8thMay

8thMay

8thMay

 

February 21,2017

พาณิชย์เร่งเคลื่อนมาตรการ ไทยศูนย์กลางค้าอัญมณีโลก

          ครม.มีมติเห็นชอบการยกเว้นอากรศุลกากรอัญมณีและเครื่องประดับ ลดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก (Jewelry Hub) ได้เร็วขึ้น 

          นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการยกเว้นอากรศุลกากรอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก (Jewelry Hub) ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมที่ใช้ประโยชน์จากมาตรการใหม่นี้ ในการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมการผลิต การแสวงหาวัตถุดิบและปัจจัยการผลิต

          โดยตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ ได้เห็นชอบการลดและยกเว้นอากรศุลกากรอัญมณีและเครื่องประดับ (หมวด ๗๑) เพิ่มเติม ๓๒ ประเภทย่อย ทำให้ภาษีขาเข้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ทั้งหมวดกลายเป็นศูนย์ และยังได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยผู้ประกอบการสามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่าของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้างของแรงงาน การจัดทำมาตรฐานสินค้าและผลักดันการออกหนังสือรับรองที่ออกโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สวอ.) เพื่อใช้รับประกันคุณภาพสินค้าเครื่องประดับ พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตแก่ผู้ประกอบการรายย่อย มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในย่านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ

          “กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเร่งประชา สัมพันธ์ข้อมูลมาตรการทางภาษี เพื่อเชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ค้าต่างประเทศใช้ประโยชน์จากการยกเว้นอากรศุลกากรอัญมณีและเครื่องประดับใหม่นี้ และมอบหมายให้ สวอ. ดำเนินการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ซึ่ง สวอ. มีหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการทั้งด้านการผลิต การเจียระไนเพชร พลอย และการออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งจากไทยและต่างประเทศ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านกระบวนการผลิตแก่ผู้ประกอบการรายย่อยมาโดยตลอด และอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดทำตราสัญลักษณ์กลางเพื่อประกันคุณภาพ (Hallmarking) เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างกว้างขวาง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

          นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า “มาตรการยกเว้นอากร ขาเข้าอัญมณีและเครื่องประดับครั้งนี้นับเป็นข่าวดีสำหรับการเป็น Hub ของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือเป็นการปลดล็อคอุปสรรคทางการค้าที่สำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตลดลง ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตซึ่งจะทำให้มีสินค้าใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมป้อนสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีขีดความสามารถ ในการแข่งขันมากขึ้น และน่าจะเป็นช่องทางตลาดสำหรับกลุ่มผู้ให้บริการตรวจสอบและซ่อมสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในไทยให้ขยายตัวมากขึ้นด้วย”

          ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอยุทธศาสตร์การเป็น Jewelry Hubของไทย โดยได้เสนอมาตรการยกเว้นภาษีอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิตสูงของอุตสาหกรรมให้คณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เป็นประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นกรรมการอยู่ด้วย ซึ่งในปี ๒๕๕๙ ได้ผลักดันการยกเว้นอากรขาเข้าสร้อยเงิน/ทองขดม้วน  เพื่อใช้ในการผลิต และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้า  และการขายวัตถุดิบอัญมณีที่ยังไม่เจียระไนสำหรับบุคคลธรรมดาได้สำเร็จ (ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอยู่แล้ว)

          นอกจากนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีกำหนดจัดงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ ๕๙ ขึ้น ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ๑-๓ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีผู้ประกอบการจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศเข้าร่วมงานฯ ๗๓๐ บริษัท รวม ๒,๐๑๑ คูหา โดยได้มีการจัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครบทุกประเภท และคาดว่า ตลอดการจัดงานจะมีผู้เข้าชมงานกว่า ๒๓,๐๐๐ ราย จาก ๑๓๐ ประเทศทั่วโลก และจะมีมูลค่าการซื้อขายภายในงานกว่า ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท

          สำหรับการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับปี ๒๕๕๙ ไทยส่งออกสินค้าและเครื่องประดับรวมทั้งสิ้น ๑๔,๒๔๘.๘๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๖๐ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๘ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และออสเตรเลีย


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๑๗ วันอังคารที่ ๒๑ - วันเสาร์ที่ ๒๕ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐


688 1,345