29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

January 03,2020

หนุ่ม รพ.แจงไม่ได้ฆ่านกเงือกลิงกิน แต่เป็นซากสัตว์ประเทศเพื่อนบ้าน

หนุ่มโรงพยาบาลน้ำยืน จ.อุบลราชธานี อ้างทำโทรศัพม์มือถือหาย ก่อนมีการนำภาพซากสัตว์ทั้งนกเหงือก และลิงที่เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทยไปโพสต์ระบุเป็นกับแกล้มรับเคาท์ดาวน์ จนถูกโซเชียลรุมกระหน่ำ วอนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนประณาม

            จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ศุภชัย คำโส โพตส์ภาพซากนกเหงือกและลิง พร้อมข้อความระบุว่า "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับแกล้มคนบ้านนอกก็ประมาณนี้แหละครับ" ทำให้เกิดกระแสในโลกโซเชียนออกมาประมาณผู้โพตส์จำนวนมากนั้น

            ความคืบหน้าเมื่อช่วงสายวันที่ 2 ม.ค. นายศุภชัย คำโส อายุ 38 ปี ชาวบ้านหนองคก หมู่ 11 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และทำงานเป็นเจ้าพนักงานธุรการ ศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลประจำอำเภอน้ำยืน ได้เข้าพบกับ พ.ต.ต.นิรุตต์ สีหานาม สว.สส.สภ.น้ำยืน และ พ.ต.ท.อรรคนิธิ์ แสงสุนีย์ รอง ผกก.ป.สภ.น้ำยืน ให้ข้อมูลแหล่งที่มาของซากสัตว์ป่าทั้ง 2 ชนิดที่ปรากฏในภาพ

            โดยปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว ได้ถ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2562 หรือเมื่อปีที่แล้ว ขณะขึ้นไปทำหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาลนักวิ่งที่ทางโรงพยาบาลจัดวิ่งเพื่อสุขภาพขึ้นไปยังช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นพรมแดนไทย-กัมพูชาในปี 2562 ระหว่างไปคอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักวิ่ง ก็ได้เดินข้ามฝั่งจากประเทศไทยเข้าไปดูตลาดชายแดนของชาวบ้านกัมพูชา ตั้งอยู่บ้านสะเตียลกวาง อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร

            ซึ่งนอกจากขายสินค้าของใช้ ก็ยังมีการนำซากสัตว์ป่าที่พรานชาวกัมพูชาฆ่ามาวางขายในตลาดดังกล่าว จึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเก็บไว้เป็นข้อมูล โดยไม่ได้เป็นคนฆ่าหรือนำซากสัตว์ดังกล่าวกลับมาปรุงทำเป็นอาหารตามที่โพสต์ในคืนเคาท์ดาวน์

            เพราะคืนวันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งเป็นคืนเกิดเรื่อง ตนฉลองปีใหม่จนเมาหนัก และนอนน็อคอยู่ที่บ้านพัก โดยขณะนั้นไม่ทราบว่า โทรศัพท์เครื่องที่บันทึกภาพซากสัตว์ที่ถ่ายมานานแล้วหายไป กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น มีเพื่อนมาหาที่บ้านพักและเล่าให้ฟังมีการโพสต์ภาพสัตว์ป่าสงวนพร้อมกับข้อความดังกล่าว ตนจึงพยายามตามหาโทรศัพท์ แต่ไม่พบ จึงยืนโทรศัพท์เพื่อนโทรเข้าหาโทรศัพท์ของตนเอง มีเสียงเรียกและมีคนรับสาย แต่ไม่พูดหลังจากนั้นก็ปิดเครื่องไปเลย ตนจึงได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.น้ำยืน ตั้งแต่สายของวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา และมาวันนี้ ก็ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำเหมือนกับข้อความที่โพสต์แต่อย่างใด พร้อมนำชุดสืบสวนของ สภ.น้ำยืน เดินทางไปที่ด่านพรมแดนช่องอานม้า เพื่อเข้าไปดูตลาดขายซากสัตว์ป่าของชาวกัมพูชา เพื่อยืนยันแหล่งที่มาของซากสัตว์ที่ปรากฏในภาพ เป็นซากสัตว์จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ซากสัตว์ในประเทศไทย

            พร้อมยังให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ตลาดดังกล่าว ถ้าจะซื้อซากสัตว์กลับเข้ามาในประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะมีเจ้าหน้าที่ของไทยหลายหน่วยงานคอยตรวจตราและจับกุม ซึ่งถ้าต้องการกินอาหารป่า ต้องให้พ่อค้าชาวกัมพูชาเป็นผู้ปรุงและกินอยู่ตรงตลาดของกัมพูชา ไม่สามารถนำทั้งซากหรืออาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์เหล่าข้ามมายังฝั่งไทยได้ เพราะผิดกฏหมาย

            นายศุภชัย ยังกล่าวถึงโลกโซเชียลที่เข้ามาประณามว่าเอาซากสัตว์ป่ามาปรุงอาหารรับเคาท์ดาวน์ ก่อนจะต่อว่าควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อนเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่โจมตีโดยไม่สืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ตนได้รับความเสียหายดังกล่าวด้วย

            เบื้องต้นหลังจากนายศุภชัย นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนดูข้อเท็จจริงที่ตลาดฝั่งประเทศกัมพูชา ชุดสืบสวนและหน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์ป่าอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหานายศุภชัยแต่อย่างใดด้วย


745 1368