28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

October 25,2021

ต้องเปิดเมืองกระตุ้นเศรษฐกิจ “หัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ” พร้อมดันอุตสาหกรรมนครชัยบุรินทร์

“หัสดิน” เชื่อโคราชต้องเปิดเมือง โดยมีมาตรการเข้มงวด ย้ำประชาชนต้องฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็ม เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัย วอนผู้เห็นต่างให้ยอมรับ ให้เศรษฐกิจเดินหน้า อนาคตจะพัฒนาภาคอุตสาหกรรมนครชัยบุรินทร์ให้เข้มแข็ง

เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. “โคราชคนอีสาน” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ และที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ถึงการเปิดเมืองจังหวัดนครราชสีมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และบทบาทหน้าที่ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์

นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ กล่าวว่า ผมเห็นด้วยกับการ เปิดเมืองครั้งนี้ แต่ต้องเน้นเรื่องมาตรการสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่จะผ่านมาโคราช จะต้องมีผลการฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็ม มีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี ATK หรือ RT-PCR ภายใน ๗๒ ชั่วโมง เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจในระดับหนึ่งกับผู้ที่มาเยือน ซึ่งผู้ประกอบการต่างๆ ในโคราช ก็จะต้องทำตามมาตรการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านนวด ร้านสปา ร้านอาหาร และโรงแรมที่พักต่างๆ จะต้องมีการสำรวจว่า พนักงานหรือผู้ประกอบการฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็มหรือยัง ถ้าใครฉีดครบแล้ว พนักงานแต่ละคนจะต้องมีป้ายประจำตัว เพราะบางที่ระบุว่า พนักงานฉีดครบทุกคน แต่ก็อาจจะมีบางคนที่เข้ามาใหม่หรือเคลื่อนย้ายมา ควรจะทำเป็นป้ายของแต่ละคนดีกว่า เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการในสถานประกอบการนั้นๆ และให้เศรษฐกิจสามารถเดินไปได้

“ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม เวลาขายของให้กับต่างประเทศ บางครั้งก็เป็นลูกค้าเก่า ซึ่งบางครั้งเขาอาจจะต้องแวะมาเยี่ยมบริษัทผู้ผลิตหรือโรงงานอุตสาหกรรม ได้มาตรฐานตามที่รับรองไว้หรือไม่ หรือผลผลิตที่เขาสั่งนั้น ได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันผู้ซื้อเหล่านี้ เขาเดินทางมาโคราชไม่ได้ ถ้าเขามาจะต้องถูกกักตัว ๑๔ วัน เขาจึง ไม่มาและเปลี่ยนไปซื้อของจากประเทศอื่น ที่สามารถเดินทางได้ปกติ และไม่ต้องถูกกักตัว ทำให้จุดนี้เป็นข้อด้อยของภาคอุตสาหกรรมไทย ที่ผ่านมามีการเรียกร้องต่อภาครัฐว่า เมื่อไหร่จะมีการเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้สามารถคลายล็อกในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ ซึ่งอาจจะมีเป้าหมายร้อยละ ๗๐ ของประชากรในโคราช แต่ประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้สัมผัสกับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติโดยตรง จึงอาจจะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นร้อยละ ๗๐ ของกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว หรือสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะละเลยประชาชนตามชนบท แต่เขาอาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า ดังนั้น หากฉีดวัคซีนครบร้อยละ ๗๐ ของประชากรกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้การท่องเที่ยวเปิดได้ ในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องมีการฉีดวัคซีน คนจากภายนอกมาเยี่ยมชมสถานที่จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดไว้ เพื่อไม่ให้ลงไปคลุกคลีกับคนงาน เพียงแต่ว่ามาดูผลิตภัณฑ์ว่า ได้ตามมาตรฐานหรือไม่ เพราะบางครั้ง ลูกค้าจะส่งชิ้นงานมาให้โรงงานผลิต หากเขาไม่เดินทางมาดูด้วยตัวเอง อาจจะไม่มีความมั่นใจว่า โรงงานจะสามารถผลิตออกมาได้ดี ให้เป็นตามมาตรฐานที่ต้องการหากเขามาตรวจไม่ได้ เขาก็ไม่สั่ง ซึ่งการปิดเมืองดำเนินมาปีกว่าแล้ว ทำให้ไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามา เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มดีขึ้น ควรเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อในต่างประเทศ นักท่องเที่ยว ได้เข้ามาในโคราชง่ายขึ้น หากยังต้องกักตัว ๑๔ วัน ก็คงจะไม่มีใครอยากเดินทางเข้ามา”

นายหัสดิน กล่าวอีกว่า “การเปิดเมืองจะต้องทำควบคู่กับการฉีดวัคซีน โดยช่วงแรกการฉีดวัคซีนอาจจะทำโดยเน้นไปที่กลุ่ม ๖๐๘ หรือกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ๗ โรค ที่เมื่อติดโควิดแล้วอาจจะมีความเสี่ยงและอันตรายสูง ขณะนี้อาจจะได้รับวัคซีนไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่กลุ่มเดิมที่ยังได้ไม่ครบก็ยังต้องดำเนินต่อไป แต่อีกส่วนหนึ่งอาจจะเน้นฉีดกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพส่งอาหารหรือไรเดอร์ และพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เพราะคนกลุ่มนี้ต้องเจอคนจำนวนมากและมีการสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นๆ ดังนั้นควรจะฉีดให้ครบทั้งหมด การบริหารวัคซีนขณะนี้จึงควรจะจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมายให้ครบทั้งหมด หรืออย่างต่ำอาจจะฉีดก่อนร้อยละ ๗๐ ในกลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม”

“เมื่อฉีดวัคซีนครบตามกลุ่มเป้าหมายแล้ว ภาครัฐอาจจะต้องจัดหาเครื่องตรวจหาเชื้อด้วยวิธ๊ ATK  ให้กับผู้ประกอบการด้านการ   ท่องเที่ยว และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้จัดซื้อ ATK เอง เพื่อใช้ตรวจพนักงานในโรงงานเป็นประจำ เพราะการซื้อชุดตรวจ ATK สามารถนำไปหักภาษี ๑.๕ เท่า ซึ่งนี่เป็นการช่วยเหลือส่วนหนึ่งของภาครัฐ แต่ผู้ประกอบการบางรายอาจจะไม่มีต้นทุนมากพอที่จะสั่งซื้อเอง เพราะจะต้องใช้ตรวจเป็นประจำ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น หากภาครัฐต้องการเปิดเมือง อาจจะต้องจัดซื้อ ATK มาแจกให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ตรวจและทราบผลก่อนจะพบกับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติ” นายหัสดิน กล่าว

  • เปิดเมืองระบาดเพิ่ม

นายหัสดิน กล่าวอีกว่า “แน่นอนว่าหลังการเปิดเมือง ตัวเลขการติดเชื้ออาจจะมากขึ้น แต่เมื่อประชาชนได้รับวัคซีนเต็มจำนวน การป่วยที่รุนแรงและอัตราการเสียชีวิตจะน้อยลง  หากตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มมากขึ้น ก็แสดงว่า มาตรการที่ปฏิบัตินั้น ทำถูกทางแล้วแต่หากตัวเลขผู้เสียชีวิตมากขึ้น ทุกฝ่ายต้องมาทบทวนว่า มาตรการสำหรับการเปิดเมืองเข้มงวดเพียงพอหรือไม่ แล้วทำอย่างไรจะทำให้มาตรการรัดกุมมากขึ้น ดังนั้น ถ้าภาครัฐสามารถควบคุมตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ให้เพิ่มขึ้น หรือมีตัวเลขที่ลดลงกว่านี้ การเปิดเมืองก็น่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น”
“สำหรับมาตรการที่ใช้ดำเนินการในโรงงาน ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานขนาดใหญ่ ได้จัดทำระบบ Bubble and Seal (BBS) เพื่อแยกผู้มีความเสี่ยงออกจากพนักงานปกติ ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่เริ่มคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน เพราะถ้ามีพนักงานติดเชื้อจำนวนมาก ก็จะถูกสั่งปิดกิจการชั่วคราว อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย โรงงานจึงพยายามทำ BBS พร้อมกับแยกพนักงานแต่ละแผนกออกจากกัน เมื่อพบกลุ่มเสี่ยงก็จะทำให้อยู่ในวงที่เล็กลง และไม่ติดทั้งโรงงาน หากพนักงานมีการติดเชื้อ โรงงานก็จะทำ FAI เช่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำ FAI ส่วนรวม ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ หากโรงงานใดมีการติดเชื้อ ก็สามารถมาใช้ FAI แห่งนี้ได้” นายหัสดิน กล่าว

ต่อข้อถามว่า “ที่ผ่านมามาตรการในโรงงานรัดกุมหรือยัง” นายหัสดิน ตอบว่า “อย่างที่เล่าไปว่า มาตรการดีหรือไม่ ต้องดูที่อัตราผู้เสียชีวิต วันนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิดในภาพรวมของประเทศเหลือประมาณวันละ ๑๐๐ คน จากเมื่อก่อนวันละ ๒๐๐ คน แต่สภาอุตสาหกรรมต้องการให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงมากกว่านี้อีก ต่อไปโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น การห้ามไม่ให้ติดเชื้อาจจะทำได้ยาก แต่ความรุนแรงของผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง เพราะทุกคนได้รับวัคซีนหมดแล้ว ดังนั้น มองว่า มาตรการต่างๆ ในขณะนี้ ดำเนินการมาถูกทางแล้ว”

  • ดันอุตสาหกรรมนครชัยบุรินทร์

สำหรับบทบาท “ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดนครชัยบุริทนทร์” นายหัสดิน เปิดเผยว่า “ในแง่ของภาคอุตสาหกรรม ผมพยายามผลักดันให้โคราช เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ครม.ได้อนุมัติให้โคราชเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย ซึ่งในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์จะได้รับประโยชน์จากการที่โคราชเป็นพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษด้วย โดยทำโครงการต่างๆ เชื่อมโยงให้เกิดการพัฒนาในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ หากเราพัฒนาควบคู่กันได้ ก็จะสามารถยกระดับความเข้มแข็งของทั้ง ๔ จังหวัดได้ เช่น การทำท่าเรือบกที่โคราช จะทำให้จังหวัดชัยภูมิ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ได้ประโยชน์ และต้องการให้มาร่วมผลักดันไปพร้อมๆ กัน บทบาทในการเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ จึงต้องการให้ประธานสภาฯ อีก ๓ จังหวัด ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนโคราชให้มีการจัดสร้างท่าเรือบก เมื่อทำสำเร็จจะเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าในอนาคตจะมีรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ จะต้องมีการเชื่อมให้ทุกจังหวัดในกลุ่มจังหวัดฯ ได้รับประโยชน์จากระบบสาธารณูปโภคที่รัฐบาลจัดหาให้ เพราะเมื่อรัฐบาลจัดมาให้แล้ว จะต้องมีคนเข้าไปใช้งาน ยิ่งใช้งานมากก็จะยิ่งเกิดประโยชน์ต่อประเทศ ดังนั้น จะต้องส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดฯ พัฒนาภาคอุตสาหกรรมในจังหวัด เพื่อรองรับการใช้งานท่าเรือบก รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ต่อไปคนชัยภูมิที่ต้องการเดินทางไปกรุงเทพฯ อาจจะมาขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่โคราช ใช้เวลาเดินทางไปกรุงเทพฯ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ดังนั้น การคมนาคมและการขนส่งต่างๆ ในกลุ่มจังหวัดฯ จะเกิดความเชื่อมโยงกัน ซึ่งโคราชเจริญขึ้นแน่ๆ แต่ในฐานะประสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดฯ ต้องมาคิดว่า ทำอย่างไรให้จังหวัดอื่นๆ เจริญขึ้นด้วย เช่น จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ซึ่งมีคลังจัดเก็บสินค้า (Container Yard : CY) อาจจะมาเชื่อมโยงการขนส่งกับท่าเรือบกโคราช จะทำให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของท่าเรือบก และการอนุมัติให้ก่อสร้างก็จะง่ายขึ้น ดังนั้น จะต้องพัฒนากลุ่มจังหวัดฯ ไปพร้อมกัน”

  • ความคืบหน้าท่าเรือบก

“ขณะนี้ ครม.มีมติให้ท่าเรือบกดำเนินการต่อไป ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น และนครราชสีมา โดยมีการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่าย ซึ่งการท่าเรือบอกว่า จะต้องทำทีละจังหวัด โดยเลือกฉะเชิงเทราก่อน จากนั้นจึงจะทำที่ขอนแก่นและโคราชในเฟสต่อไป โดยเราก็หวังว่า โคราชจะได้รับการสนับสนุนจากการท่าเรือ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม มาก่อสร้างที่โคราชในระยะต่อไป ซึ่งในแผนของจังหวัดก็จะต้องขยับออกไปเรื่อยๆ เพื่อรอความพร้อมของการท่าเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ สนข.มอบหมายให้ดำเนินการท่าเรือบก แต่อย่างไรก็ตาม โคราชพยายามขอการสนับสนุนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะการรถไฟจะมีบทบาทสำคัญในการขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะขนส่งผ่านระบบราง โดยประมาณสิ้นเดือนนี้ การรถไฟฯ จะร่วมประชุมกับจังหวัด เพื่อร่วมทำแผนตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อสร้างที่ฉะเชิงเทราเสร็จ โคราชจะได้มีความพร้อมในระยะต่อไปทันที”

  • เศรษฐกิจต้องเดินต่อ

นายหัสดิน กล่าวท้ายสุดว่า “สำหรับเรื่องโควิด -๑๙ เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องรักษาตัวเองยังต้องใส่หน้ากากอนามัย และระวังไม่ให้ตัวเองเป็นพาหะรับเชื้อไปแพร่ให้คนอื่น แต่เนื่องจากวันนี้เศรษฐกิจไม่ดี น้ำมันแพง เหล็กแพง ปุ๋ยแพง แต่ราคาผลผลิตทางการเกษตรกลับไม่ได้มีราคาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเข้ามาสนับสนุนภาคเอกชนในการทำโครงการต่างๆ ที่จะทำให้เกิดรายได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการเปิดเมือง เพราะกลัวการระบาดจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่เปิดเมือง การค้าขายและการทำมาหากิน ประชาชนอาจจะอยู่ไม่ไหว เงินไม่มี หนี้ก็มาก ดังนั้น ต้องขอความเห็นใจจากทุกฝ่าย หาจุดพอดี หาจุดพอใจ ทุกคนต้องระวังและดูแลตัวเอง ไม่ให้เกิดการระบาด เพื่อจะได้ผ่อนคลายทางเศรษฐกิจ ให้สามารถเดินต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะไปต่อไม่ไหว จึงฝากไปถึงคนที่ไม่เห็นด้วยว่า อย่างไรก็ต้องมีการผ่อนคลาย ให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่อไปได้ แต่ทุกคนจะต้องดูแลตัวเอง เพื่อให้การค้าการลงทุน และการทำงานดำเนินการต่อไป”

ทั้งนี้ นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ๒ สมัย ในวาระปีบริหาร ๒๕๖๑-๒๕๖๓ และวาระปีบริหาร ๒๕๖๓-๒๕๖๕

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๐๐ วันพุธที่ ๒๐ เดือนตุลาคม - วันอังคารที่ ๒ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔

 

1042 1660