28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

May 28,2022

อ้างเป็น ปปส.ปิดล้อมข่มขู่ค้นรถ วอนเร่งตรวจสอบจริงหรือปลอม

เจ้าของร้านขายเครื่องเสียงโร่แจ้งตำรวจ หลังมีชายฉกรรจ์กว่า ๑๐ คน อ้างตัวเป็นชุด ป.ป.ส. และปลัดอำเภอ ปิดล้อมค้นรถหน้ารีสอร์ตราวกับเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ตะคอกเสียงดังทำให้เด็กคนแก่ตกใจกลัว แถมขู่ห้ามถ่ายภาพ หากเป็น จนท.รัฐจริงวอนผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการทำหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่

เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าของร้านจำหน่ายและติดตั้งเครื่องเสียง จ.ศรีสะเกษ ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ที่มีชายฉกรรจ์กว่า ๑๐ คน นำรถยนต์มาจอดปิดล้อมรถยนต์ของลูกชายที่หน้ารีสอร์ต โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ มาขอตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน กธ-๗๗๐๕ ศรีสะเกษ คันที่ลูกชายเป็นคนขับ โดยที่ไม่มีหมายค้นหรือเอกสารอะไรมาแสดง และในคลิปจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็นปลัดอำเภอมีอำนาจในการตรวจสอบได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงทำให้เจ้าของร้านเครื่องเสียงเกิดความไม่พอใจ จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่างที่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ขอตรวจค้นรถ และในคลิปไลฟ์สดบางช่วงเจ้าของร้านเครื่องเสียงก็ถ่ายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าทำไมรถ เจ้าหน้าที่ถึงไม่ติด พ.ร.บ. แต่ถ้าเป็นรถประชาชนถ้าไม่ติด พ.ร.บ.คงถูกจับไปแล้ว   

จากนั้นเจ้าของร้านเครื่องเสียงและลูกชาย ก็ได้นำคลิปที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย   เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ ก็อยากให้มีการตรวจสอบ แต่หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง ก็จะเข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวว่า ทำหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่

ทั้งนี้ จากการสอบถามนายทรงพล สาทร อายุ ๒๑ ปี ลูกชายเจ้าของร้านเครื่องเสียงที่ถูกตรวจค้นรถ เล่าว่า วันเกิดเหตุขณะตนเองจะขับรถออกจากรีสอร์ต มีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ประมาณ ๓–๔ คัน มาจอดปิดล้อมรถของตน บอกว่าจะขอตรวจค้นรถว่ามีสิ่งผิดกฎหมายไหม ซึ่งตนก็ลงจากรถและยอมให้ตรวจค้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ก็ขอถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานแต่เขาก็ขู่ห้ามถ่ายแล้วยึดโทรศัพท์ไป แต่แฟนตนที่นั่งมาด้วยก็ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรหาพ่อที่ขับรถออกไปก่อน จากนั้นมีรถมาเพิ่มอีกหลายคันชายฉกรรจ์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กว่า ๑๐ คน แต่ก็ไม่ได้แสดงเอกสารอะไรแค่บอกว่ามีคนประสานมาให้ตรวจค้น ยอมรับว่าตอนนั้นกลัวทั้งเด็กและคนแก่ในรถก็ตกใจ ที่สำคัญคนที่เข้า-ออกรีสอร์ตและขับรถผ่านไปมาก็เห็นหลายคน กลัวเขาจะเข้าใจว่าตนทำผิดกฎหมายหรือค้ายาจนมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ยืนยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย  หากเป็นเจ้าหน้าที่จริงก็อยากให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

ด้าน น.ส.ชุติมา เมืองจันทึก แม่ของนายทรงพล บอกว่า ตนและครอบครัวทำธุรกิจร้านจำหน่ายและติดตั้งเครื่องเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ วันหยุดตั้งใจจะพาลูกหลานญาติพี่น้องไปเที่ยวและไหว้พระที่ จ.สุพรรณบุรี โดยขับรถยนต์ตามกันมา ๒ คัน เดินทางออกจาก จ.ศรีสะเกษ คืนวันศุกร์ประมาณ ๔-๕ ทุ่ม มาถึงบุรีรัมย์ประมาณตี ๒ ก็แวะพักที่รีสอร์ตเพื่อจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเช้าวันเสาร์ที่ร้านซึ่งเคยใช้บริการ แต่พอเช้าวันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม รถคันของตนก็ขับออกจากรีสอร์ตก่อนเพื่อไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ร้านรอ เนื่องจากลูกและญาติที่นั่งมาอีกคันยังไม่เสร็จ แต่เมื่อรถคันของตนมาถึงกลางทางลูกสะใภ้ก็โทรศัพท์มาหาสามีของตนว่ามีรถกว่า ๑๐ คันอ้างเป็น ป.ป.ส.มาปิดล้อมที่ทางเข้า-ออกรีสอร์ต เพื่อตรวจค้นรถยนต์คันที่ลูกชายขับ จึงรีบขับรถวนกลับไปดู ก็มีรถยนต์หลายคันจอดปิดหน้าหลังตนจึงหยิบมือถือออกมาไลฟ์สดไว้เป็นหลักฐาน เพราะกลุ่มคนที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่มาขอตรวจค้นไม่มีเอกสารหรือหมายค้นอะไรเลย บอกเพียงว่าเป็น ป.ป.ส.และมีคนหนึ่งที่บอกว่าเป็นปลัดอำเภอมีอำนาจตรวจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมาย  

“จากนั้นเขาก็ค้นรถ ของในรถ และถ่ายบัตรประชาชนทุกคนไว้ ซึ่งทุกคนก็ยอมให้ตรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพราะพวกตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไม่พอใจกับการ กระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว หากเป็นเจ้าหน้าที่จริง ก็น่าจะขอตรวจสอบดีๆ ไม่จำเป็นจะต้องมาปิดล้อมแบบนี้ทำราวกับพวกตนเป็นผู้ต้องหาหรือแก๊งค้ายา ทั้งขึ้นเสียงตะคอกใส่จนทำให้เด็กคนแก่ตกใจกลัว เบื้องต้นจึงได้นำคลิปที่บันทึกไว้เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ และขอให้ตรวจสอบกลุ่มคนดังกล่าวด้วย หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง ผู้บังคับบัญชาควรตรวจสอบการทำหน้าที่ด้วย เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นรถลูกชายด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ยืนยันว่า ครอบครัวไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลย ก็อยากจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วย ส่วนที่รถยนต์ของลูกชายที่ถูกตรวจค้นถึง ๒ ครั้งนั้น เพิ่งซื้อมาจากเต็นท์รถแห่งหนึ่งได้ประมาณ ๖ เดือนไม่รู้จะเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของคนเดิมหรือไม่” น.ส.ชุติมา กล่าวท้ายสุด

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๒๘ วันพุธที่ ๒๕ - วันอังคารที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕


964 1604