26thApril

26thApril

26thApril

 

January 17,2018

‘บีโอไอ’เผยลงทุนปี ๖๐ มูลค่ากว่า ๖๔๐,๐๐๐ ล. เล็งดึงดูดเพิ่มพื้นที่อีอีซี


            บีโอไอเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนปี ๒๕๖๐ เกินเป้าหมาย โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม ๖๔๑,๙๗๘ ล้านบาท สำหรับปี ๒๕๖๑ เน้นชักจูงการลงทุนจากประเทศเป้าหมาย และโรดโชว์ดึงลงทุนใน “อีอีซี” พร้อมจัดสัมมนาใหญ่


            นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการทำงานและมอบนโยบาย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การลงทุนในปีที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในปีนี้ ว่า บีโอไอได้รายงานภาวะการลงทุนในปีที่ผ่านมาโดยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๖๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน ๑,๔๕๖ โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม ๖๔๑,๙๗๘ ล้านบาท ซึ่งเป็นการยื่นขอลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จำนวน ๓๘๘ โครงการ มูลค่าเงินลงทุน ๒๙๖,๘๘๙ ล้านบาท

            ทั้งนี้มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด ๖๔๑,๙๗๘ ล้านบาท เป็นการยื่นขอรับส่งเสริมของ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอสเคิร์ฟ) เป็นมูลค่า ๓๙๒,๑๔๑ ล้านบาท แบ่งเป็น ๕ อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม (เฟิร์ส เอสเคิร์ฟ) ๒๔๑,๐๕๕ ล้านบาท และ ๕ อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (นิว เอสเคิร์ฟ) ๑๕๑,๐๘๗ ล้านบาท พร้อมกันนี้บีโอไอยังได้เตรียมนำเสนอแผนการส่งเสริมการลงทุนในปี ๒๕๖๑ ซึ่งจะเน้นการสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ “ประเทศไทย ๔.๐” และผลักดันให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี  

            นางสาวดวงใจ กล่าวว่า บีโอไอยังคงมีแผนเดินสายชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ (โรดโชว์) และได้กำหนดประเทศเป้าหมาย อาทิ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ยุโรป เป็นต้น เพื่อเผยแพร่นโยบายและรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอและรัฐบาล ประกอบด้วยคณะชักจูงการลงทุนที่นำโดยนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี รวมจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ ครั้ง และคณะชักจูงการลงทุน ซึ่งนำโดยผู้บริหารบีโอไอ รวมจำนวนกว่า ๓๐ ครั้ง และในปีนี้บีโอไอจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในพื้นที่อีอีซี อีกไม่น้อยกว่า ๑๕ ครั้ง

            สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมายในการชักจูงการลงทุน จะเป็นกลุ่มที่มีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องโดยสถิติขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ในปี ๒๕๖๐ พบว่า อันดับหนึ่งคือ โครงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มูลค่า ๑๓๓,๐๐๒ ล้านบาท อันดับสองคือ สิงคโปร์ มูลค่า ๔๐,๓๖๖ ล้านบาท อันดับสาม จีน ๒๗,๕๑๔ ล้านบาท อันดับสี่ สหรัฐอเมริกา ๒๐,๐๒๒ ล้านบาท และอันดับห้า เนเธอร์แลนด์ ๑๕,๘๔๒ ล้านบาท

            นอกจากนี้ บีโอไอยังได้รายงานถึงความพร้อมในการจัดกิจกรรมสัมมนาใหญ่ต่อยอดจากงาน Opportunity Thailand ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่แล้ว โดยมีแผนจัดงานดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลไทยจะได้แสดงให้นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงความพร้อมของประเทศในการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของภูมิภาค รวมทั้งได้ทราบถึงความคืบหน้าและผลจากการดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จของการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ “ประเทศไทย ๔.๐”

นสพ.โคราชคนอีสาน  ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๘๐ วันอังคารที่ ๑๖ - วันเสาร์ที่ ๒๐ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑


689 1342