทอื่น เนื่องจากเป็นรถรุ่นที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีระดับรายได้ที่ค่อนข้างสูงกว่ารถปิกอัพรุ่นสเปซแค็บ และรถปิกอัพตอนเดียว ส่วนรถอเนกประสงค์ PPV ซึ่งมีฐานมาจากรถปิกอัพ คาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัวหรือขยายตัวเล็กน้อยจากปีก่อน โดยคาดว่าจะเป็นผลมาจากฐานที่สูงในปี ๒๕๕๙ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากยอดจองเพื่อรับสิทธิ์ซื้อรถในราคาก่อนปรับระดับภาษีสรรพสามิตของบางค่ายรถยนต์

          นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงสัญชาติรถกลุ่มนี้พบว่า แม้รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะถือครองส่วนแบ่งในตลาดถึงกว่าร้อยละ ๘๐ แต่ก็พบว่าในปี ๒๕๕๙ ยอดขายรถปิกอัพสัญชาติญี่ปุ่นโดยรวมมีทิศทางที่หดตัวลง มีเพียงบางยี่ห้อซึ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาแล้วขยายตัวดีขึ้น ซึ่งทิศทางดังกล่าวนี้ตรงข้ามกับยอดขายรถปิกอัพสัญชาติตะวันตกที่ขยายตัวดีมาก หลังการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นมากขึ้นพร้อมกับสมรรถนะที่ดีขึ้น รวมถึงค่ายรถมีการขยายจำนวนศูนย์บริการเพื่อลดข้อด้อยในอดีตให้น้อยลง ทำให้การตอบรับของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น และสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ ล่าสุดเริ่มมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากค่ายรถปิกอัพสัญชาติจีน ๒ ค่าย ที่จะเข้ามาร่วมแข่งขันในตลาดรถปิกอัพระดับกลางและล่างด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสโตได้ ซึ่งในด้านดีก็ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ตลาดรถปิกอัพก็มีโอกาสขยายตัวได้มากขึ้น แต่ในอีกด้านก็ทำให้การแข่งขันในกลุ่มตลาดรถปิกอัพระยะต่อไปมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งแม้ว่าค่ายรถปิกอัพจากจีนจะมีแนวโน้มได้ส่วนแบ่งการตลาดไปไม่มาก แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายรถปิกอัพหลายค่ายที่อยู่ในกลุ่มตลาดระดับกลางและล่าง โดยเฉพาะค่ายปิกอัพสัญชาติอินเดีย ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จากทิศทางดังกล่าวประกอบกับในปี ๒๕๖๐ กลุ่มลูกค้าเกษตรกรและอุตสาหกรรมน่าจะกลับมามีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาจต้องปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยนอกจากจะดูเรื่องการแข่งขันด้านราคาแล้ว ควรให้ความสำคัญกับเรื่องศูนย์บริการหลังการขายด้วย

          ส่วนรถบรรทุก มีทิศทางที่ขยายตัวดีเกือบตลอดทั้งปี ๒๕๕๙ หลังจากก่อนหน้านี้ได้หดตัวลงต่อเนื่องมากว่า ๒ ปีและคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวต่อในปี ๒๕๖๐ ซึ่งประเภทรถบรรทุกที่ปัจจุบันได้รับความสนใจจากตลาดสูงสุด คือ รถบรรทุกขนาดบรรทุกน้อยกว่า ๕ ตัน ที่พบว่าส่วนแบ่งในตลาดรถบรรทุกรวมเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ ๓๘ ในปี ๒๕๕๘ เป็นร้อยละ ๔๒ ในปี ๒๕๕๙ นี้ ตามด้วยรถบรรทุกขนาดบรรทุกมากกว่า ๑๐ ตัน ที่มีส่วนแบ่งในตลาดใกล้เคียงกัน โดยสาเหตุที่รถบรรทุกขนาดบรรทุกน้อยกว่า ๕ ตัน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น คาดว่านอกจากจะเป็นเพราะมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้นกว่าอดีตแล้ว ยังรวมถึงการขยายตัวของธุรกิจประเภทเอสเอ็มอีที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการขนส่งสินค้าของภาคธุรกิจที่นิยมใช้รถขนาดเล็กลงเพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง

          หากพิจารณาถึงสัญชาติรถกลุ่มนี้พบว่า รถบรรทุกสัญชาติตะวันตกและญี่ปุ่น เป็นกลุ่มที่มีการขยายตัวจากปีก่อน ขณะที่รถบรรทุกสัญชาติจีนหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แม้ว่าระดับราคาจะถูกกว่ารถยนต์สัญชาติอื่นก็ตาม ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่าลูกค้ารถบรรทุกซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ แม้จะมีความต้องการลดต้นทุน แต่ความต้องการรถบรรทุกที่มีสมรรถนะสูง ไม่สร้างปัญหาจุกจิก รวมถึงเชื่อถือได้เพื่อการใช้งานหนักในระยะยาว อาจเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญมากกว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของรถยนต์ และเพิ่มความสำคัญในการบริการดูแลลูกค้าหลังการขายมากขึ้น นอกจากจะดูเรื่องการแข่งขันด้านราคา

          จากทิศทางการขยายตัวดีขึ้นของตลาดรถดังกล่าว ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์นั่งโดยรวมในปี ๒๕๖๐ ของไทยมีทิศทางที่ขยายตัวประมาณร้อยละ ๒ ถึง ๖ คิดเป็นจำนวนยอดขายรถยนต์นั่งประมาณ ๓๓๑,๐๐๐ ถึง ๓๔๔,๐๐๐ คัน เพิ่มขึ้นกว่าปี ๒๕๕๙ ที่คาดว่าจะปิดตัวเลขรถยนต์นั่งที่ประมาณ ๓๒๕,๐๐๐ คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่หดตัวกว่าปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ ๙ ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์โดยรวมในปี ๒๕๖๐ ของไทยมีทิศทางที่ขยายตัวประมาณร้อยละ ๓ ถึง ๗ คิดเป็นจำนวนยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ประมาณ ๔๓๙,๐๐๐ ถึง ๔๕๖,๐๐๐ คัน เพิ่มขึ้นกว่าปี ๒๕๕๙ ที่คาดว่าจะปิดตัวเลขที่ประมาณ ๔๒๘,๐๐๐ คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่หดตัวกว่าปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ ๔

          เมื่อพิจารณาต่อถึงแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ควรที่จะดูทิศทางตลาดรถยนต์ในแต่ละภูมิภาคประกอบด้วย เนื่องจากแม้ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะมีทิศทางที่ขยายตัว อย่างไรก็ตามระดับการขยายตัวของตลาดแต่ละส่วนนั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยบวกลบที่เกื้อหนุน โดยในปี ๒๕๖๐ นี้ คาดว่า ภาคตะวันออกจะเป็นภูมิภาคที่มีการขยายตัวของยอดขายรถยนต์สูงสุดทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งและรถเพื่อการพาณิชย์ โดยปัจจัยบวกหลักมาจากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่องในช่วง ๒ ถึง ๓ ปีนับจากนี้ หลังภาครัฐผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในพื้นที่ ๓ จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านแบบก้าวกระโดด ส่วนภาคอีสาน ภาคตะวันตก และภาคใต้ มีโอกาสที่รถเพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวได้ดีกว่ารถยนต์นั่งค่อนข้างมาก จากการกลับมาฟื้นตัวของราคาขายสินค้าเกษตรบางรายการ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย รวมไปถึงโครงการภาครัฐเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการขนส่งที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ด้านตลาดรถยนต์นั่ง คาดว่าพื้นที่ภาคใต้และภาคเหนือ จะมีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งจากภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว ส่วนตลาดกรุงเทพฯ ได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐส่งผลให้ตลาดรถรวมโตขึ้นทั้งรถยนต์นั่งและรถเพื่อการพาณิชย์ อย่างไรก็ตามในส่วนภาคกลาง ตลาดรถยนต์อาจจะมีแรงสนับสนุนตลาดน้อยกว่าภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะจากรายได้ภาคเกษตรที่ยังไม่ฟื้นตัว

          อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดในแต่ละประเภทรถ และภูมิภาคแล้ว สิ่งหนึ่งที่ธุรกิจอาจต้องคำนึงถึงมากในโลกยุคปัจจุบัน คือ การที่ผู้บริโภคสามารถรับรู้ และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายผ่านทางสื่อเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบ และสื่อต่างๆ ดังกล่าวยังมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์หรือการเลือกเข้าใช้บริการด้วย ซึ่งในด้านที่ดี ผู้ประกอบการอาจใช้เป็นช่องทางในการกระตุ้นผู้บริโภคให้มีการรับรู้ถึงสินค้าของตนได้อย่างสม่ำเสมอ ทว่าในอีกด้าน หากมีการนำสินค้าหรือบริการไปกล่าวถึงในทางไม่ดี ย่อมส่งผลกระทบในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับค่ายรถยนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ดีลเลอร์รถยนต์ คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค ทั้งต่อตัวรถยนต์ และบริการต่างๆ ที่ตามมาหลังการซื้อขายรถยนต์ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว ในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว และเตรียมตัวที่จะก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์แห่งอนาคตในระยะอันใกล้นี้

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๐๙ วันพุธที่ ๑๑ - วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


690 1342