26thApril

26thApril

26thApril

 

April 27,2017

เรื้อรังรุกล้ำ‘วังเณร’ สั่งรื้อถอนใน ๒ เดือน

                นายอำเภอสูงเนินเรียกประชุม เร่งหาทางออกปัญหารุกล้ำพื้นที่ลำตะคอง บริเวณน้ำตกวังเณร ยันให้เวลา ๒ เดือน หากไม่ทำตามจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้านผู้ประกอบการขอเวลา และอยากจะให้ทำเป็นขั้นตอน อ้างไม่ทราบว่าผิดกฎหมาย ทั้งที่คดีนี้ถูกศาลลงโทษแล้ว

                สืบเนื่องจากมีการร้องเรียนเรื่องการรุกล้ำพื้นที่ลำตะคอง โดยเปิดกิจการร้านอาหารพร้อมจำหน่ายสุรา ซึ่งทุกร้านมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำรางสาธารณะ หรือรุกเข้าไปในลำน้ำลำตะคองอย่างชัดเจน มีการสร้างที่นั่งหรือแพนั่งรับประทานอาหารเป็นโครงเหล็กถาวรลงไปในลำน้ำ คนนั่งรับประทานอาหารก็หย่อนเท้าลงในน้ำ มีการทิ้งเศษขยะ เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูลลงในลำน้ำ ซึ่งน้ำในลำตะคองบริเวณดังกล่าวไหลลงไปยังอำเภอเมืองนครราชสีมา นำน้ำไปใช้ผลิตประปาให้ประชาชนได้อุปโภค-บริโภค โดยทางจังหวัดได้สั่งผู้ประกอบการรื้อถอนไปตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๕๘ แล้ว แต่ก็ยังมีการรุกล้ำมากยิ่งขึ้น ถึงขั้นเทคอนกรีตเป็นทางเดินเลียบลำตะคอง ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าว จึงทำให้มีการรังวัดสอบเขตลำตะคอง โดยได้ทำการรังวัดไปเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคมที่ผ่านมา

                ล่าสุดวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๔๖๐ นายณัชวันก์  อัลภาชน์ เตชะเสน นายอำเภอสูงเนิน ได้เชิญผู้ประกอบการ และประชาชนที่ได้ทำการรังวัดสอบแนวเขต เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคมที่ผ่านมา เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา และร่วมรับฟังความคิดเห็น เรื่องการรังวัดสอบเขตลำตะคอง (บริเวณวังเณร) ณ ห้องประชุมบ้านวังเณรรีสอร์ท หมู่ที่ ๒ ตำบลมะเกลือเก่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา

                นายณัชวันก์ นายอำเภอสูงเนิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ประชาชนทุกคนมีเจตนาที่ดีต่อบ้านเมือง ทั้งนี้ หลังจากที่มีการรังวัดสอบเขตไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ตนก็ไม่ลงมายุ่งเกี่ยวในส่วนตรงนี้ เพราะเป็นการให้เวลา อีกทั้งช่วงสงกรานต์เป็นช่วงเทศกาล จึงให้ผู้ประกอบการได้ทำกิจการให้มีรายได้ แต่ในวันนี้ตนจะต้องเข้ามาพูดคุยเรื่องเรื้อรังนี้ ซึ่งตนก็อยากให้จบ เพื่อไม่ต้องตกไปถึงรุ่นลูกหลานว่า รุ่นบรรพบุรุษไปทำอะไรไว้ทำไมถึงมีการฟ้องร้องกันไม่จบสิ้น ดังนั้น จึงอยากสอบถามประชาชนว่า การรังวัดสอบเขตเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการค้าขาย หรือประชาชนคนใดที่เห็นด้วย และมีผู้ใดที่คัดค้าน

                นางภาวนา บุตรากาศ เกษตรกรที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการร้านอาหาร กล่าวว่า ตนคัดค้าน แต่ไม่ได้จะกล่าวหาว่ารังวัดมั่ว เพียงแต่ในการนำชี้ตนไม่รู้ว่า เอกสารส่วนกลางวันนั้นเป็นอย่างไร เพราะเอกสารจะต้องมีการปรับปรุง UTM ซึ่งเอกสารของตนเป็นเอกสารเก่า จึงไม่รู้ว่าอะไรคือเกณฑ์ในการวัด จึงขอคัดค้านไว้ก่อน ด้านนายพงษ์เทพ ชินสรนันท์ เจ้าพนักงานที่ดินสาขาสูงเนิน กล่าวถึงกรณีของนางภาวนาว่า หากเจ้าของที่ดินยังไม่แน่ใจว่าเป็นแนวเขตที่ถูกต้องหรือไม่ สามารถที่จะนำโฉนดที่ดินมายื่นสอบเขตได้

                นายบู๊ เลิศครบุรี เจ้าของร้านเฮียบู๊วังเณร กล่าวว่า ถ้าตนไม่รุกล้ำหรือไม่ทำแบบนี้ เวลามีคนมาเที่ยวก็ไม่รู้จะให้เขานั่งตรงไหน ถ้าหากรื้อที่นั่งโครงเหล็กออกแล้ว คนมานั่งปูเสื่อ ทิ้งขยะใครจะดูแล ทางการไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็จะไม่เห็นว่าที่ตรงนี้เป็นอย่างไร สำหรับคนที่มาเช่าทำมาหากินเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็เสียใจมาก เนื่องจากอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยทำให้ลำน้ำมันเสียหายตรงไหน แล้วทำไมจึงต้องมาเฉพาะเจาะจงแค่วังเณร ถ้าจะทำควรทำทุกๆแห่ง นายบู๊ ชี้แจงต่ออีกว่า ตนได้ทำมานานแล้ว และเคยสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือทางอำเภอว่าสามารถทำที่นั่งบริเวณนี้ได้ไหม ทุกคนก็ตอบว่าได้ จึงทำมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันผิดหรือถูก ประกอบกับเราตามกระแสของลูกค้าคือ ลูกค้าอยากนั่งใกล้น้ำก็ทำให้ ตนก็ไม่ทราบว่าที่ทำนั้นผิดกฎหมาย ทำไปเพื่อต้องการบริการลูกค้าที่มาพักผ่อน ตนทำหลังคาเพื่อเวลามีฝนตกลูกค้าก็สามารถหลบฝนได้ ทั้งนี้ ตนอยากให้อบต.ทำเป็นศาลาใหญ่ๆ เพื่อบริการลูกค้า แต่ความจริงไม่มีใครมาทำอะไรให้ พอถึงเวลาก็โดนให้รื้อออก

                “เรื่องนี้มีปัญหามาทุกปียังแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ ผู้ใหญ่ก็มาแจ้งว่า เรารุกล้ำที่คลอง อยากให้แก้เป็นขั้นตอน อยู่ๆ จะให้รื้อเลยมันเป็นไปไม่ได้ ทางการเข้ามานั้นยอมรับว่าเด็ดขาดจริง แต่อยากให้นึกถึงผู้ประกอบการที่มีความเดือดร้อน ยอมรับว่าพวกเรารุกจริง แต่จะให้รื้อเลยเราทำไม่ได้ เราลงทุนทำมาหากินไปเยอะ บางรายก็ยังไม่มีทุนที่จะรื้อถอน อีกทั้งลูกค้าทุกคนเขาก็ติดใจที่ได้นั่งริมน้ำ มีน้อยคนที่อยากไปนั่งข้างบน หากให้เราทุบปูนซีเมนต์ที่อยู่นอกพื้นที่ของเราออก ก็อยากให้คิดถึงลูกค้าที่เดินขึ้นจากเล่นน้ำ อาจทำให้เดินลำบากหรือลื่นได้ อีกอย่างคือตอนนี้เป็นหน้าแล้งไม่เป็นไร แต่เมื่อถึงฤดูฝนบางพื้นที่ก็จะท่วมทำให้เกิดน้ำกัดเซาะ เราเทปูนก็เพราะอยากให้ลูกค้าปลอดภัย ให้เรารื้อเราก็ทำได้แต่อยากจะขอเวลา เนื่องจากการรื้อต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ผู้ประกอบการบางรายยังไม่ได้ทุนคืน” นายบู๊ กล่าว

                นายณัชวันก์ อัลภาชน์ เตชะเสน นายอำเภอสูงเนิน กล่าวย้ำว่า หลังจากนี้ ในเบื้องต้นผู้ประกอบการ และประชาชนทุกคนจะต้องแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า โดยต้องรื้อถอนสิ่งของที่สร้างและวางตั้งไว้ถาวร เช่น หลังคา ศาลาต่างๆ โต๊ะหินหรือโต๊ะปูน สิ่งของใดที่เคลื่อนย้ายได้ยาก ให้รื้อถอนออกภายใน ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ในส่วนที่เหลือ พื้นปูน ทุบรื้อทิ้ง ภายในอีก ๓๐ วันถัดไป คือ ถึงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ซึ่งหากพ้นกำหนดจากนี้แล้วหากไม่มีการปฏิบัติตามที่แจ้งไว้ จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกันต่อไป พร้อมทั้งทำเรื่องผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ เพื่อพิจารณาใช้อำนาจหน้าที่จัดการผู้บุกรุกที่สาธารณะต่อไป

                ทั้งนี้ จากการรังวัดสอบแนวเขต เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ที่ขอคัดค้าน จำนวน ๒ คน คือ นางภาวนา บุตรากาศ และนางสาวพิมลพรรณ วัลลิกุล โดยผู้ที่คัดค้านจะต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีในเบื้องต้น ส่วนผู้ที่เห็นด้วยในการรังวัดที่ผ่านมาจะต้องดำเนินการตามที่นายณัชวันก์ ได้แจ้งไว้ตามวันดังกล่าว อีกทั้ง เมื่อมีการรื้อทุบแล้ว หากจะมีการปรับแต่งพื้นที่อย่างไรก็จะต้องทำในแนวเขตของตนเองเท่านั้น

                อนึ่ง ส.ต.ท.สิทธิชัย พลไกรศร นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครราชสีมา เปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ว่า เมื่อปีที่แล้ว ตนได้เข้าแจ้งความที่สภ.สูงเนิน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายบู๊ เลิศครบุรี ฐานเทปูนซิเมนต์เชื่อมกับโขดหินให้เป็นที่นั่งและติดตั้งร่มขนาดใหญ่ เพื่อให้บริการแก่ผู้มาท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนต่ออัยการเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดี และศาลพิพากษาแล้วให้ปรับประมาณ ๕,๐๐๐ บาท และสั่งให้รื้อถอน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ หากทางท้องถิ่นเห็นว่ามีเหตุบุกรุกเกิดขึ้นก็สามารถดำเนินการเองได้ หรือจะร่วมมือกับสำนักงานเจ้าท่าฯ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ละเมิดก็ได้

 

การรุกลํ้าพื้นที่สาธารณะ โดยเทคอนกรีตเปนทางเดินเลียบลําตะคอง บริเวณวังเณร

 

 

 

 

 

 

 

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๒๙ วันพุธที่ ๒๖ - วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐

 


705 1355