29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

August 06,2022

อยากกอดครั้งสุดท้าย วอนรัฐช่วย พาศพลูกกลับบ้าน

 

แม่ร่ำไห้วอนรัฐช่วยนำศพลูกแรงงานนวดแผนไทย เสียชีวิตที่ดูไบกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด เศร้าอยากกอดครั้งสุดท้าย


เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 นางบรรจง   แสวงวงษ์   อายุ 58 ปี  ชาวอำเภอโนนสุวรรณ  จังหวัดบุรีรัมย์   ผู้เป็นแม่ พร้อมญาติพี่น้องได้ออกมาวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กรมการกงสุล  ช่วยเหลือนำร่างนายเชาวลิต  เจริญสุข  หรือต้า  อายุ 35 ปี  ซึ่งเป็นสาวประเภทสองที่ไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศดูไบแล้วล้มป่วยเสียชีวิต   กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีและฌาปนกิจที่บ้านเกิด    เนื่องจากนายเชาวลิต  เดินทางไปแบบนักท่องเที่ยวไม่ได้ไปผ่านกรมการจัดหางาน  ทางครอบครัวญาติพี่น้องจึงไม่รู้ว่าจะต้องเดินเรื่องยังไง  และไม่รู้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากน้อยขนาดไหนถึงจะสามารถนำร่างนายเชาวลิต  กลับบ้านเกิดได้   ซึ่งหากเสียค่าใช้จ่ายสูงทางครอบครัวก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหน    เพราะผู้เป็นพ่อก็เสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเด็ก  แม่ต้องทำงานหาเลี้ยงลูก 3 คนลำพัง   ก็หวังจะพึ่งนายเชาวลิต  ซึ่งเป็นลูกคนโต  แต่ก็มาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ   ส่วนลูกสาวคนกลางก็แต่งงานไปอยู่กับครอบครัว   ลูกสาวคนเล็กก็ทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศดูไบเหมือนกัน  แต่หลังประสบปัญหาโควิดระบาดก็ไม่ค่อยมีงานเหมือนเมื่อก่อน   จากกรณีดังกล่าวทางครอบครัวจึงได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ   ช่วยเดินเรื่องพาร่างลูกกลับมาบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพที่บ้านเกิดด้วย  

 

นางบรรจง   ผู้เป็นแม่   เล่าทั้งน้ำตาว่า  นายเชาวลิต  เป็นลูกคนโตแต่เป็นสาวประเภทสองช่วงโควิดระบาดก็หางานทำลำบากก็มีเพื่อนชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบ  เพราะที่ผ่านมาลูกก็เคยไปแล้วครั้งหนึ่งก็พอได้เงินมาทำบุญให้พ่อที่เสียชีวิตและต่อเติมบ้านให้กับแม่   ลูกจึงตัดสินใจไปอีกครั้งก็ไปแบบนักท่องเที่ยวไม่ได้ไปผ่านกรมการจัดหางาน   เพราะคิดว่าจะได้เงินมาดูแลแม่และเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ก็เดินทางไปเมื่อปี 64 ที่ผ่านมา  แต่ครั้งนี้ลูกโทรมาบอกว่าไม่ค่อยมีงานเหมือนไปครั้งก่อนตนก็คอยให้กำลังใจลูกตลอดและบอกว่าถ้าไม่ไหวก็กลับมาหางานทำที่บ้าน   แต่ลูกบอกว่าขอทำต่ออีกสัก 2 – 3 เดือนแล้วจะกลับ  กระทั่งวันที่ 30 ก.ค.ลูกทีมาบอกว่าจู่ๆ ก็มีอาการเหนื่อยเหมือนจะไม่สบาย  จึงไปขออยู่กับน้องสาวซึ่งทำงานนวดอยู่อีกเมืองหนึ่งของดูไบ  ซึ่งน้องก็คอยดูแลหาอาหารและยาให้กิน เพราะไม่กล้าไป รพ.เนื่องจากไม่ได้ต่ออายุพาสปอร์ต  จึงนอนกินยารักษาตัวเองอยู่ที่ห้องนอนสาว  กระทั่งช่วงประมาณตี 2 ลูกสาวคนเล็กก็โทรมาหาตนเองว่า  พี่ชายอาการไม่ค่อยดีถึงขั้นอุจจาระปัสสาวะใส่ที่นอน  น้องสาวจึงตัดสินใจจะพาพี่ไป รพ. แต่ระหว่างจะประคองพี่ออกจากห้องพักพี่ก็ทรุดลงและสิ้นใจต่อหน้าน้องสาว   ตนก็พยายามตะโกนเรียกชื่อลูกชายผ่านวีดีโอคอลแต่ก็ไม่มีปาฏิหาริย์เพราะลูกได้เสียชีวิตไปแล้ว  ตอนนั้นยอมรับว่าช็อกทำใจไม่ได้  จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือนำร่างลูกกลับมาประกอบบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิด   หัวอกคนเป็นแม่ก็อยากเห็นหน้าและกอดลูกเป็นครั้งสุดท้ายแม้จะเหลือแค่ร่างที่ไร้วิญญาณของลูกก็ตาม  

 

ด้านนายสวาท   จำปาสาสว่างวงศ์   ซึ่งเป็นลุงของนายเชาวลิต  ที่เสียชีวิต  บอกว่า   จากกรณีหลานเสียชีวิตที่ดูไบ  ทางครอบครัวอยากจะนำร่างกลับมาบำเพ็ญูกุศลและฌาปนกิจที่บ้านเกิดตามประเพณี   แต่ด้วยฐานะทางครอบครัวค่อนข้างมีปัญหา  ประกอบกับหลานไม่ได้เดินทางไปผ่านกรมการจัดหางาน     ซึ่งสาเหตุที่หลานต้องไปทำงานต่างประเทศเพราะค่าแรงสูงกว่าในไทย  จึงดิ้นรนไปเพราะคิดว่าจะได้เงินมาดูแลแม่และสร้างความมั่นคงในครอบครัว   แต่กลับต้องมาเสียชีวิตทั้งที่ยังมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินไปทำงาน   จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือนำร่างของหลานกลับมาบำเพ็ญกุศลยังบ้านเกิดด้วย
 


713 1352