26thApril

26thApril

26thApril

 

June 22,2018

ศาลจำคุก‘หมอเปรม’๒ เดือน ไม่รอลงอาญาทะลึ่งแก้ผ้านักข่าว


นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ (เสื้อขาว) ขณะเดินทางมาฟังคำพิพากษา

          ศาลพิพากษาจำคุก “หมอเปรม” และเลขาฯ ๒ เดือน คดีแก้ผ้านักข่าว ไม่รอลงอาญา พร้อมคุมตัวส่งเรือนจำทันที แต่ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์คนละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท คดีแก้ผ้านักข่าว เมื่อปี ๒๕๕๙ ขณะเดียวกันศาลยังมีคำสั่งยกฟ้องในคดีที่ “หมอเปรม” ฟ้อง ส.ท.ฐานหมิ่นประมาทด้วย

          เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ที่ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ศาลได้มีคำสั่งนัดพิพากษาในคดีดำเลขที่ อ.๑๕๑๙/๖๐ ในข้อหาอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ ระหว่างฝ่ายโจทย์ คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ร่วม กับฝ่ายจำเลย คือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และว่าที่ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ที่ห้องพิจารณาคดี ๒ ชั้น ๒ ศาลจังหวัดพล โดยที่ฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลย ได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาลตามคำสั่งก่อนที่จะเดินขึ้นไปในห้องพิจารณาคดีทันที ทั้งนี้ศาลจังหวัดพลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพในเขตอำนาจศาล และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจดบันทึกหรือบันทึกเทปในช่วงของการอ่านคำพิพากษาแต่อย่างใด รวมทั้งให้สื่อมวลชนอยู่ในจุดที่ศาลกำหนดไว้เท่านั้น

          โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดพล ได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ ๑ ชั่วโมง ก่อนมีคำพิพากษาตัดสินจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามความผิดฐานกระทำอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ เป็นเวลา ๒ เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งทันทีที่องค์คณะผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ตำรวจศาลได้เข้าทำการควบคุมตัว นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง ไปในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้นล่างของศาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์มารับตัวไปทำการคุมขัง ตามคำสั่งศาลทันที

          นายปกาญจน์ นพศรี ทนายฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า คดีความดังกล่าวใช้เวลาในการดำเนินคดีมานานเกือบ ๒ ปี ซึ่งต้องขอบคุณกระบวน การยุติธรรมของไทย ที่ได้ทำความจริงปรากฏและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในครั้งนี้ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจทั้งประเทศ โดยมีโจทก์ คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับนายก่อสิทธิ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ จากการที่ นพ.เปรมศักดิ์ และว่าที่ ร.ต.บัวทอง กระทำการแก้ผ้านายก่อสิทธิ์ ภายในห้องปฎิบัติราชการ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙

          “การตัดสินจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง ครั้งนี้ ศาลท่านให้เหตุผลว่า จำเลยที่ ๑ และ ๒ มีหน้าที่การงานที่ดี มั่นคง เป็นผู้นำท้องถิ่น และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับผู้อื่นอีก อีกทั้งเพื่อให้เป็นตัวอย่างต่อสาธารณชน ทั้งนี้ศาลได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นผู้สื่อข่าว ๕ คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ใกล้ชิด ให้การที่สอดคล้องต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผล และไม่มีเรื่องโกรธแค้นกับจำเลยทั้งสอง อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีคู่แข่งทางการเมืองอยู่เบื้องหลังโจทก์ร่วมเพื่อกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งตามที่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดหลายมาตรา ให้ลงโทษในมาตราที่มีอัตราโทษสูงสุดเป็นเวลา ๒ เดือน ทั้งนี้ จำเลยเคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.๔ สมัย และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ต้องครองตนเป็นตัวอย่างแก่สังคม แต่กลับทำเรื่องเสื่อมเสียร้ายแรงเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั่วไป ศาลจึงพิพากษาจำคุก ๒ เดือนไม่รอลงอาญา โดยในการตัดสินดังกล่าวฝ่ายโจทก์เคารพและน้อมรับคำสั่งศาล ส่วนการจะยื่นอุทธรณ์ของฝ่ายจำเลยนั้นเป็นสิทธิ์ที่จำเลยกระทำได้”

          ขณะที่นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ ร่วม กล่าวว่า ดีใจที่ศาลให้ความยุติธรรม และให้เป็นคดีตัวอย่างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน

          จากนั้นเมื่อเวลา ๑๓.๐๐ น. วันเดียวกัน ซึ่งภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาเสร็จสิ้นนั้น นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง มีสีหน้าตกใจก่อนถูกตำรวจศาลคุมตัวไปไว้ที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาชั้น ๑ ของอาคารศาลเพื่อส่งมอบตัวให้กรมราชทัณฑ์ ในขณะที่ทีมทนายความได้ขอยื่นประกันตัว จำเลยที่ ๑ และ ๒ ต่อศาลจังหวัดพลทันที และศาลจังหวัดพล มีคำสั่งให้ประกันตัว นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง ในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว ด้วยหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน คนละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยที่ทีมทนายความของ นพ.เปรมศักดิ์ ได้พาจำเลยที่ ๑ และ ๒ ออกจากศาลที่ประตูด้านหลังของศาลไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้สื่อมวลชนให้สัมภาษณ์ หรือบันทึกภาพแต่อย่างใด ขณะที่ตำรวจศาล และรปภ.ประจำศาล ได้จำกัดพื้นที่ให้กับสื่อมวลชนและผู้ที่มาติดตามคดีความดังกล่าว อยู่ที่บริเวณด้านข้างของศาลเท่านั้น

          นอกจากนี้ ศาลจังหวัดพล ยังนัดอ่านคำพิพากษา ซึ่ง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอาผิดกับสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จำนวน ๑๐ คน คดีดำที่ อ.๑๓๙๕/๖๐ ในคดีหมิ่นประมาท โดยศาลจังหวัดพลมีคำสั่งยกฟ้องในคดีดังกล่าวเช่นกัน 

          นายวัฒนาวุฒิ หอวิจิตร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ในฐานะจำเลย ในคดีหมิ่นประมาท ที่ นพ.เปรมศักดิ์ ยื่นฟ้อง กล่าวว่า คดีความดังกล่าว นพ.เปรมศักดิ์ได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย ๑ ล้านบาทกับ ส.ท.ที่ออกมาชูป้ายไว้อาลัย ให้กับเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จาก ๒ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ การที่มีภาพหลุดกับนักเรียน ม.๕ และการแก้ผ้าผู้สื่อข่าว ในฐานะที่พวกเรา ๑๐ คน เป็น ส.ท.ทำงานร่วมกับ นพ.เปรมศักดิ์ ทุกคนต้องรักษาภาพพจน์และเกียรติยศขององค์กร เพราะได้ปฎิญาณต่อสภาฯ ไว้แล้ว เราต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่

          “ศาลท่านพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการกระทำของ ส.ท.ทั้ง ๑๐ คน เป็นการปกป้ององค์กร เป็นการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ จึงมีคำสั่งยกฟ้องตามที่ นพ.เปรมศักดิ์ ยื่นฟ้องพวกผม และการพิพากษาครั้งนี้ยืนยันถึงความยุติธรรมที่ยังมีอยู่ในโลก และในกระบวนการของศาล ใครจะมาโกหกชาวบ้าน มาโกหกหน้าด้านๆ เมื่อมาที่ศาลแล้วต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด”

          อนึ่ง คดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรก.ค.๒๕๕๙ โดยผู้สื่อข่าวจาก ๕ สำนักข่าวในจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ๓, น.ส.จิติมา จันพรม ผู้สื่อข่าวเครือเดอะเนชั่น, นายสุพล บุญชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน/ข่าวสด มีและนายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าวสถานี โทรทัศน์เคเคซีเคเบิ้ลทีวี ที่ได้ติดตามทำข่าว กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดีย เป็นภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือ “หมอเปรม” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.๕ โดยที่ด้านหน้ามีพานใส่ธนบัตรจำนวนหนึ่ง และมีสำเนาทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินวางอยู่ ๑ เล่ม พร้อมพระพุทธรูป โดยมีคนเฒ่าคนแก่กำลังผูกแขน คล้ายมีพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน โดยผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ขอพบและสัมภาษณ์หมอเปรม ภายในที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับหมอเปรมเป็นอย่างมาก หมอเปรมจึงได้วางแผนหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง ๕ สำนักเข้าไปภายในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งหมดเข้าไปภายในห้อง กลับถูกหมอเปรมสั่งเจ้าหน้าที่เทศบาล ซึ่งเป็นลูกน้อง เก็บโทรศัพท์ มือถือ กล้องถ่ายภาพของ ผู้สื่อข่าวทั้งหมด พร้อมกับล็อกตัวผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำจังหวัดขอนแก่น แก้ผ้าประจาน 

          ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ผู้สื่อข่าวทั้ง ๕ สำนัก จึงเดินทางไปแจ้งความเอาผิดกับหมอเปรม พร้อมพวกรวม ๗ คน ที่ สภ.บ้านไผ่ ในข้อหา “ร่วมกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการ และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล“ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้กับอัยการจังหวัดพลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙  

          ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ อัยการจังหวัดพลได้มีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะ นพ.เปรมศักดิ์ กับ ร.ต.บัวทอง เพียง ๒ คนเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก ๕ คนที่ร่วมกันกระทำผิดกับหมอเปรมทางอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า จากการตรวจสอบสำนวนที่ตำรวจเสนอมา พบว่าบางคนก็ไม่อยู่ในข่ายร่วมการกระทำกับหมอเปรม ขณะที่ฝ่ายโจทย์ที่ยื่นฟ้องหมอเปรมคือผู้สื่อข่าวทั้ง ๕ สำนักข่าวนั้น อัยการมีความเห็นว่าผู้สื่อข่าวจาก ๔ สำนักไม่ใช่ผู้เสียหาย มีเพียงนายก่อสิทธิ์ ที่โดนถอดกางเกงคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย จึงทำให้ข้อหาที่ยื่นฟ้องไปคือ “ร่วมกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด” จึงเป็นอันตกไป อัยการจึงสั่งฟ้องในข้อหา “ข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญทำให้ตกใจกลัว และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล” โดยมีการไต่สวนตามกระบวนการของศาลและนัดฟังคำพิพากษาในคดีความดังกล่าวในวันนี้

นสพ.โคราชคนอีสาน  ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๕๑๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ - วันจันทร์ที่ ๒๕ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ 


699 1346