29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

August 08,2020

ปปช.ชี้มูล‘ยิ่งลักษณ์’เอื้อ ๒ นสพ.ยักษ์ จัดนิทรรศการโคราช-หนองคาย ๒๔๐ ล.

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี อนุมัติจัดนิทรรศการ การสัมมนา และเผยแพร่ข้อมูลพัฒนาขนส่งทางราง ที่โคราชและหนองคาย โดยจ้าง “มติชน-สยามสปอร์ต” ๒๔๐ ล้านบาท ทั้งที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการแล้ว 

 

ตามที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓  เวลา ๑๔.๐๐ น. ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลความผิดกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก กรณีเมื่อปี ๒๕๕๖ อนุมัติและดำเนิน “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยในนโยบายข้อ ๓.๔ ได้กล่าวถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางราง ระบบรถไฟทางคู่เชื่อมชานเมืองและหัวเมือง ศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง

ต่อมาเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๖ คณะรัฐมนตรีได้มีมติยกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ.สองล้านล้านบาท” และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งประเทศเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ.สองล้านล้านบาท และเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ จัดนิทรรศการ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยให้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนครบถ้วน ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการจัดนิทรรศการไปแล้วทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดพิษณุโลก

ต่อมานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีดำริให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของประเทศให้แก่สาธารณชนทราบอีก ภายใต้ชื่อ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” โดยเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ นาย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ก็ได้เรียกประชุม เพื่อเตรียมการจัด Roadshow โดยมีนายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และตัวแทนบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เข้าพบนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่ห้องทำงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับทราบและตกลงเป็นผู้รับจัดงาน Roadshow ทั้งสิ้น ๑๒ จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ ๒๐ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๒๔๐ ล้านบาท โดยมีบริษัท มติชนฯ เป็นแม่งานหลักในการคิดรูปแบบการจัดงาน ทั้งที่ยังไม่มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ และเมื่อตรวจสอบงบประมาณประจำปี ๒๕๕๖ ก็ไม่ได้ระบุแผนงาน/โครงการดังกล่าวไว้ ประกอบกับงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ ประกาศใช้ไม่ทันวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ได้อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงิน ๔๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดโครงการ Roadshow และเห็นชอบให้จัดโครงการใน ๒ จังหวัดก่อน ได้แก่ จังหวัดหนองคายและจังหวัดนครราชสีมา ทั้งที่สถานการณ์ในขณะนั้นมีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงว่าร่าง พ.ร.บ.สองล้านล้านบาท อาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหลายประการ และมีการเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เช่น ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ผู้นำฝ่ายค้านและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้าน เป็นต้น อีกทั้งการจัดงานดังกล่าวยังซ้ำซ้อนกับงานนิทรรศการที่กระทรวงคมนาคมได้จัดไปก่อนแล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดว่า หากไม่ดำเนินการโครงการ Roadshow ในขณะนั้นแล้วทางราชการหรือประชาชนจะได้รับความเสียหายแต่อย่างใด สถานการณ์ในขณะนั้นจึงยังไม่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะออกไป Roadshow ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่บริษัท มติชนฯ ได้เข้าพบผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นเอกสารข้อเสนอด้านราคา วงเงิน ๔๐ ล้านบาท แต่เนื่องจากสำนักงบประมาณยังไม่ได้แจ้งใบงวด ทำให้ยังไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ จึงได้มีการนัดหมายให้บริษัท มติชนฯ มายื่นเสนอราคาใหม่ โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่บริษัท มติชนฯ ได้มอบเอกสารข้อเสนอด้านราคาวงเงิน ๔๐ ล้านบาท ไว้ให้กับผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง

ต่อมานายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบราคากลางโครงการ Roadshow จังหวัดหนองคายและจังหวัดนครราช สีมา ในวงเงิน ๔๐ ล้านบาท ซึ่งตรงกับข้อเสนอด้านราคาของบริษัท มติชนฯ ที่ได้ยื่นไว้ต่อผู้อำนวยการสำนักบริหารกลางและได้มีการสืบราคาเพิ่มเติมจากสื่อ จำนวน ๓ ราย แต่เป็นสื่อในเครือเดียวกับบริษัท มติชนฯ ทั้งสิ้น และในวันเดียวกันบริษัท มติชนฯ ได้ยื่นเอกสารเสนอราคา ซึ่งนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ก็เห็นสมควรอนุมัติจัดจ้าง บริษัท มติชนฯ เป็นผู้รับจ้างจัดโครงการ Roadshow ๒ จังหวัด ดังกล่าว และมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลางลงนามในหนังสือสั่งจ้างต่อไป โดยกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจนถึงขั้นตอนการลงนามในหนังสือสั่งจ้างใช้เวลาดำเนินการเพียง ๒ วัน เท่านั้น

ต่อมานายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันอนุมัติหลักการจัดโครงการ Roadshow อีก ๑๐ จังหวัดที่เหลือ วงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท โดยครั้งนี้ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ได้อนุมัติให้นำราคากลางที่ได้กำหนดตรงกับข้อเสนอด้านราคาของบริษัท มติชนฯ ไว้แล้ว มาเป็นราคากลางในครั้งนี้ โดยแบ่งการจัดจ้างเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๕ จังหวัด โดยตกลงแบ่งงานให้บริษัท มติชนฯ และบริษัท สยามสปอร์ตฯ บริษัทละ ๕ จังหวัด โดยในส่วนของบริษัทสยามสปอร์ตฯ มีนายระวิ โหลทอง ลงนามยื่นเอกสารการเสนอราคาด้วยตนเอง ซึ่งนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เห็นสมควรอนุมัติจัดจ้างทั้งสองบริษัทดังกล่าว ซึ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจนถึงขั้นตอนการลงนามในหนังสือสั่งจ้างใช้เวลาดำเนินการเพียงวันเดียวเท่านั้น โดยครั้งนี้ได้เบิกจ่ายจากงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ ค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่พบว่าการลงนามในหนังสือสั่งจ้างได้กระทำไปก่อนที่ได้รับเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณ ทั้งที่ส่วนราชการทราบดีว่าการลงนามในหนังสือสั่งจ้างได้ ก็ต่อเมื่อสำนักงบประมาณได้แจ้งจัดสรรเงินงบประมาณมาให้แล้วเท่านั้น (ใบงวด) ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒

ต่อมาได้มีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.สองล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยมิใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นอันตกไป ส่งผลให้โครงการต่างๆ ตามที่ได้ออกไป Roadshow มิได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด การใช้งบประมาณ ในโครงการ Roadshow จำนวน ๒๔๐ ล้านบาท จึงเกิดความสูญเปล่า เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้ว มีมติดังนี้ ๑. การกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และมาตรา ๑๕๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๔ มาตรา ๑๒๓/๑ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๑๙๒ และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ และ ๑๓

๒. การกระทำของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายฐากูร บุนปาน บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และนายระวิ โหลทอง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และมาตรา ๑๕๗ ประกอบมาตรา ๘๖ ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๔ มาตรา ๑๒๓/๑ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๑๙๒ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๔ ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๖ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมืองกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายฐากูร บุนปาน บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และนายระวิ โหลทอง

ทั้งนี้ ในเวลาต่อมา นายฐากูร บุนปาน รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ออกมาให้ข่าวในกรณีนี้ผ่านเว็บไซต์มติชนออนไลน์ว่า การ ดําเนินการตามโครงการดังกล่าว เป็นไปโดยบริสุทธิ์ ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบราชการ เช่นเดียวกับการดำเนินการอื่นๆ ตามหลักการที่ยึดถือของบริษัทมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลใด นอกจากนั้นแล้ว โครงการดังกล่าว ยังได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งมีตัวแทนของ ป.ป.ช. และสํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมอยู่ด้วย ตั้งแต่หลังมีการรัฐประหาร ๒๕๕๗ และใช้เวลาไต่สวนกว่า ๑๘ เดือน และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อนุมัติให้จ่ายค่าเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่ในปี ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ในชั้นไต่สวน บริษัทได้ขอชี้แจงในประเด็นดังกล่าวข้างต้น แต่ไม่ได้รับโอกาสจาก ป.ป.ช. อย่างไรก็ดี บริษัทน้อมรับการตรวจสอบ และแก้ไขข้อกล่าวหาตามกระบวนการต่อไป รวมทั้งขอสงวนสิทธิ์ในทางกฎหมาย ที่จะปกป้องชื่อเสียงเกียรติภูมิของตนเองด้วย

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๓๙วันพุธที่ ๕ - วันอังคารที่ ๑๑ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

 


898 1421