จากเสน่ห์ปลายจวักที่คิดค้นทำกินกันเองในครอบครัว นำมาประยุกต์ดัดแปลงทดลองเปิดขาย กระทั่งกลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณระเบียงลมขึ้นชื่อของบุรีรัมย์ ทั้งมีไอเดียวตกแต่งร้านเป็นแบบโบราณย้อนยุคสะดุดตาคนผ่านไปมา มีลูกค้าแวะเวียนรับประทานไม่ขาดสาย ยอดขายวันละ ๔–๔ พันบาท

            ร้านที่ว่านี้ ตั้งอยู่ที่ไหนกันนะ....ตามมาๆ เดี๋ยวพาไป

หากใครขับรถสัญจรผ่านไปมาบนถนนสายบุรีรัมย์–สตึก บริเวณริมทางบ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอ งหวัดบุรีรัมย์ ก็จะสะดุดตากับร้านๆ หนึ่ง ซึ่งหากมองผิวเผินก็จะคิดว่าเป็นร้านขายกาแฟ แต่แท้จริงแล้วเป็นร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ระเบียงลม”  ที่มีไอเดียการตกแต่งร้านแบบโบราณย้อนยุค โดยจะใช้ไม้เก่าสภาพเดิมไม่ทาสีมาตกแต่งร้าน และทำเป็นโต๊ะเก้าอี้ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาประดับตกแต่งก็จะเน้นเป็นของเก่า เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามารับประทานก๋วยเตี๋ยวได้สัมผัสกับบรรยากาศในวันวาน 

ที่สำคัญรสชาติของก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณร้านนี้ยังอร่อยกลมกล่อมถูกปากถูกใจลูกค้า เพราะเป็นสูตรที่เจ้าของร้านคิดค้นทำกินกันเองในครอบครัว จากนั้นก็นำมาประยุกต์ดัดแปลงจนกลายเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ หลังจากเปิดขายมาตั้งแต่ต้นปีก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

สูตรเด็ดของก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณร้านนี้จะเน้นที่ความเข้มข้นของน้ำซุป โดยจะนำกระดูกหมูมาเคี่ยว ๓–๔ ชั่วโมง เพิ่มกลิ่นหอมด้วยรากผักชี พริกไทย และเติมรสชาติด้วยเกลือ กระเทียมดอง น้ำตาลแล้วเคี้ยวให้เข้ากัน โดยที่ร้านจะไม่ใส่ผงปรุงรสแต่อย่างใด แต่จะเน้นความหวานของกระดูกหมูแทน ส่วนเครื่องปรุงที่ทำก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ก็จะใช้น้ำมะนาวที่บีบหรือคั้นสดจากลูกมะนาว พริกป่น ถั่วป่นก็จะคั่วและตำเองสดใหม่ทุกวันเพื่อให้ได้กลิ่นหอม สำหรับเครื่องเคียงนอกจากจะมีหมูสับ ยังมีเครื่องในหมู ไข่ไก่ต้มยางมะตูม และเกี๊ยวทอดด้วย

นอกจากก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณแล้ว ที่ร้านยังมี “ต้มเล้งแซ่บกระดูกหมู” ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานอีกด้วย หลังจากรับประทานก๋วยเตี๋ยวหมูเสร็จแล้วที่ร้านยังมีข้าวต้มผัดสูตรคุณยาย และของหวานลอดช่องรวมมิตรให้ลูกค้าได้เลือกทานอีกด้วย ราคาก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณธรรมดาเพียงชามละ ๔๐ บาท พิเศษ ๔๐ บาท และต้มเล้งแซ่บกระดูกหมู ๔๐ บาท โดยร้านจะเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐–๑๖.๐๐ น.    

จุฑามาศ เทพทอง เจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ” 

จุฑามาศ เทพทอง อายุ ๔๒ ปี เจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ” บอกว่า สูตรก๋วยเตี๋ยวหมูของที่ร้านได้มาจากการคิดค้นทำกินกันเองในครอบครัว จากนั้นก็มีการประยุกต์ดัดแปลงทดลองเปิดขายก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งลูกค้าที่มารับประทานจะมีทั้งข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปแวะเวียนมาไม่ขาดสาย บางคนมารับประทานแล้วถูกปากก็จะกลับมารับประทานอีก ทั้งยังบอกต่อๆ อีกด้วย ทำให้มียอดขายเฉลี่ยวันละ ๑๐๐ ชาม หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยวันละ ๔–๔ พันบาท

ใครผ่านไป-มา เส้นทางนี้ อย่าลืมจอดรถลิ้มลองของดีรสเด็ดร้านนี้กันนะ

สุรชัย พิรักษา : เรื่อง/ภาพ