January 15,2022
แรงงานแห่แจ้งจับนายหน้าเถื่อน หลอกไปเกาหลีกว่า ๓๐ คนสูญกว่า ๒ ล.
เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๕ แรงงานใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ และ อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา แห่นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.ทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับแก๊งนายหน้าเถื่อนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ตำบลเมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ และอยู่ต่างจังหวัด หลังจากมีพฤติกรรมหลอกลวงจะพาไปทำงานประเทศเกาหลี ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยเรียกรับเงินจากแรงงานรายละ ๕๐,๐๐๐–๑๑๐,๐๐๐ บาท อ้างว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน และแลกเงินสกุลเกาหลีหรือเงินวอนไว้สำหรับติดตัว หากใครจ่ายเงินแล้วไม่เกิน ๑ เดือนจะได้บินไปทำงาน ทั้งหลอกล่อว่าหากใครได้ไปทำงานที่เกาหลีจะได้ค่าแรงสูงถึงเดือนละ ๕๐,๐๐๐–๖๐,๐๐๐ บาท โดยอาศัยช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิดระบาดแรงงานหลายคนตกงาน จึงมีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจ่ายเงินให้กับกลุ่มแก๊งนายหน้าเถื่อนดังกล่าวไปเกือบ ๓๐ คน รวมเป็นเงินกว่า ๒ ล้านบาท จากนั้นนายหน้าก็พาเดินทางไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยทำทีให้กรอกเอกสารที่เป็นภาษาเกาหลีเพื่อให้ตายใจ และหลอกให้นอนรอที่โรงแรม เมื่อทำเรื่องเสร็จมีกำหนดบินแล้วจะมาบอก พากันรอที่โรงแรมเกือบเดือนแต่ก็ไม่ได้บินไปทำงานเกาหลีตามที่นายหน้ากล่าวอ้างสักที แล้วพอนายหน้าได้เดินจากแรงงานทุกคนแล้ว ก็หอบเงินหนีแล้วหายไปเลยไม่สามารถติดต่อได้อีก ทั้งทางโทรศัพท์ ไลน์ และเฟซบุ๊กถูกบล็อกทุกช่องทาง เชื่อว่าถูกหลอกแน่นอน จึงพากันทยอยเข้าแจ้งความ
ล่าสุดทราบว่านางน้ำอ้อย หรือเจ๊น้ำอ้อยซึ่งเป็นชาวตำบลเมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งนายหน้าเถื่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทะเมนชัย จับกุมได้แล้ว แรงงานที่ถูกหลอกจึงได้พากันมาชี้ตัว และทยอยเข้าแจ้งความเพิ่ม เบื้องต้นนางน้ำอ้อย ถูกแจ้งข้อหา “หลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ” ซึ่งพนักงานก็ได้ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว
น.ส.ศรีนวล ธรรมธุระ หนึ่งในแรงงานที่ถูกหลอก บอกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองและสามีทำอาชีพเพาะเห็ดขายในตลาด ก็มีรายได้เดือนละกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท แต่พอหักต้นทุนแล้วก็เหลือกำไรไม่มาก กระทั่งเมื่อปี ๒๕๖๓ มีนายหน้าซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านมาชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลี โดยหลอกล่อว่าได้ค่าแรงสูงไปแรกๆ อาจจะได้เดือนละ ๓๐,๐๐๐–๔๐,๐๐๐ บาท แต่หากอยู่ไปสักพักค่าแรงก็จะเพิ่มเป็นเดือนละ ๔๐,๐๐๐–๕๐,๐๐๐ บาท เห็นว่าคนที่มาชักชวนเป็นคนในหมู่บ้านและเคยไปเกาหลีมาก่อนแล้วจึงหลงเชื่อ ตัดสินใจหยุดเพาะเห็ดแล้วหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่า และค่าดำเนินการต่างๆ ตามที่นายหน้ากล่าวอ้าง โดยตนกับสามีจ่ายเงินไปคนละ ๕๕,๐๐๐ บาท รวม ๒ คนจ่ายไป ๑๑๐,๐๐๐ บาท แต่สุดท้ายกลับไม่ได้บินไปทำงานเกาหลีและไม่สามารถติดต่อนายหน้าได้อีก ก็เสียใจที่คนรู้จักคุ้นเคยกันมาหลอกลวงกันแบบนี้ ทำให้ตนกับสามีต้องเป็นหนี้และหาเงินไปตัดดอกเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท จากเมื่อก่อนไม่เคยมีหนี้ จึงได้พากันมาแจ้งความเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายหน้าและอยากได้เงินคืนเพื่อไปใช้หนี้ ซึ่งเชื่อว่าทำเป็นขบวนการแน่นอน
ด้านนายประสงค์ หยุดกลาง แรงงานอีกราย บอกว่า เดิมตนทำงานในโรงงาน แต่ช่วงปี ๒๕๖๓ เกิดวิกฤตโควิดทางโรงงานลดจำนวนแรงงาน จึงตกงานกลับมาทำงานที่บ้านแล้วจู่ๆ ก็มีคนในหมู่บ้านชื่อยายหลง ซึ่งเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีมาก่อน มาหลอกว่าใครสนใจจะไปทำงานเกาหลีค่าแรงสูงเดือนละ ๔–๕ หมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นตนยังตกงานอยู่จึงหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้กับนายหน้าไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการค่าดำเนินการ และแลกเงินวอน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ไปตามที่กล่าวอ้าง ก็เชื่อว่าถูกหลอกและทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินที่จ่ายไปคืนจึงได้พากันมาแจ้งความให้ดำเนินกับแก๊งนายหน้าดังกล่าวด้วย
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๑๐ วันพุธที่ ๑๒ - วันอังคารที่ ๑๘ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
76 1,619