25thApril

25thApril

25thApril

 

March 24,2017

สถาบันชื่อดังอังกฤษ ชูมทส.ติดท็อป ๖

                สถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกชื่อดังจากอังกฤษ จัดให้มทส.ติดอันดับ ๖ ของไทย เผยผลรวมการดำเนินการตามตัวชี้วัดของ THE เพิ่มขึ้น เน้นย้ำถึงศักยภาพด้านวิชาการและพัฒนาการของมหาวิทยาลัย พร้อมก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

                เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ Times Higher Education (THE) สถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย ประจำปี ๒๕๖๐ (Times Higher Education Asia University Rankings 2017) ๓๐๐ อันดับ ผลปรากฏว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ติดกลุ่มอันดับ ๑๙๑-๒๐๐ ของเอเชีย อันดับ ๑๕ ของอาเซียน และเป็นอันดับ ๖ ของประเทศ

                ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า จากการประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย “THE Asia University Rankings 2017” มีมหาวิทยาลัยจาก ๒๔ ประเทศเท่านั้น ที่ติดใน ๓๐๐ อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งเอเชีย สำหรับมหาวิทยาลัยของไทยมีเพียง ๑๐ แห่งเท่านั้น ที่ติดอันดับดังกล่าว นับเป็นความสำเร็จที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้รับการจัดอันดับและก้าวกระโดดขึ้นสู่อันดับ ๖๐๑-๘๐๐ อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำโลก (THE World University Rankings 2016-2017) ที่ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๙ อยู่ในกลุ่มท็อป ๓๐๐ ของเอเชีย โดยอยู่ในกลุ่มอันดับ ๑๙๑-๒๐๐ ของเอเชีย เป็นอันดับ ๑๕ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็น ๑ ใน ๑๐ ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เป็นอันดับ ๖ ของประเทศ ในเวทีการจัดอันดับดังกล่าว และเมื่อพิจารณาในกลุ่มมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นอันดับ ๓ ของไทยรองจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

                ทั้งนี้ เกณฑ์สำหรับใช้ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย ประกอบด้วย ๕ ตัวชี้วัด ได้แก่ สิ่งแวดล้อมในการเรียนการสอน (๒๕%) ชื่อเสียงด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย ทุนวิจัย และจำนวนงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมาจากฐานข้อมูล Scopus (๓๐%) สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยต่องานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา จากฐานข้อมูล Scopus (๓๐%) ภาพรวมการเป็นนานาชาติ (๗.๕%) ความสามารถของมหาวิทยาลัยในการมีส่วนช่วยภาคอุตสาหกรรม ด้วยนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และการให้คำปรึกษา วัดจากรายได้ทางอุตสาหกรรมจากงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยได้คิดค้นขึ้น (๗.๕%)

                นอกจากนี้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ยังได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ ๖ ของประเทศ โดยมี ๕ ตัวชี้วัด ได้แก่ สิ่งแวดล้อมในการเรียนการสอน (๒๔.๗) ชื่อเสียงด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย ทุนวิจัย และจำนวนงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมาจากฐานข้อมูล Scopus (๑๓.๕) สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัย ต่องานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา จากฐานข้อมูล Scopus (๒๒.๔) ภาพรวมความเป็นนานาชาติ (๓๑.๕) ความสามารถของมหาวิทยาลัยในการมีส่วนช่วยภาคอุตสาหกรรมฯ (๓๓.๖) ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพของการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย และศักยภาพของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยในการผลิตผลงานวิจัยคุณภาพสูง การเข้าไปมีส่วนช่วยภาคอุตสาหกรรม ด้วยนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ รวมถึงการให้คำปรึกษาต่างๆ

                “ผลการจัดอันดับในครั้งนี้ เนื่องจากการขยายขนาดการอันดับจาก ๒๐๐ อันดับในปี ๒๕๕๙ เป็น ๓๐๐ อันดับ และในปี ๒๕๖๐ เป็นผลทำให้ลำดับของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีลดลงเล็กน้อยจาก ๑๖๑-๑๗๐ ในปี ๒๕๕๙ เป็น ๑๙๑-๒๐๐ แต่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมีผลรวมของการดำเนินการตามตัวชี้วัด (indicators) ของ THE เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับ Citation ที่แสดงถึงคุณภาพผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ระดับนานาชาติ และ International Outlook ที่แสดงถึงความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้อันดับของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในการจัดอันดับครั้งนี้ ยังสอดรับกับอันดับที่อยู่ในกลุ่ม ๖๐๑-๘๐๐ ของโลก ที่ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงศักยภาพความเข้มแข็งทางด้านวิชาการและพัฒนาการของมหาวิทยาลัย ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา ๒๗ ปี แห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัย และมีคุณภาพสูงในระดับสากล อีกทั้งยังแสดงถึงความสำเร็จในการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของไทยและของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ในโลกที่กำลังพัฒนา (Developing World) พร้อมก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก (World Class University)” ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท กล่าวทิ้งท้าย

 

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๒๓ วันอังคารที่ ๒๑ - วันเสาร์ที่ ๒๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐

 


685 1346