28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

August 17,2019

มหากาพย์‘ตลาดสุรนคร’ ‘สันธนะ’ยกกำลังทวง ๕๐๐ ล. ‘ปาน’อ้างยึดตลาด‘ปรีชา’แล้ว

       ‘สันธนะ’ อดีตตำรวจผู้โชกโชนในกิจการสีเทา นำกำลังบุกยึดตลาดสุรนคร อ้างสิทธิเจรจาขอเข้าบริหารจัดการและดูแลผลประโยชน์ในตลาด ระบุผู้เช่าเป็นหนี้ ๕๐๐ ล้าน ด้าน บจก.สุรนครเมืองใหม่ ผู้เช่าที่ดิน เตรียมดำเนินคดีกลับ ย้ำจะอยู่จนหมดสัญญาเช่า หรือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ย้ำยึดที่ดินและหุ้นของ “ปรีชา” แล้ว รอแค่ขายทอดตลาด ที่ผ่านมาโดนรังแกตลอด วอนทุกฝ่ายเห็นใจและให้ความเป็นธรรม

       เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๒.๐๐ น. พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล พร้อมพวกนั่งโดยสารรถตู้โดยสารสีดำ เลขทะเบียน ฆศ ๔๗๔ กรุงเทพมหานคร มาจอดบริเวณหน้าทางเข้าบริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานตลาดกลางสุรนคร ถนนมิตรภาพ-หนองคาย จ.นครราชสีมา โดยอ้างว่า เพื่อมาเจรจาขอเข้าบริหารจัดการและดูแล ผลประโยชน์ของตลาดสุรนคร โดยมี พ.ต.ท.สายัญ แบ่งสันเทียะ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดนครราชสีมา กว่า ๕๐ นาย สนธิกำลังมารักษาความสงบเรียบร้อย โดยตั้งเต็นท์อำนวยการบริเวณหน้าทางขึ้นสำนักงานฯ และนำแผงเหล็กมาตั้งเป็นแนวป้องกันการบุกรุกเข้าไปด้านใน

       ทั้งนี้ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ผู้ถูกให้ออกจากราชการในข้อหาขัดขวางการจับกุมบ่อนการพนันเมื่อพ.ศ.๒๕๔๕ พร้อมพวก อ้างกับเจ้าหน้าที่กว่า ๑๐ นาย ที่ตั้งแถวอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นว่า ได้รับมอบอำนาจจากนายปรีชา สุวรรณชาติ ผู้บริหาร หจก.อุ้มบุญธุรกิจ และเป็นตัวแทนครอบครัวสุวรรณชาติ เจ้าของที่ดิน ๓๘-๑-๓๘ ไร่ ในตลาดสุรนคร โดยมีแผงขายสินค้า ๑,๓๑๐ แผง ลานขนถ่ายสินค้า ๒๒๖ แผง ตลาดโต้รุ่ง ๕๘ แผง ตลาดปีนัง ๕๘ แผง และอาคารพาณิชย์ ๕๙ คูหา โดยให้นางอุรัส ชัยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด เช่าดำเนินกิจการตลาดสุรนคร ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อแสดงสิทธิโดยชอบธรรมและต้องเดินทางมาเอง เนื่องจากเกรงว่า จะมีเหตุไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น

       พ.ต.ท.สันธนะ ซึ่งเปลี่ยนตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง กล่าวอ้างว่า ผู้เช่าไม่ได้จ่ายค่าเช่า โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย พยายามยื้อเวลากระบวนการยุติธรรมเรียกเก็บผลประโยชน์เดือนละกว่า ๑๐ ล้านบาท กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถช่วยนายปรีชาฯ ได้ แต่สิ่งที่กำหนดคือคำพิพากษาของศาลฎีกา ให้ผู้เช่าชำระเงินผู้ให้เช่าเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ นับตั้งแต่มีคำพิพากษาเป็นเวลา ๒๔ ปี จึงขอฝากถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตนและพวกไม่ได้มาก่อความวุ่นวาย แต่มาทวงสิทธิขอให้พึงระวังและเลือกปฏิบัติกับความถูกต้อง

เจรจาตึงเครียด

       ต่อมาที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ได้มาพบ พ.ต.ท.สันธนะ ซึ่งนำกำลังชายฉกรรจ์จำนวนนับร้อยคนมานั่งรออยู่ตามร่มไม้ และในตลาด เพื่อรอสัญญาณเข้าไปครอบครองกิจการตลาดสุรนคร ตามที่ พ.ต.ท.สันธนะ อ้างเป็นคำสั่งของศาล บรรยากาศช่วงคู่กรณีได้นำเอกสารมาชี้แจงค่อนข้างตึงเครียด ต่างฝ่ายอ้างสิทธิการบริหารจัดการตลาดสุรนคร

       ทั้งนี้ พ.ต.ท.สายัญ แบ่งสันเทียะ แจ้งถึงความคืบหน้าของกระบวนการยุติธรรม โดยยึดคำพิพากษาของศาลจังหวัดนครราชสีมา คดีหมายเลขดำ ที่ พ.๒๘๕๔/๒๕๓๗ คดีหมายเลขแดงที่ ๔๑๘/๒๕๔๐ ระหว่าง หจก.อุ้มบุญธุรกิจ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ชำระคดี โจทก์ กับบริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด จำเลย มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ให้จำเลยชำระเงินและค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน ๑๐๐ ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของเงินต้น นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๗) จนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๙ แสนบาท จนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๘๖๕๔, ๖๘๖๕๕, ๖๘๖๕๖, ๓๙๑๑ ตำบลในเมือง และ    เลขที่ ๑๗๕๑๒ ตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา รวมยอดเงินที่ต้องชำระให้กับโจทก์ประมาณ ๕๐๐ ล้านบาท ปรากฏว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งศาลได้พิจารณาวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ บัญญัติห้ามมิให้เจ้าหนี้บังคับคดีเอาทรัพย์สินกับลูกหนี้และพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้อันเกิดจากการผิดสัญญา และให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่เช่า จึงเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดจึงต้องงดการบังคับคดีไว้ และไม่อาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามขอได้ 

‘สันธนะ’อ้าง ‘ปรีชา’ ไม่เก็บค่าเช่า

       เมื่อ พ.ต.ท.สายัญกล่าวจบ ทำให้ พ.ต.ท.สันธนะฯ แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพวกได้เดินเท้าพบผู้เช่าแผงขายสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาด เพื่อพูดคุยและบอกกล่าวกับพ่อค้าแม่ค้าว่า “..เดือนสิงหาคม ถือเป็น ห้วงเวลาอันมหามงคล นายปรีชายินดีที่จะไม่เก็บ ค่าเช่าแผง หากถูกเรียกเก็บเงินถือเป็นการแอบอ้างให้ไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้...”

       จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินทางกลับ คงเหลือกำลังชายฉกรรจ์ที่อยู่ในพื้นที่ตลาด ส่วนกำลังทั้งสองฝ่าย ที่ยังตรึงกำลัง เจ้าหน้าที่ได้เรียกให้มาทำประวัติคัดกรองพร้อมตรวจค้น เพื่อป้องปรามการเผชิญหน้าและการใช้เหตุความรุนแรง โดยพ.ต.ท.สายัญ แบ่งสันเทียะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติสองมาตรฐานแต่อย่างใด แนวทางปฏิบัติต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากใครละเมิดมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม โดยก่อเหตุความรุนแรงจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย

‘สุรนครเมืองใหม่’ แถลงข่าว

       จากนั้นวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๑.๐๐ น. นางกัญญานนท์ กมลยะบุตร หรือ “ปาน” ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นทายาทคนโตของนางอุรัส ชัยรัตน์ นำทีมที่ปรึกษาทางกฎหมาย ร่วมแถลงข่าวภายหลังจากที่ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล พร้อมพวกเดินทางเพื่อเข้ามาเจรจาขอเข้าบริหารจัดการและดูแลผลประโยชน์ของตลาดสุรนคร เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ที่สำนักงานตลาดกลางสุรนคร พร้อมถ่ายทอดสด (live) ผ่านเฟซบุ๊ก “ตลาดกลาง สุรนครเมืองใหม่” 

       นางกัญญานนท์ กล่าวว่า ในประเด็นนี้ เรามีถึง ๓ สิทธิ คือ สิทธิต่อรองตามสัญญาเช่าเดิม สิทธิในการฟื้นฟูกิจการ และสิทธิในระหว่างอุทธรณ์และฎีกา เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ผู้พิพากษามีคำสั่งมาแล้วว่า ยกคำร้อง เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดและสั่งยึดทรัพย์ขึ้นมา หากศาลสูงทั้งสองศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แล้วโจทก์ (นายปรีชา สุวรรณชาติ หจก.อุ้มบุญธุรกิจ) ไม่ยอมออกจากตลาด เหมือนเมื่อปี ๒๕๕๐ ที่เข้ามา จนถึง ๒๕๕๓ ศาลสั่งให้ออกภายใน ๑ เดือน แล้วไม่ยอมออก ยื้ออยู่ถึง ๒ ปีครึ่ง เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้รู้ว่าโจทก์จะมาไม้ไหน ครั้งนี้เขาไปขอศาลยึดทรัพย์ขอให้เราออก และเขาจะเข้าครอบครอง แต่ศาลก็บอกว่าคดียังไม่ถึงสิ้นสุด ตรงนี้ถือเป็นความยุติธรรมที่ศาลมอบให้ว่า ให้คดีถึงที่สุดก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหาเหมือนเดิมได้ 

       คณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ คดีที่ศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ แต่บริษัทเราได้ไปยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลาย ตามกฎหมายศาลล้มละลายรับคำร้องไว้ คดีต่างๆ ของเจ้าหนี้ต่างๆ ของศาลอื่นก็ต้องหยุดการพิจารณาไว้ รอคำสั่งของศาลคดีล้มละลายให้ถึงที่สุด คดีอื่นๆ จึงจะดำเนินการต่อ ซึ่งคดีดังกล่าวที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์ก็ต้องระงับไว้ชั่วคราว เพื่อจะรอฟังคำสั่งการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายเช่นกัน ดังนั้น ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้ทำการยื่นอุทธรณ์ ต้องหยุดไว้ก่อน จนกว่าคดีฟื้นฟูจะเสร็จสิ้น

ชี้ชัด “ปรีชา” แพ้คดี

       นางกัญญานนท์ กมลยะบุตร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัท สุรนครฯ ชนะคดี หจก.อุ้มบุญฯ และนายปรีชา ที่ศาลล้มละลายกลาง ซึ่งเป็นคดีเก่าก่อนหน้านี้ เราชนะโดยศาลพิพากษาว่า นายปรีชามีพฤติกรรมทำให้ศาลเข้าใจผิด คิดว่าบริษัท  สุรนครฯ ประพฤติผิด จึงสั่งให้พักทรัพย์ชั่วคราว แต่นายปรีชาเข้ามาอยู่ในตลาดจนถึง ๒ ปีครึ่งแล้วไม่ออกไป ทำให้บริษัท สุรนครฯ ได้รับความเสียหายศาลล้มละลายกลางจึงพิพากษาให้นายปรีชาแพ้คดี ต้องชำระค่าเสียหายให้บริษัท สุรนนครฯ ๘๗  ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยอีก ๗% ต่อปี ซึ่งรวม ดอกเบี้ยแล้วเกือบ ๑๐๐ ล้านบาท และคดีถึงที่สุด คือถึงขั้นฎีกาแล้ว เราจึงได้ดำเนินการยึดทรัพย์ ที่ดินแปลงในตลาดนี้หมด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสิทธิที่เราสามารถบริหารตลาดต่อได้ เพราะเรายึดทรัพย์ตรงนี้แล้ว โดยเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลล้มละลายกลาง

       ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย บริษัท สุรนครฯ  กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว ให้นายปรีชารับผิดในฐานะส่วนตัวด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงไปยึดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของตลาดสุรนครในปัจจุบัน เพื่อจะขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจำนวนกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ปัจจุบันเจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดนครราชสีมาได้ยึดทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยให้ผู้แทนโจทก์เป็นผู้รับรอง และเป็นผู้รักษาทรัพย์ไว้ นี่คือหนึ่งสิทธิที่เรายังมีสิทธิที่จะรักษาตรงนี้ไว้ ซึ่งยึดไว้เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยยึดที่ดินทั้ง ๔ แปลงที่เป็นที่ดินของตลาดสุรนคร หลังจากนายปรีชาถูกศาล ล้มละลายกลางให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ ในฐานะส่วนตัว ทางบริษัท สุรนครฯ ได้นำกรณีนี้ไปยึดหุ้นของนายปรีชาที่ถือหุ้นอยู่ใน หจก.อุ้มบุญธุรกิจ ปัจจุบันเรายึดหุ้นของนายปรีชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอแค่นำออกขายทอดตลาดเท่านั้น

เป็นสิทธิที่เรายังอยู่ได้

       นางกัญญานนท์ กล่าวเสริมว่า “ในกรณีนี้เรายึดทั้งทรัพย์ และหุ้นหมดแล้ว ดังนั้นถือเป็นสิทธิที่เรายังได้อยู่บริหารจัดการตลาดนี้ แล้วเมื่อวานนี้ (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) คุณสันธนะมาอ้างสิทธิอะไรที่จะเข้ามาอยู่ และมาก่อกวนไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าจ่ายเงิน ทำแบบนี้ใช้สิทธิอะไร ตรงนี้ถือเป็นการรบกวนสิทธิหรือไม่ เพราะฉะนั้นเราจะรวบรวมคลิป เอกสาร และหลักฐานทั้งหมด เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงต้องดำเนินคดี จะบอกว่าค้าความก็จำเป็น เพราะนี่คือชื่อเสียง เครดิต เป็นเกียรติยศของเรา ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบในผลกรรมที่ตนเองก่อ ฉะนั้นคุณสันธนะก็เตรียมรับได้เลยว่า จะต้องสู้คดีกันอย่างไร คุยกันในศาล การที่จะอ้างว่า ขอมาคุย มาเจรจากับดิฉัน ขอยืนยันว่า ดิฉันไม่คุยด้วย เพราะคุณสันธนะไม่ใช่คู่ความ ไม่ใช่คุณปรีชา และคุณปรีชาก็ไม่มีสิทธิมาเจรจาอะไร เพราะมันจบแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายตามที่แถลงไปแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรกันคงไม่ได้ หากเจรจากันด้วยดี คงไม่ยาก ตนก็ยินดีอยู่แล้ว แต่หากมาร้ายแบบนี้คงไม่สามารถที่จะคุยกันได้ เพราะหากคุยไปก็คงไม่จบ และไม่รู้ว่าจะจบแบบใด แล้วจะปลอดภัยสำหรับตนเองหรือไม่ที่จะไปคุย ตรงนี้ก็หวั่นไหวอยู่เหมือนกัน เพราะถ้ามาแบบนี้ ใครจะกล้าคุยด้วย”

       นางกัญญานนท์ กล่าวอีกว่า เราจะต้องดูกันอีกทีว่าจะต้องดำเนินคดีในรูปแบบใด ต้องดูข้อกฎหมาย ดูพฤติกรรม ซึ่งเราได้บันทึกทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งคลิปที่เราถ่ายไว้ และคลิปที่สื่อได้ออกไปก็มี รวมถึงคลิปที่พ่อค้าแม่ค้าถ่ายไว้ จะรวบรวมจากหลายๆ ฝ่าย และมาดูกันว่าจะดำเนินคดีกันอย่างไร ซึ่งหากทนายความทั้ง ๔ ท่านที่ร่วมฟ้องร้องหลายคดีไม่ไหว เราก็อาจจะต้องเพิ่มทนายความใหม่เข้ามา แต่ถ้ายังไหว ก็จะเป็นทนายความชุดเดิมดำเนินการ

โดนก่อกวนมาตลอด

       “เราโดนก่อกวนมาโดยตลอด มีการบุกเข้ามา อ้างนั่น อ้างนี่ ซึ่งข้ออ้างต่างๆ ที่เข้ามาไม่เคยเป็นจริงสักที หากสื่อมวลชนที่เข้ามาทำข่าวประจำจะเห็นจากเอกสารหลักฐานที่เราให้ไป เราจะไม่มีการพูดจาแบบเลื่อนลอยและไม่มีหลักฐาน เราจะมีข้อมูลอ้างอิงให้สื่อมวลชนตลอดอย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นว่าเราโดนรังแกมาตลอด ตรงนี้ก็ขอความเป็นธรรม ไม่ขออะไรมากไปกว่าขอความเป็นธรรม ก็ขอให้สื่อมวลชน ประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ภาครัฐต่างๆ ว่า ขอความเป็นธรรมให้เราด้วย ภาพต่างๆ ที่เราโดนใส่ร้ายออกสื่อว่า เราเป็นมาเฟีย เป็นเจ้าแม่ ในความเป็นจริงมันใช่หรือเปล่า เราเองหากเป็นจริงอย่างนั้น คงไม่โดนรังแกขนาดนี้ซ้ำๆ ซึ่งเราเองไม่รู้ว่าใครจะคุ้มครอง ให้ความสงบ ความปลอดภัยเราได้ และทุกครั้งที่เราโดน ใหม่ๆ เราก็รู้สึกเดียวดาย เพราะว่าหลายคน เขาก็กลัวที่จะเข้ามาให้ความคุ้มครอง ช่วยเหลือเราให้ได้รับความเป็นธรรม กลัวจะแปดเปื้อนว่า มาเข้าข้างเจ้าแม่มาเฟีย ทั้งที่ในความเป็นจริงเราเป็นฝ่ายโดนรังแก” นางกัญญานนท์ กล่าว

ลั่นจะอยู่จนกว่าศาลพิพากษา

       นางกัญญานนท์ กล่าวอีกว่า เราจะอยู่จนหมดสัญญาเช่าแน่นอน หรือจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งจนถึงที่สุด ศาลสั่งมาถึงขั้นฎีกาแล้วเป็นอย่างไรก็จะเคารพตามคำสั่งศาล แต่หากคดียังไม่ สิ้นสุด สัญญาหมดแล้วเราก็ไป ไม่อยากอยู่ให้เป็นที่อับอาย ทั้งนี้ ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถที่จะเข้ามาทำธุรกิจธุรกรรมได้ตามปกติ อีกทั้ง พ่อค้าแม่ค้าเขาชินแล้วกับการที่เราโดนบ่อยๆ เราก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากพ่อค้าแม่ค้า เขาก็ยังจ่ายค่าเช่าเหมือนเดิม อาจมีล่าช้าบ้างในช่วงที่เกิดสถานการณ์ แต่เมื่อกลับสู่ปกติ เขาก็จ่ายค่าเช่าปกติ อาจจะมีบางราย ที่ฉวยโอกาสก็ไม่ว่ากัน เพราะอย่างไรก็ต้องจ่ายอยู่ดี

       “ค่าเช่าของเราไม่ได้ขูดรีดอย่างที่นายสันธนะกล่าวหา สามารถไปสืบดูได้เลย สำหรับราคาค่าบริการในตลาดกลางผักและผลไม้ทั่วประเทศ ตลาดสุรนครราคาต่ำสุดแล้ว ฉะนั้นก่อนจะตำหนิใครควรศึกษาก่อน อย่าเอาแต่พูดโดยไม่มีข้อมูล เรายืนยันได้ว่า ตลาดสุรนครค่าบริการต่ำสุดในประเทศไทย และการที่เราไม่สามารถพัฒนาอะไรได้ เพราะเราโดน  ก่อกวนบ่อยๆ ส่งผลให้ต้องมีต้นทุน มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายนอกกรอบที่ไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ในทางธุรกิจ ทำให้ต้นทุนเราเปลี่ยนไป จึงไม่มีเงินมาพัฒนาอะไรได้มากมาย และทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อถือ ขณะเดียวกันก็เหลือเวลาอีกปีกว่า เราทำได้เพียงแค่ซ่อมบำรุง ประคับประคองไป ทั้งนี้เห็นในสื่อออนไลน์ ตามเว็บไซต์ก็มีความเห็นอกเห็นใจเรา ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจ แต่บางคนที่อาจยังไม่เข้าใจ ขอให้พิจารณาว่า ในความเป็นจริงเป็นแบบนี้” นางกัญญานนท์ กล่าว

       “โคราชคนอีสาน” พยายามติดต่อสัมภาษณ์นายปรีชา สุวรรณชาติ ผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลาดสุรนคร และผู้ให้นางกัญญานนท์ กมลยะบุตร เช่าที่ดิน แต่ไม่สามารถติดต่อได้

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๕๘๙ วันศุกร์ที่ ๑๖ - วันอังคารที่ ๒๐ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

 

 


819 1461