20thApril

20thApril

20thApril

 

June 29,2022

อดีตข้าราชการค้าน‘พิธา’ หลังเทียบงบบำนาญเหมือนช้างป่วย เป็นปัญหาของประเทศ

ชมรมข้าราชการบำนาญบำเหน็จและผู้สูงวัย อำเภอครบุรี รวมกลุ่มสำแดงพลังไม่เห็นด้วยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีอภิปรายในสภาฯ ว่า งบเงินบำนาญของข้าราชการเกษียณ คือ งบช้างป่วย เผยการอภิปรายดังกล่าว กระทบต่อข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ ถูกมองเป็นปัญหาของประเทศ

เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๕.๐๐ น. ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี องค์ประจำอำเภอครบุรี นายอดิศักดิ์ ชนสูงเนิน (ชายน้อย) กรรมการชมรมข้าราชการบำนาญบำเหน็จและผู้สูงวัย อำเภอครบุรี จัดกิจกรรมปราศรัยเวทีสาธารณะ เพื่อคัดค้านกับแนวคิดจากคำอภิปรายของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร ประเด็รเงินบำนาญที่จ่ายให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ โดยมีกลุ่มอดีตข้าราชการและผู้สูงวัย ร่วมกิจกรรมกว่า ๒๐ คน

นายอดิศักดิ์ ชนสูงเนิน แถลงว่า “เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณราย จ่ายประจำปี ๒๕๖๖ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เป็นปีแห่งความหวังที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปาก งบประมาณปีนี้จึงเป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อและสำคัญ ถ้าเราจัดงบปีนี้ดีประเทศจะทะยานไปข้างหน้า เป็นจุดตัด จุดเปลี่ยนของประเทศ ถ้าจัดงบดี ประเทศจะทะยานไป ๑๐ ปี แต่ถ้าจัดงบไม่ดีประเทศก็จะเป็นทศวรรษที่สูญหาย เหมือนทศวรรษที่ผ่านมา งบปีนี้เป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้จะหลุดกรอบ เพราะรายได้ ๒.๔๙ ล้านล้านบาท ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก ๖.๙๕ แสนล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงการเก็บภาษีของเราถดถอยลง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ วงเงินงบประมาณ ๓ แสนกว่าล้านบาท คือรายจ่ายที่สูงเท่ากับกระทรวงศึกษาธิการทั้งกระทรวง นี่คือปัญหาของช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ โครงสร้างงบประมาณตั้งแต่ปี ๕๗ - ๖๕ งบประมาณ ๗๕% เป็นงบประจำทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในประเทศ การตั้งงบประมาณไม่ได้ตอบสนองกับวิกฤตหรือโอกาสในปีหน้าแต่อย่างใด นี่เป็นยาขมที่พวกเราทุกคนต้องกลืน เป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว เพราะทุกๆ ๑ บาท ที่เก็บภาษีและกู้มา ๔๐% กลายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ กับบำนาญข้าราชการ”

“การอภิปรายของคุณพิธา ถ้าฟังแค่นี้ดูแค่นี้ ก็ดูเหมือนว่าพี่น้องข้าราชการบำนาญกลายเป็นตัวปัญหา กลายเป็นตัวถ่วงงบประมาณในด้านอื่นๆ คุณพิธาคงลืมไปว่า ข้าราชการก็คือประชาชนคนของประเทศนี้ ยิ่งเมื่อปลดเกษียณแล้วเราก็เหมือนประชาชนคนสูงวัยของประเทศนี้ และเป็นคนสูงวัยใช้ชีวิตและพลังงานเพื่อประเทศชาติไปเกือบหมดแล้ว การจัดการเงินบำนาญในงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๖ แม้ว่าเป็นงบที่สูงแต่เป็นงบที่ใช้ดูแลประชาชนกลุ่มหนึ่งของประเทศ เป็นประชาชนที่เคยรับราชการรับใช้ประชาชนมาก่อน ค่าตอบแทนหลังเกษียณของเหล่าข้าราชการไม่ได้รับเต็มตามจำนวนเงินเดือนที่เคยอยู่ในตำแหน่ง แต่รับตามสัดส่วน ผู้พูดต้องไปหาข้อมูลจากข้อเท็จจริงที่ข้าราชการเกษียณได้รับจริงว่าเป็นร้อยละเท่าไหร่ของเงินเดือน”

นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า “นอกจากนี้คุณพิธายังบอกว่า ช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา เงินที่ใช้ไปกับบำนาญมากขึ้น ๒ เท่า โดยปี ๒๕๕๗ งบบำนาญอยู่ที่ ๑.๔ แสนล้านบาท ปี ๒๕๖๔ อยู่ที่ ๓ แสนล้านบาท ปี ๒๕๖๖ อยู่ที่ ๓.๒๒ แสนล้านบาท ตอนนี้เรามีข้าราชการเกษียณ ๘ แสนคน แต่ในปี ๒๕๘๐ จะมีข้าราชการเกษียณ ๑.๒ ล้านคน แค่บำนาญของบุคคลากรก็เกินงบประมาณที่จะใช้ไปเยอะมาก กระบวนการรัฐราชการ รัฐอุ้ยอ้าย จึงเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เราจะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างไร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าพูดแบบนี้เท่ากับว่า คุณพิธากล่าวหาข้าราชการบำนาญเป็นตัวปัญหา เป็นตัวถ่วงงบประมาณของประเทศ แต่ที่นักการเมืองโกงกิน นักการเมืองทุจริตคอรัปชั่นคุณพิธาไม่กล่าวถึง หรือแม้จะกล่าวถึงก็กล่าวถึงแบบเหนียมๆ นักการเมืองขี้ฉ้อ ข้าราชการไม่ดี มีอยู่จริง คนที่เป็นระดับผู้นำพรรคการเมืองต้องแยกให้ออก อย่าเหมารวมแล้วเอามากล่าวโจมตี”

“จากที่คุณพิธา อภิปรายว่า ๗๐% ของงบประมาณ ๓.๑๘ ล้านล้านบาท หมดไปกับอดีต เหลือใช้จริงไม่ถึง ๑ ล้านล้านบาท หรือ ๓๐% ที่จะนำมาฟื้นฟูประเทศ สร้างความหวังให้ประชาชน ถือว่าเป็นปัญหา แต่ยังสามารถทำให้ประชาชนมีความหวังได้ ด้วยการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ ยุติธรรม แต่พอดูรายละเอียดปรากฏว่า งบภาคการเกษตร ๕.๗ หมื่นล้านบาท เป็นการชำระหนี้ให้กับนโยบายประกันกับจำนำข้าวย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๕๑ การที่คุณพิธากล่าวเช่นนี้ นั่นหมายถึงคุณพิธาไม่ได้ให้ค่ากับอดีตที่สร้างปัจจุบัน คุณพิธามองไปแต่ข้างหน้ามองไกลจนลืมข้อเท็จจริงจากอดีตว่า ใครสร้าง ใครวางทางไว้ ส่วนหนึ่งในการสร้างประเทศสร้างฐานแห่งความก้าวเดินของประเทศ ก็คือข้าราชการที่วันนี้เป็นประชาชนสูงวัย ยังชีพด้วยเงินบำนาญ” นายอดิศักดิ์ กล่าว

“ถ้าคุณพิธาบอกว่า ประเทศจะมีความหวังประเทศต้องมีความเป็นธรรม ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ เมื่อนำงบประมาณที่ตั้งไว้ให้กับ EEC ๑.๑ หมื่นล้านบาท มาเทียบกับงบ SME ๒.๗ พันล้านบาท เป็นการตั้งงบที่ละเลยทุนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ยุติธรรม จึงเป็นปัญหาที่ทำให้ประเทศในช่วงที่ประชาชนควรจะมีความหวัง การฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะไม่ยุติธรรม ไม่สร้างสรรค์ และไม่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ตนไม่สามารถรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ได้ จากคำที่คุณพิธาพูดถึงความเป็นธรรม พูดถึงคนเล็กคนน้อย แต่คุณพิธามาค่อนแคะเหน็บแหนมกับงบเงินบำนาญข้าราชการ เป็นธรรมกับพวกเราแล้วหรือ การที่จะพยายามพูดว่า การจ่ายเงินบำนาญข้าราชการเกษียณเป็นสิ่งเลวร้ายของงบประมาณแผ่นดิน มันเป็นการละเลยคนเล็กคนน้อยที่เคยรับราชการหรือเปล่า นักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เขาพยายามพูดถึงสวัสดิการทั่วหน้าเสมอภาค แต่หัวหน้าพรรคการเมืองแบบคุณพิธา กลับมาใช้คำพูดเสียดสีกับข้าราชการเกษียณออกจากความเสมอภาคของสังคมสวัสดิการ ถ้าเรามุ่งเน้นคุณภาพชีวิตที่ดี มีการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็ก วัยกลางคน จนกระทั่งวัยชรา ต้องให้มีหลักประกันและความคุ้มครองทางเศรษฐกิจ สังคม กับกลุ่มผู้เปราะบางและผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงวัย คนพิการ และเด็ก สวัสดิการรัฐต้องมีอย่างทั่วถึง ให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกระจายประโยชน์สู่ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าเขาจะเป็นข้าราชการหรือคนที่ไม่ได้รับราชการมันเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกรัฐบาลควรทำ และทุกพรรคการเมืองต้องสนับสนุน น่าเสียดาย ที่เรื่องดีๆ อย่างนี้ หัวหน้าพรรครุ่นใหม่ คนหนุ่มอนาคตไกลอย่างคุณพิธากลับไม่คิดที่จะทำและสนับสนุน

นายอดิศักดิ์ กล่าวท้ายสุดว่า “คุณพิธา ก็เป็นนักการเมืองในสภา มีเงินเดือน มีเงินตำแหน่งทุกคน มีเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ มีค่าอาหาร ค่าของว่าง ค่าเดินทาง ค่าที่พักเบิกได้ มีคณะทำงานเบิกค่าใช้จ่ายจากรัฐ จึงไม่ค่อยได้รับความเดือดร้อน แต่ประชาชนและข้าราชการชั้นผู้น้อยทั้งที่อยู่ในตำแหน่งและเกษียณราชการแล้ว เป็นคนที่ที่รอความช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเฉพาะข้าราชการที่เกษียณแล้วเขาเดือดร้อน เพราะไม่มีเงินเดือนหลัก ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง มีแต่เงินบำนาญ ดังนั้น เขาจึงต้องพึ่งรัฐ รัฐที่พวกเขาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน เสมือนเป็นข้อต่อหรือโซ่กลางระหว่างรัฐกับประชาชน คุณพิธาอย่ามาดูหมิ่น อย่ามาค่อนแคะว่า งบเงินบำนาญของข้าราชการเกษียณ คือ งบช้างป่วย ตัวถ่วงประเทศเลย”

จากนั้น ชมรมข้าราชการบำนาญบำเหน็จและผู้สูงวัย อำเภอครบุรี ได้ออกแถลงการณ์โดยมีรายละเอียดว่า ด้วย ชมรมข้าราชการบำนาญ บำเหน็จและผู้สูงวัยอำเภอครบุรี ได้รับทราบข้อมูลการอภิปรายเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล การอภิปรายดังกล่าว กระทบต่อข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ มีอคติ มองว่าข้าราชการบำนาญเป็นปัญหาของประเทศ แม้ว่าจะไม่กล้าที่จะพูดว่า จะยกเลิกบำนาญของข้าราชการ แต่ก็ตอกย้ำว่า เป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว เป็นตัวถ่วง เป็นภาระของประเทศ ทำให้เหล่าข้าราชการบำนาญคิดไปไกลว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล ข้าราชการบำนาญและข้าราชการที่จะเกษียณในวันข้างหน้า จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน พรรคก้าวไกลอาจจะไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ว่ากว่าที่ข้าราชการจะได้รับบำนาญ จะต้องปฏิบัติราชการมาไม่น้อยกว่า ๒๕ ปี จึงจะเกิดสิทธิ พวกเราเหล่าข้าราชการบำนาญทุกสังกัด ล้วนเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติตลอดระยะเวลายาวนาน แต่มาถูกพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มากล่าวพาดพิง ตอกย้ำว่า เป็นภาระของประเทศ รู้สึกเสียใจต่อการอภิปรายในครั้งนี้ พวกเราขอเรียนย้ำว่า ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จะต้องต่อต้านการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด และไม่อาจยินยอมที่จะให้พรรคก้าวไกลปฏิบัติเช่นนี้อีกต่อไป

ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ ชนสูงเนิน เปิดเผยกับ ‘โคราชคนอีสาน’ เพิ่มเติมว่า “หลังจากนี้จะคอยติดตามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะมีท่าทีอย่างไร หากมีการเดินหน้าต่อในเรื่องนี้ ทางชมรมฯ ก็จะเดินหน้าเหมือนกัน คือ ยื่นเรื่องไปยังส่วนกลาง แต่ขณะนี้ขอดูท่าทีไปก่อนว่า จะเป็นอย่างไร ซึ่งการแสดงออกครั้งนี้ดีกว่านิ่งเฉย เดี๋ยวเขาจะคิดว่าสิ่งที่อภิปรายนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่จะผิดถูกอย่างไรขอให้ออกมาแถลงให้ชัดเจน”


851 1362