19thApril

19thApril

19thApril

 

February 12,2022

ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จนท.สรรพากรเขมือบภาษี ๒ ล.

ผู้ประกอบการรวมตัว ร้องศูนย์ดำรงธรรม วอนให้เอาผิดเจ้าหน้าที่สรรพากรโนนไทย มีพฤติกรรมหลอกให้โอนเงินภาษี แต่ไม่นำเข้าระบบ พบผู้เสียหายประมาณ ๔๐ ราย สูญเสียกว่า ๒ ล้านบาท ล่าสุดตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และอายัดบัญชีเงินฝากทุกธนาคาร ด้านสรรพากรโคราชเตือนประชาชน ห้ามฝากหรือโอนเงินให้เจ้าหน้าที่จ่ายภาษีให้

ตามที่ผู้ประกอบการในอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ได้รับหนังสือเรียกเงินภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร ระบุว่า ค้างชำระภาษีประจำปี ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ เป็นจำนวนเงินที่แตกต่างกันออกไป ทั้งที่ผู้ประกอบการได้โอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่สรรพากรไปดำเนินการแล้ว แต่ทราบภายหลังว่า เป็นการหลอกให้โอนเงินเสียภาษี แต่เจ้าหน้าที่ไม่นำเงินเข้าระบบ ซึ่งเบื้องต้นผู้เสียหายได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่แล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ สภ.โนนไทย นำโดยพ.ต.อ.อิษฏ์ บุญญะฤทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.โนนไทย พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธวัช บุญเคหา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โนนไทย ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมรับฟังและชี้แจงในกรณีเจ้าหน้าที่สรรพากรเก็บค่าภาษีและไม่นำส่ง ซึ่งผู้บริหารที่ร่วมรับฟังและชี้แจงประกอบด้วย นายธงชัย ศรีสูงเนิน สรรพากรพื้นที่ นครราชสีมา ๑ นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอโนนไทย นายสมโภชน์ ชั่งทอง ปลัดอาวุโสอำเภอโนนไทย และนายมานะวุฒิ หามนตรี รักษาราชการสรรพากรอำเภอโนนไทย โดยร่วมกันชี้แจงปัญหาการเสียภาษีแล้วเงินไม่เข้าระบบของสรรพากร ซึ่งเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่สรรพากรบางคน ซึ่งนายธงชัยฯสรรพากรพื้นที่ นครราชสีมา ๑ ได้มารับทราบปัญหาเพิ่มเติมและชี้แจงแนวทางขั้นตอน ผู้ที่ได้รับผลกระทบทราบ ในที่ประชุมของ สภ.โนนไทย และนายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอฯ ได้รับทราบปัญหาและได้นำปลัดอำเภอที่รับผิดชอบดูแลส่วนของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอโนนไทย มาเก็บข้อมูลประสานหาแนวทางช่วยเหลือฯ ในส่วนของ สภ.โนนไทย นั้น พ.ต.อ.อิษฏ์ บุญญะฤทธิ์ ผกก.ฯ และ พ.ต.ท.ธวัช บุญเคหา รอง ผกกฯ ได้ร่วมชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน เก็บข้อมูลและสอบสวนบุคคลและเก็บหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมเสนอไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อวินิจฉัยชี้มูลความผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดต่อหน้าที่ด้านการจัดเก็บภาษีแล้วไม่นำเงินส่งเข้าระบบในครั้งนี้ และเมื่อ ป.ป.ช.วินิจฉัยชี้มูลฯ และส่งกลับมายัง สภ.โนนไทย พนักงานสอบสวน จะได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนี้ต่อไป นอกจากนี้ยังได้ชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและทางอาญา และการประสานร้องขอในส่วนที่เยี่ยวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวรวรรณธน์ โพธวัฒน์ อายุ ๖๐ ปี เจ้าของร้านพรวนมินิมาร์ท เลขที่ ๒๙๙ หมู่ที่ ๔ ตำบลสายออ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมพวกรวม ๑๕ คน เป็นผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีถูกบุคลากรของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา อำเภอโนนไทย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีรายได้ประกอบด้วย นางสาวกล้วย (นามสมมุติ) ข้าราชการระดับชำนาญการ ล่าสุดถูกคำสั่งให้ย้ายไปประจำสำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่นครราชสีมา ๑, นางสาวแอนอดีตเจ้าหน้าที่หญิง ลาออกไปเมื่อปีที่แล้ว และนายหนุ่ม เป็นข้าราชการมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของนางสาวกล้วยและแอน ได้ร่วมกันหลอกลวงให้เสียภาษีในอัตราที่เกินความเป็นจริงโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจในความเป็นข้าราชการ จึงหลงเชื่อโอนเงินให้และถูกหลอกในที่สุด โดยมีนายวัชรพงษ์ จิโสะ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายวรวรรณธน์ โพธวัฒน์ เปิดเผยว่า “ได้เข้าร่วมโครงการประชารัฐ ซึ่งต้องรูดบัตรซื้อขายสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๑ สรรพากรสาขา อ.โนนไทย แจ้งให้เสียภาษีเงินได้ ๔๐,๐๐๐ บาท ต่อมาตรวจสอบพบร้านมีรายได้เกิน ๑.๘ ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงได้เรียกเก็บเงิน ๖.๘ แสนบาท ตนไม่มีมากพอที่จะจ่ายเป็นก้อน แต่มีเจ้าหน้าที่สรรพากรชื่อแอน มาบอกให้ผ่อนจ่ายพร้อมช่วยทำรายการให้ทุกอย่างทุกขั้นตอน จึงได้โอนเงินให้กับแอน ครั้งละ ๒-๔ หมื่นบาท ได้ใบเสร็จบ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งต้องหยิบยืมคนอื่นมาผ่อนจ่าย เป็นระยะเวลา ๔ ปี ตนจ่ายเงินภาษีไปแล้ว ๕.๖ ล้านบาท ความมาแตกเมื่อถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง จึงทราบภายหลังว่า แอนไม่ยอมส่งเงินเข้าระบบหรือส่งบ้างไม่ส่งบ้าง ซึ่งเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง ก่อนหน้านี้ได้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.โนนไทย และนัดรวมตัวแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.โนนไทย แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด ขณะนี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายคือ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา วิงวอนขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการเอาคนผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด”

นายวัชรพงษ์ จิโสะ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมฯ เปิดเผยว่า “วันนี้มีผู้เสียหายแสดงตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีจำนวน ๓๑ ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ อ.ขามสะแกแสง อีกหลายสิบราย รายละเอียดของกฎหมายสำหรับเรื่องนี้ค่อนข้างสลับซับซ้อนพอสมควร เบื้องต้นให้ผู้เสียหายบันทึกเป็นคำร้องเพื่อดำเนินการรับเรื่องและจะรวบรวมข้อร้องเรียนรายงานให้นายวิเชียร จันนทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องร้องทุกข์ ยังไม่มีการตัดสินชี้ความผิดใดๆ ต้องผ่านกระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่ขอให้มีความเชื่อมั่นบุคลากรภาครัฐต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน หากมีพฤติกรรมฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบต้องดำเนินอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม”

พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ขณะนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้เสียหายให้ครบทุกราย และต้องเรียกตัวสรรพากร อ.โนนไทย ในฐานะผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่ ประเด็นสำคัญผู้เสียหายทั้งหมดระบุตัวตนคือ น.ส.กล้วยและ น.ส.แอน จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารทุกบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีอย่างละเอียดป้องกันไม่ให้โยกย้ายเงินในบัญชี ซึ่งเชื่อเป็นเงินที่มาจากพฤติการณ์ฉ้อโกงเงินภาษีประชาชน”

ตั้งกรรมการสอบสวน

ในขณะเดียวกัน นายธงชัย ศรีสูงเนิน สรรพากรพื้นที่นครราชสีมา ๑ เปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า “หลังจากที่มีข่าวออกไป ผม รวมทั้งนายอำเภอโนนไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย ผมนำเรียนไปว่า กรณีที่เขายื่นภาษี ตามที่มีเจตนาดีในการเสียภาษีให้รัฐ แต่เขาทำไม่ถูกช่องทาง โดยนำเงินที่จะเสียภาษีไปฝากให้เจ้าหน้าที่จ่าย แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ประพฤติมิชอบไม่ได้นำเงินที่ผู้เสียหายฝากไว้ไปเข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งผมได้ชี้แจงให้ผู้เสียหายทราบว่า กรณีนี้เป็นการฉ้อโกง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งให้ผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรโนนไทย ขณะนี้ทราบว่า มีการแจ้งความหมดแล้ว ตั้งแต่ผมมีความสงสัยว่า จะมีเรื่องไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ผมจึงย้ายเจ้าหน้าที่ผู้ก่อเหตุจากสำนักงานสรรพากรโนนไทย มาที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมือง ๒ ตั้งอยู่ชั้นล่างของสำนักงานสรรพากรพื้นที่นครราชสีมา ๑ เมื่อย้ายมาผมก็ส่งคนไปทำงานที่สำนักงานสรรพากรโนนไทยแทน และได้ให้สำนักงานสรรพากรโนนไทยรายงานพฤติกรรมของข้าราชการผู้ที่ก่อเหตุมาให้สำนักงานสรรพากรภาค จากนั้นก็ส่งเรื่องไปที่กรมสรรพากร ซึ่งขณะนี้กรมสรรพากรมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จภายใน ๗ วัน โดยคณะกรรมการจะสอบสวนตามแนวทางของราชการ เหตุการณ์นี้คงมีมูลอยู่แล้ว แต่กระบวนการยังต้องไปสอบสวนทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้เสียหายแต่ละราย เพราะเวลารายงานผลไปยังกรม จะต้องรายงานเป็นรายๆ ชื่ออะไรบ้าง มีความเสียหายเท่าไหร่ เมื่อรายงานไปกรมแล้วมีมูล กรมก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีโทษถึงขั้นให้ออกจากราชการ”

“เหตุการณ์ที่สำนักงานสรรพากรโนนไทย มีอยู่ ๒ เรื่อง คือ เรื่องของเจ้าหน้าที่คนปัจจุบันที่กล่าวไปข้างต้น กับเรื่องของพนักงานชั่วคราวที่ลาออกไปแล้ว โดยประเด็นพนักงานชั่วคราวที่ลาออกไปแล้ว ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน ซึ่งผู้เสียหายได้ติดต่อพนักงานคนดังกล่าวในการฝากเสียภาษีเป็นเวลาหลายปี ไม่รู้ว่ามีความไว้ใจกันอย่างไร โดยจะฝากด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของพนักงานคนดังกล่าว แต่ปรากฏว่า พนักงานคนนี้ไม่นำเงินไปเข้าระบบ เมื่อผู้เสียหายไปขอคัดแบบจึงทำให้รู้ว่า ที่ฝากจ่ายไปทั้งหมดไม่ได้ยื่นแบบให้เลย ไม่ใช่ว่าสรรพากรเรียกตรวจเขา ในส่วนของเจ้าหน้าที่คนปัจจุบันก็ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป”

ต้องการการเยียวยา

นายธงชัย กล่าวอีกว่า “ในทางกฎหมายจะถือว่าผู้ประกอบการยังไม่ได้เสียภาษีให้รัฐ ผู้เสียหายจึงสอบถามนายอำเภอโนนไทยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กรณีนี้จะมีการเยียวยาอย่างไร ถ้าไม่ได้รับเงินคืนจากเจ้าหน้าที่ที่ฉ้อโกงไป แล้วต้องเสียภาษีใหม่ให้ถูกต้องจะนำเงินจากไหนมาจ่าย ตำรวจจึงบอกกับผู้เสียหายว่า ในเรื่องของการดำเนินคดีก็ดำเนินการไปทั้งทางแพ่งและอาญา แต่ถ้าไม่ได้รับการชดใช้คืน ผู้เสียหายจะต้องฟ้องไปที่กรมสรรพากร หากจะให้ตำรวจช่วยดำเนินการ ก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผลการพิพากษาของศาลเมื่อมีการฟ้องแล้ว เบื้องต้นมีผู้เสียหายประมาณ ๔๐ ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ ๒ ล้านบาท”

มีปัญหาด้านการเงิน

“สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก ต้องบอกว่า ระบบงานของสรรพากรไม่มีช่องโหว่เกิดขึ้นเลย แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากตัวเจ้าหน้าที่ที่มีปัญหา ซึ่งสำนักงานสรรพากรพื้นที่กำชับกันตลอดว่า เราคือด่านหน้าที่จะต้องเจอกับผู้เสียภาษี พนักงานทั้งหมดจึงต้องยึดมั่นในคุณธรรมอัตลักษณ์ของกรมสรรพากร คือ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ มอบใจบริการ ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน แต่เจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุ เผอิญเขามีปัญหาด้านการเงิน และก็ได้ทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงิน ถ้ามีข้อมูลเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็จะมีการย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงิน”

อย่าฝากจ่ายภาษี

นายธงชัย กล่าวต่อไปว่า “ส่วนประชาชนที่จะไปเสียภาษี อย่าได้ฝากเงินไว้กับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่จะมีการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะสิ้นสุด ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ขอให้ประชาชนไปยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่แต่ละแห่ง เมื่อยื่นเสร็จจะมีใบเสร็จสีเหลืองให้เป็นหลักฐานว่า ท่านได้ชำระภาษีแล้ว อย่าไปฝากเงินไว้กับเจ้าหน้าที่ อย่าโอนเงินให้กับใคร เรื่องนี้ต้องย้ำเลย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากความไว้ใจกัน และประชาชนก็หวังว่า เจ้าหน้าที่จะช่วยให้เสียภาษีน้อยลง จึงมีการฝากเงินกันเกิดขึ้น ดังนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ให้มาชำระภาษีด้วยตนเองเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยจริงๆ ประชาชนที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ สามารถยื่นแบบเสียภาษีออนไลน์ได้ ซึ่งปลอดภัยและสะดวกที่สุด”

ขอโทษประชาชน

“ในฐานะที่ผมเป็นสรรพากรพื้นที่ต้องขออภัยประชาชนที่มีความตั้งใจในการเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่มาเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานไม่ถูกต้อง ผมต้องขอโทษประชาชนด้วย ในการกำกับดูแลเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่นครราชสีมา ๑ ผมจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคุณธรรมอัตลักษณ์ของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และมอบใจบริการ” นายธงชัย กล่าว

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๑๔ ประจำวันพุธที่ ๙ - วันอังคารที่ ๑๕ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช  ๒๕๖๕


1012 1394