“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนมีไว้ประจำบ้านหรือสำนักงาน บ้างก็ดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มให้กระปรี้กระเปร่า และดื่มเพื่อไม่ให้เกิดอาการง่วงหงาวหาวนอนระหว่างวัน และที่สำคัญ กาแฟยังถือเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ในงานพบปะสังสรรค์กันอีกด้วย จึงทำให้ธุรกิจกาแฟเติบโตมากในช่วงหลายปีมานี้ 

ในบรรดาธุรกิจกาแฟที่มีคนนิยมมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นร้านคาเฟ่ เพราะคนรุ่นใหม่ชอบไปเที่ยว ชอบไปลองลิ้มชิมรสชาติของกาแฟ เพื่อหาว่า ร้านใดคือร้านที่ใช่สำหรับตัวเองมากที่สุด แต่สิ่งที่มาพร้อมกับการดื่ม คือ ค่าใช้จ่าย บางร้านขายในราคาแก้วละ ๖๐-๗๐ บาท และถ้าร้านใดที่มีคนนิยมมากราคาก็อาจจะปรับเกิน ๑๐๐ บาทต่อแก้ว ซึ่งราคานี้บางคนซื้อข้าวกินได้ ๒ มื้อ วันนี้จึงจะพาไปรู้จักกับร้าน “ไม่ใช่คาเฟ่” ขายเครื่องดื่มราคาเพียงแก้วละ ๒๕-๔๐ บาทเท่านั้น

“ไม่ใช่คาเฟ่” นี่คือชื่อของร้านกาแฟ ที่มี ‘คุณโน้ต’ ณัฐกานต์ เนาวราช เป็นเจ้าของ ซึ่งคุณโน้ตมีอาชีพหลักเป็นพนักงานบริษัททั่วไป และครอบครัวก็ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นอย่างมาก ประกอบกับ ‘ครูหน่อย’ แม่ของคุณโน้ต เกษียณจากงานและไม่มีอะไรทำ คุณโน้ตจึงคิดหาอะไรให้แม่ทำ โดยเลือกเป็นการเปิดร้านกาแฟ เพื่อนำประสบการณ์การชงดื่มในครอบครัวมาขาย เริ่มแรกเปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ บนรถเข็นเก่าๆ ที่บริเวณหน้าบ้านตัวเอง 

ครูหน่อยและคุณโน้ต เล่าว่า “ที่บ้านชอบดื่มกาแฟ ชงดื่มเองทุกครั้ง จึงมีแนวคิดว่า เรามาลองขายดีไหม ใช้บริเวณหน้าบ้าน เพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน ขายช่วงแรกได้เพียง ๑๐ แก้ว ลูกค้ามาร้านครูหน่อยก็ได้เพื่อนคุย แต่เมื่อขายไปได้สักพัก เจอปัญหาแดดร้อนและฝนตก วันไหนที่ฝนตกก็จะขายไม่ได้ เพราะไม่มีที่ให้หลบฝน ลูกค้าก็เลยไม่มา จากนั้นจึงเปลี่ยนมาทำเป็นร้าน ตกแต่งบริเวณรอบๆ ให้สวยงาม มีที่นั่งสำหรับหลบแดดหลบฝน เมื่อทำแบบนี้ก็มีลูกค้ามากขึ้น จากแรกๆ ที่ขายได้ ๑๐ แก้ว ทุกวันนี้ประมาณ ๕๐-๑๐๐ แก้ว หรือมากกว่านั้น สำหรับชื่อ ‘ไม่ใช่คาเฟ่’ เพราะเริ่มแรกไม่ได้ทำร้านคาเฟ่ แต่ขายเป็นรถเข็น ไม่มีมุมให้ถ่ายรูป จึงเป็นที่มาของร้าน”

นอกจากครูหน่อยและคุณโน้ตจะเปิดร้านกาแฟเพราะชอบดื่มเองแล้ว อีกสาเหตุหนึ่ง คือ ราคา เพราะเมื่อชอบดื่มก็ต้องเข้าร้านกาแฟบ่อย และส่วนมากขายราคาแพง แต่ทุกที่ก็กาแฟเหมือนกัน จึงมีแนวคิดว่า “เราเปิดร้านขายเอง ๒๕-๔๐ บาทได้หรือไม่” ช่วงที่ขายบนรถเข็น ขายแก้วละ ๓๐ บาทเท่านั้น จนลูกค้าทักว่าขายถูก เมื่อมาเปิดร้าน ‘ไม่ใช่คาเฟ่’ ก็ยังคงเอกลักษณ์ขายถูกไว้ “เพราะต้องการให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟดีราคาถูก เราขายไม่แพง เพราะต้นทุนไม่มาก ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องมีค่าเช่า ราคานี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”

สำหรับร้าน ‘ไม่ใช่คาเฟ่’ ใช้วิธีสับเปลี่ยนเมล็ดกาแฟทุกสัปดาห์ เช่น สัปดาห์นี้ใช้เมล็ดกาแฟจากประเทศบราซิล สัปดาห์ถัดไปใช้เมล็ดกาแฟดอยช้าง หรือเมล็ดกาแฟห้วยห้อม เมื่อถึงวันเสาร์ ครูหน่อยก็จะบอกลูกค้าให้มาลองกาแฟตัวใหม่ แต่ยังอร่อยและดีเหมือนเดิม ส่วนใครที่อยากจะดื่มรสชาติเดิม อาจจะต้องรอจนกว่าร้านจะนำกลับมา ส่วนเมล็ดกาแฟที่ใช้ประจำ จะสั่งโดยตรงจากกรุงเทพฯ ส่วนคนที่ไม่อยากดื่มกาแฟ ที่ร้านก็จะมีโกโก้สูตรเข้มข้นและชาเขียวมัทฉะ เนื่องจากลูกของคุณโน้ตชอบ จึงเพิ่ม ๒ เมนูนี้ขึ้นมา ซึ่งชาเขียวมัทฉะ เป็นเครื่องดื่มที่แพงที่สุด คือ ๔๐ บาท เพราะใช้มัทฉะจำนวนมากในการชง เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น ไม่มีกั๊กไม่มีหวง บอกเลยว่า ลองแล้วติดใจ

แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่โควิด-๑๙ ระบาดหนัก แต่ร้านก็ไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะที่นี่ไม่ใช่คาเฟ่ บางคนซื้อเสร็จก็เดินทางต่อ หรือบางคนอาจจะนั่งพักสักครู่ ประกอบกับราคาที่ถูกมากๆ แต่คุณภาพดีเทียบเท่าร้านดัง แทบจะหาทานที่ไหนไม่ได้ ร้านนี้จึงยังขายได้เรื่อยๆ ซึ่งในเรื่องรสชาติกาแฟและเครื่องดื่มอื่น ผมการันตีว่า อร่อยจริง ซึ่งก่อนจะเขียนรีวิวนี้ ก็แอบไปลอง ๒-๓ ครั้งแล้ว จนอยากจะชวนให้ทุกคนไปลองกัน

สำหรับคนที่จะไป ‘ไม่ใช่คาเฟ่’ ร้านหาไม่ยาก ตั้งอยู่ที่ถนนพิชัยสงคราม บ้านหนองปรือ ระหว่างค่ายสุรนารีและค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อยู่บริเวณทางแยกไปเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง เปิดตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๘.๓๐ น. หยุดทุกวันพุธ และด้วยสถานการณ์โควิด-๑๙ ในช่วงนี้ ทางร้านงดให้บริการนั่งทานที่ร้าน แต่ยังให้นั่งรอเครื่องดื่มได้ และอย่าดื่มกาแฟ จนลืมดูแลตัวเอง ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างกันด้วยนะครับ

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๙๓ วันพุธที่ ๑ - วันอังคารที่ ๗ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔