20thApril

20thApril

20thApril

 

December 30,2019

กฟผ. เดินเครื่องโรงไฟฟ้าลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 3-4 พร้อมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เป็นแบตเตอรี่เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 ของ กฟผพร้อมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เป็นแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำรองเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

 

วันนี้ (30 ธันวาคม 2562) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินเครื่องโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 จ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ (Commercial Operation Date : COD) ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 1 – 4 มีกำลังผลิตรวม1,000 เมกะวัตต์ พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา .สีคิ้ว .นครราชสีมา 

นายสมรักษ์ เพ็ชรเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผกล่าวว่า กฟผได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 1 เครื่องที่ 1-2 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ และจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี .. 2547 และต่อมาได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย .. 2553-2573 (PDP 2010) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ให้ กฟผดำเนินงานโครงการเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ทำให้โครงการฯ มีกำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak Load) ของประเทศและเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยโรงไฟฟ้าลำตะคองฯ เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมเป็นแบตเตอรี่พลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 มีความหมายว่า โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงไฟด้วยน้ำ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยที่นำกระแสไฟฟ้าที่คงเหลือในระบบในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าต่ำนำมาสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองขึ้นไปกักเก็บสำรองไว้ในอ่างพักน้ำตอนบนบริเวณเขายายเที่ยง แล้วจึงปล่อยน้ำลงมาผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว  ถือเป็นแหล่งพลังงานสำรองขนาดใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า เพราะมีการใช้น้ำหมุนเวียนในอ่างเก็บน้ำลำตะคองโดยน้ำไม่สูญหายไปไหน

 

ปัจจุบัน กฟผมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับอีก 2 แห่ง คือ ที่เขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4-5 .กาญจนบุรีมีกำลังผลิตรวม 360 เมกะวัตต์ และ ที่เขื่อนภูมิพล เครื่องที่ 8 .ตาก มีกำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ นอกจากนี้กฟผกำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งได้เตรียมพร้อมศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ .ชัยภูมิ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ช่วยในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต และเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ
 

cr.กฟผ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย


806 1358