29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

January 12,2017

ประชาชนทุกข์หนักถูกหลอก ให้เซ็นรับปุ๋ยฟรี ท้ายสุดถูกฟ้อง ๔๐ ล้าน

 

                กระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ และสภาทนายความ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อตั้งทีมทนายช่วยเหลือประชาชนจาก ๕ อำเภอถูกหลอกเซ็นรับปุ๋ยฟรีโครงการส่งเสริมอาชีพ แต่กลับถูกบริษัทฟ้องเรียกเก็บค่าปุ๋ยกว่า ๔๐ ล้านบาท ล่าสุดศาลนัดยื่นคำให้การวันที่ ๒๗ มกราคมนี้

                ตามที่พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ และผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่มายังศาลากลางหมู่บ้านบ้านซับสมบูรณ์ หมู่ ๗ ตำบลทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ เพื่อสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากประชาชน ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสุวรรณ ปะคำ นางรอง  หนองกี่ และอำเภอหนองหงส์ ภายหลังจากที่ราษฎรทั้ง ๕ อำเภอได้เดินทางไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ช่วยเหลือกรณีที่ราษฎร เกษตรกร และตัวแทนกลุ่มแม่บ้านจำนวนกว่า ๓๐๐ คน ถูกบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนหน่วยงานรัฐหลอกให้ลงนามในใบสั่งซื้อและรับสินค้า เพื่อรับปุ๋ยอินทรีย์ในโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ ปี ๒๕๕๘ ฟรี รวมทั้งยังอ้างว่าโครงการดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติเงินงบประมาณจากทางจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้ว ทำให้ราษฎรและกลุ่มเกษตรกรหลงเชื่อ โดยยังเข้าใจว่าเป็นโครงการต่อเนื่อง ๔ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ที่เคยได้รับแจกจ่ายปุ๋ยอินทรีย์ฟรีมาแล้ว ๓ ปี และไม่เคยเกิดปัญหา แต่สุดท้ายโครงการถูกสั่งระงับไม่มีการอนุมัติงบอุดหนุนจากอบจ. ทำให้ราษฎรและเกษตรกรที่ถูกหลอกเซ็นสัญญารับปุ๋ยไปใช้แล้ว ต้องตกเป็นแพะรับบาป โดยถูกบริษัทฟ้องในข้อหา “ผิดสัญญาซื้อขาย” ซึ่งบริษัทฟ้องให้จ่ายชดใช้ค่าปุ๋ยรวมกว่า ๔๐ ล้านบาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

                นางสวาท ทองสะอาด ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองตาปู่ ตำบลโกรกแก้ว อำเภอโนนสุวรรณ กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเซ็นรับปุ๋ยในโครงการดังกล่าว เพราะเชื่อใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาบอกให้เซ็นโดยย้ำว่าเป็นปุ๋ยฟรี และเคยดำเนินการมาต่อเนื่องมาแล้ว ๓ ปีก็ไม่เคยมีปัญหา โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าโครงการดังกล่าวถูกระงับ สุดท้ายประชาชนกลับถูกบริษัทฟ้องเรียกเก็บค่าปุ๋ยมูลค่ามหาศาล ทั้งที่ประชาชนถูกหลอกว่าเป็นโครงการปุ๋ยฟรี จึงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก จึงพากันไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องต่อกระทรวงยุติธรรมขอให้ช่วยเหลือ เพราะขณะนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร โดยอยากให้กระทรวงยุติธรรม สภาทนายความ และอีเอสไอช่วยเหลือเรื่องคดีความ เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าวด้วย

                นายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ เปิดเผยว่า สภาทนายความจะตั้งทีมทนายประสานความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาแนวทางต่อสู้คดีช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจนถึงที่สุด โดยจะสู้ถึงชั้นฎีกาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งจากการสอบสวนข้อเท็จจริงและตรวจสอบเอกสารในเบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องคดีความนั้น ขณะนี้ศาลจังหวัดนางรองอยู่ระหว่างนัดยื่นคำให้การในวันที่ ๒๗ มกราคมนี้

                ทางด้าน พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงทราบว่า โครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนปุ๋ยในลักษณะให้เปล่ามาตั้งแต่ปี ๒๕๕๕–๒๕๕๗ และในปี ๒๕๕๘ ก็นำปุ๋ยมาให้ประชาชนและให้เซ็นรับ โดยอ้างว่า ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ แต่เมื่อไม่มีการอนุมัติงบให้กับบริษัทปุ๋ย ทางบริษัทจึงมาฟ้องประชาชนในฐานะเป็นผู้เซ็นรับปุ๋ย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ เนื่องจากประชาชนไม่ไว้ใจหน่วยงานในพื้นที่ จึงได้ร่วมกับสภาทนายความ ในการหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนทั้งเรื่องคดีอาญา คดีแพ่ง และการอำนวยความยุติธรรม โดยขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด

 


พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ พร้อมด้วยนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง
และรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากชาวบ้าน

 

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจากนสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๐๙ วันพุธที่ ๑๑ - วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


687 1334