29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

June 25,2022

ฅนรักษ์ด่านขุนทดบุกอีกรอบ อ้างกรณีเหมืองโปแตชส่อพิรุธ

 

ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เข้ายื่นหนังสือต่อนายอำเภอฯ อีีกครั้ง ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเหมืองโปแตชส่อพิรุธ กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เข้ายื่นหนังสือต่อนายอำเภอด่านขุนทด เพื่อขอให้มีการตรวจสอบและชี้แจงกรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการทำเหมืองที่ไม่เป็นไปตามรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรณีการรั่วไหลของน้ำภายในอุโมงค์จุดเจาะเหมืองแร่โปแตช และการนำเกลือใต้ดินขึ้นมาขายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ประทานบัตรเลขที่ ๒๘๘๓๑/๑๖๑๓๗ โดยหนังสือได้พูดถึงปัญหาผลกระทบความเค็มที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่บริเวณโดยรอบจนชุมชนไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ บ้านเรือนถูกกัดกร่อน ไม่สามารถทำกินในที่ดินของตนเองได้เนื่องจากมีน้ำเค็มผุดในที่ดิน และเมื่อฝนขาดช่วง จะมีผลึกสีขาวขึ้นปกคลุมพื้นที่ทำกิน ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด มีข้อเรียกร้องต่ออำเภอด่านขุนทดและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบกำกับดูแลการทำเหมืองให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยให้ตรวจสอบทั้งหมด ๓ ประเด็น ได้แก่

๑.ขอให้มีการชี้แจงเร่งด่วนว่า บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ได้รับอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่โปแตช ของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ประทานบัตรเลขที่ ๒๘๘๓๑/๑๖๒๓๗ แล้วหรือไม่ เพราะในปัจจุบันได้มีการก่อสร้างส่วนต่อขยายออกมาแล้วเป็นบริเวณกว้าง และมีการกักเก็บน้ำ รวมทั้งก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งจากฐานข้อมูล ของศูนย์ข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับความเห็นชอบแต่อย่างใด

๒.ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีน้ำท่วมอุโมงค์ โดยร่วมกันระหว่าง หน่วยงานรัฐ และกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบ และหากเป็นความจริงต้องรีบแก้ไขในทันที

๓.ตรวจสอบกรณีลักลอบขายเกลือ ว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีการขออนุญาตถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมายหรือไม่ มีใบอนุญาตขนย้าย ใบอนุญาตซื้อขาย ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๖๐ หรือไม่ เพราะการนำเกลือไปขายย่อมส่งผลกระทบต่อการถมกลับ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญตามรายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ระหว่างรอการรับหนังสือจากเจ้าหน้าที่ ทางตัวแทนกลุ่มฅนรักบ้านเกิดด่านขุนทด เล่าถึงปัญหาผลกระทบในพื้นที่ เช่น ปัญหาเรื่องน้ำ โดยจากเดิมชาวบ้านหัวนา ต.หนองไทร เคยใช้ประปาของหมู่บ้านซึ่งมีราคาต่อหน่วย ๗ บาท แต่หลังจากมีเหมืองแร่ดำเนินกิจการ จนเกิดปัญหาน้ำเค็มปนเปื้อนแหล่งน้ำในชุมชน ทำให้ปัจจุบันในชุมชนต้องใช้น้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งมีราคาต่อหน่วยถึง ๒๕ บาท โดยชาวบ้านต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไปชั่วลูกชั่วหลาน

โดยในเวลา ๑๓.๓๐ o น. นายชยานนท์ สุวรรณทรัพย์ ปลัดอาวุโส หัวหน้ากลุ่มงานปกครอง เป็นตัวแทนนายอำเภอด่านขุนทด รับหนังสือจากชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด และชี้แจงว่า จากครั้งที่แล้วที่มีการมายื่นหนังสือต่อนายอำเภอ มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ ๑๑ (นครราชสีมา) ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๕ โดยมีการสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามข้อร้องเรียน และรับปากว่าจะดำเนินการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ตาม พี่น้องกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบตรวจสอบโดยเร็ว และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า หากมีการประชุมใดๆ ต่อจากนี้ ขอให้มีการจัดประชุมในพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้ทั่วกัน ไม่ใช่การส่งตัวแทนชาวบ้านไปเจรจากับเหมือง และเพื่อไม่เป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางให้แก่ชาวบ้านอีก

อนึ่ง หากมีความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๓๒ วันพุธที่ ๒๒ - วันอังคารที่ ๒๘ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

 


974 1605