3rdMay

3rdMay

3rdMay

 

June 30,2023

“เพื่อไทย”หารือเอกชน ร่วม‘เปลี่ยนโคราช’ ดันสนามบิน‘กองบิน ๑’

 

พรรคเพื่อไทยรับฟังข้อเสนอภาคเอกขน พัฒนาสู่มหานคร เสนอย้ายสนามบินมากองบิน ๑ และดันหนนองเต็งเชื่อมอู่ตะเภา ประธานหอฯ ยอมรับเป็นการเมืองฉากใหม่ที่ไม่เคยมี ส่วนประธานสภาอุตฯ หวังหลังเป็นรัฐบาลจะไม่หายหน้า “ประเสริฐ” ลั่นวาจา อนาคตดึง “ก้าวไกล-ภูมิใจไทย” ผนึกพลัง ๑๙ ส.ส. “เปลี่ยนโคราช”

เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ พรรคเพื่อไทยจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับองค์กรภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา ณ อาคารหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวีรศักดิ์ (กำนันป้อ) หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์/คมนาคม นำคณะผู้สมัครส.ส.และว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรับฟัง อาทิ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล, นายโกศล ปัทมะ, นายศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของ ๑๓ องค์กรภาคเอกชน นำโดยนายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา นางธิดารัตน์ รอดอนันต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา นายธีระ เอื้ออภิธร นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดฯ เป็นต้น

ข้อเสนอภาคเอกชน
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ องค์กรภาคเอกชนได้นำเสนอประเด็นต่างๆ ดังนี้ ด้านการเกษตรมี ด้านอุตสาหกรรม ด้านคมนาคม ด้านการศึกษา ด้านการท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ เช่น น้ำประปาในเขตเมือง, การลดการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ในตัวเมือง (เสนอโดยหอการค้าฯ), ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, การแก้ปัญหาผู้ประกอบการ SML, การก่อสร้างโรงพยาบาลประกันสังคมโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตน เพราะปัจจุบันการบริการของโรงพยาบาลภาครัฐให้บริการไม่ทั่วถึง และล่าช้ามาก, การพัฒนาคนและพัฒนาคุณภาพชีวิต และการปรับขึ้นค่าแรง ๖๕๐ บาทหรือ ๔๕๐ บาท จะปรับอย่างไร หรือมีขั้นตอนอย่างไร

ร่วมเปลี่ยนโคราช
ก่อนปิดการประชุมนายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวสรุปว่า “ครั้งนี้เรามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนโคราชและนำโคราชเข้าสู่ความเป็นมหานคร ซึ่งการทำงานต้องทำร่วมกัน ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการเมืองในโคราชประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง เมื่อปี ๒๕๖๒ มี ๔ พรรคการเมือง ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในโคราชทั้งหมด ๑๕ ที่นั่งรวมกันทั้งส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ นับเป็นโอกาสที่ดี จะได้มีความเป็นเอกภาพและทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น หลังจากมีการรับรองส.ส.เรียบร้อยแล้ว ถ้าสามารถตั้งรัฐบาลได้เร็ว จะเชิญส่วนราชการเข้ามาหารือด้วย ร่วมกับภาคเอกชนและภาคการเมือง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาภาพเหล่านี้ไม่ค่อยปรากฏ ครั้งนี้คิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร จากนี้เราจะมาช่วยกันทำงานเพื่อโคราชให้สู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจเอาไว้ ก่อนที่จะมีการประชุมร่วมกับภาคราชการเราจะเชิญพรรคก้าวไกล ๓ คนเข้ามาด้วย และพรรคภูมิใจไทยอีก ๑ เสียง เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพทั้งหมด ส.ส.โคราชทั้ง ๑๖ คน รวมกับอีก ๓ ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะฉะนั้น ๑๙ เสียงที่มีในโคราชผมเชื่อว่าหากจะยกมือขอผ่านอะไร ผมว่าเป็นเรื่อง ถ้าเปรียบเป็นพรรคการเมืองก็ถือเป็นลำดับที่ ๔ เป็นรองแค่ประชาธิปัตย์ที่มี ๒๔ คน นอกนั้นเล็กกว่าเราหมด”

แถลงผลการหารือ
จากนั้นเป็นการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล, นางธิดารัตน์ รอดอนันต์ และนายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ร่วมแถลง โดยนายประเสริฐ กล่าวสรุปผลการหารือร่วมกับ ๑๓ องค์กรว่า มีข้อสรุปดังนี้ ๑.เพื่อให้การทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งใจเอาไว้ คือการผลักดันโคราชให้เข้าสู่มหานคร ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า จะตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาคการเมืองกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด และมีการติดตามการทำงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลักดันโครงการและนโยบายต่างๆ ที่จะมีพัฒนาโคราช

๒.การผลักดันนโยบายระดับชาติ ทางตัวแทนพรรคเพื่อไทยอยากให้ภาคเอกชนเข้าร่วมทำงานในส่วนการเมืองระดับชาติ เช่น การสนับสนุนให้เป็นกรรมาธิการ การแต่งตั้งในคณะอนุกรรมาธิการต่างๆ ที่มีหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเกษตร เป็นต้น ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรมีภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

๓.ถือเป็นหัวใจของการประชุม ที่ประชุมเห็นควรพัฒนาโคราชในด้านต่างๆ ๖ ประเด็น ดังนี้ ๑) ผลักดันเรื่องการเกษตร แก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่ขาดแคลนไม่เพียงพอ แก้ไขและปรับปรุงการประสานงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการผลิต การขาย การส่งออกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเตรียมเงินทุนงบประมาณยกระดับคุณภาพเกษตรกร การปรับปรุงสภาพดินที่มีสภาพเป็นกรด ให้ดีขึ้น และการบริหารจัดการน้ำอย่างพอเพียง แก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง

  
เสนอใช้สนามบินกองบิน ๑  
๒) การคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ต้องมีการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ให้เสร็จโดยเร็ว และควรเปิดใช้มอเตอร์เวย์ในช่วงที่มีการก่อสร้างเสร็จแล้ว เปิดเป็นช่องทางการจราจรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงอำเภอปากช่องเข้ามาสู่ตัวเมืองนครราชสีมาซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว เพื่อแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนมิตรภาพ (ทล.๒) ซึ่งปัจจุบันมีการสัญจรคมนาคมหนาแน่น ส่วนเรื่องสนามบินที่หนองเต็งได้มีการวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนกันอย่างมาก ขณะนี้มีหลายความเห็น และให้ไปพัฒนาสนามบินที่กองบิน ๑ เป็นสนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสาร และมีความคิดเห็นให้พัฒนาสนามบินหนองเต็งเพื่อเชื่อมโยงกับสนามบินอู่ตะเภา คิดว่าคณะทำงานชุดเล็กต้องไปศึกษาให้ละเอียดก่อน นอกจากนี้ในเรื่องรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่นั้น ในเขตเมืองนครราชสีมา กลุ่มภาคเอกชนยังมีความเห็นว่าควรยกระดับ ซึ่งหลายคนให้ความเห็นว่าเมื่อมีการยกระดับตอม่อแล้วควรมีการก่อสร้างทั้งรถไฟความเร็วสูงและทางคู่ในตอม่อเดียวกัน ซึ่งต้องนำไปหารือต่อไป

๓) ด้านการศึกษา โคราชเป็นเมืองมหาวิทยาลัย มี ๖ แห่ง มีหลักสูตรมากมายหลายอย่าง แต่ละหลักสูตรมีความหลากหลาย จึงมีความเห็นในเรื่องการเปิดหลักสูตรให้ตรงกับความเชี่ยวชาญของแต่ละมหาวิทยาลัย ตรงตามความต้องการของตลาด ส่วนนโยบายพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก ยกระดับคุณภาพชีวิตครูและนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงงบ อบต.ที่จะดูแลค่าอาหารเด็กนักเรียน ซึ่งทุกวันนี้จ่ายเงินค่าอาหารให้นักเรียนต่อคนๆ ละ ๒๙ บาท ถือว่าไม่เพียงพอ ควรได้บริโภคอาหารที่ไปบำรุงสมองมากกว่านี้  

 

โคราชต้องมีศูนย์ประชุม
๔) การท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์ องค์กรเอกชนนำเสนอถึง ๗ ด้าน แต่ละด้านมีความสำคัญทั้งสิ้น เช่น ส่งเสริมประชาสัมพันธ์เผยแพร่โคราชเมืองจีโอพาร์ค โดยสร้างความรู้ความเข้าใจและความสำคัญให้กับคนโคราช ตั้งแต่เยาวชนไปถึงประชาชน และการผลักดันให้โคราชเป็นไมซ์ซิตี้ โคราชไม่มีศูนย์การประชุมนานาชาติ เวลามีประชุมใหญ่ๆ ต้องไปขอนแก่น ศูนย์ประชุมนานาชาติจึงมีความจำเป็นต้องเกิดขึ้นที่โคราช โคราชเป็นเมืองใหญ่ ประชากรหนาแน่น สิ่งเหล่านึ้เป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ขอลงในรายละเอียด เช่น การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวหนาวนี้ที่โคราช เมืองแห่งดนตรี เมืองอีเวนต์ เมืองอาหารโลก รวมทั้ง พืชสวนโลกส่งเสริมการท่องเที่ยวแและพัฒนาการเกษตรยั่งยืน และการจัดอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ ๑๓ โคราชเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๖๘ จึงต้องผลักดันร่วมกันเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในโคราชให้มีความเหมาะสมและมีศักยภาพ

ช่วยเหลือเอสเอ็มอี
๕) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับข้อหารือกับภาคเอกชนว่า ได้รับหลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-๑๙ เอสเอ็มอีขาดสภาพคล่อง ควรมีการผลักดันตั้งกองทุนเอสเอ็มอีให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอไปยังรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันกองทุนฯ ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะสนับสนุนบ้าง แต่เป็นการสนับสนุนแค่ทุนขนาดใหญ่ เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ทุนขนาดเล็กที่ยังล้มลุกคลุกคลาน และต้องการเงินแต่เงินกลับมาไม่ถึง จึงเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องร่วมผลักดันร่วมกับภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหา

๖) การพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ โคราชโตมาก มีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยต่างๆ มากมาย และมี ๒ ประเด็นที่ภาคเอกชนอยากให้ทำคือมาตรการภาษีในการโอนการซื้ออสังหาฯ ที่เดิมกำหนดไว้ ๓ ล้านต้องการให้ขยายเป็น ๕ ล้าน และอยากให้มีการทบทวนเรื่องภาษีที่ดิน เพราะผู้ประกอบการได้รับผลกระทบกับโควิด จึงขอให้ทบทวนในเรื่องนี้ รวมทั้ง ผลักดันโคราชให้เป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด วันนี้โรงงานต่างๆ ใชัพลังงานไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส และอื่นๆ ฉะนั้น ถ้าโคราชเป็นเมืองที่ใช้พลังงานสะอาดก็จะสร้างโคราชให้เป็นเมืองน่าอยู่ นอกจากนั้นยังมีการเปิดประเด็นเรื่องโรงพยาบาลที่แออัด โรงพยาบาลประกันสังคม และการพัฒนา รพ.สต.

โคราชแข็งแรง
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล (กำนันป้อ) กล่าวเสริมว่า “โคราชใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไม่นับเมืองหลวง และวันนี้พรรคเพื่อไทยผลักดันให้มีส.ส.ในโคราชถึง ๑๕ คน เป็นโอกาสของโคราชและคนโคราชที่จะอยากให้ไปในทิศทางเดียวกัน จึงจะทำให้โคราชแข็งแรง เป็นมหานคร”

การเมืองฉากใหม่
นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมากสำหรับการเมืองฉากใหม่ของเมืองไทยและของโคราช เป็นการร่วมมือแบบใกล้ชิด และเลขาฯ บอกแล้วว่า จากนี้ไปการทำงานจะไม่อยู่เพียงแค่มารับเรื่องในวันนี้แล้วอีก ๔ ปีเจอกัน แต่เราจะมีการพูดคุยกันตลอดเวลา มีการตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมพัฒนาโคราชให้เป็นมหานคร วันนี้จึงเป็นฟ้าใหม่เป็นการเมืองมิติใหม่ ของการเมืองและภาคเอกชนที่เข้ามาทำงานร่วมกัน และภาคเอกชนเราทั้ง ๑๓ องค์กร รู้สึกดีใจ คิดว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้โคราชสามารถเติบโตและเป็นมหานครอย่างที่ทุกคนตั้งใจไว้  

 

หลังเป็นรัฐบาลอย่าลืม
ทางด้านนางธิดารัตน์ รอดอนันต์ กล่าวว่า “ภาคเอกชนทั้ง ๑๓ องค์กรอยู่ในภาคของการ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เราต้องการภาครัฐบาลในการกำหนดนโยบาย สร้างโอกาสในการขจัดปัญหาต่างๆ ที่เราเจอ เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจและทำธุรกิจออกมาได้ดี นำเม็ดเงินและความเจริญมาสู่โคราชของเรา วันนี้จึงดีใจมากที่มีโอกาสพูดคุยกันก่อนที่จะเป็นรัฐบาล และหลังจากเป็นรัฐบาลแล้วหวังว่าจะมีเวลาเจอพวกเราเพื่อรับฟังปัญหาของพวกเรา ถ้าสิ่งที่ท่านพูดเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าโคราชจะสามารถพัฒนาเป็นมหานครได้อย่างที่เอ่ยไว้”

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคเอกชน ในส่วนของเรื่องการเกษตรที่ได้รับฟังในวันนี้ที่ต้องการให้นำนวัตกรรมใหม่ๆ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยภาคเกษตร ทั้งในภาคการผลิตและอยากให้มีการคาดการณ์สภาพอากาศ เพื่อให้เกษตรกรได้รับผลผลิตที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เน้นในการนำเทคโนโลยีมาใช้ และน่าจะนำมาผลักดันและมีการทำงานต่อเนื่อง เพราะที่โคราชมีภาคเกษตรเยอะมาก คิดว่าในส่วนนี้จะสามารถผลักดันให้ดีขึ้น และในอนาคตยังจะต้องทำงานร่วมกันต่อไป

 

ผนึกกำลังส.ส.โคราช
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวท้ายสุดว่า หลังจากกกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการแล้ว เราจะมีการประชุมระดับจังหวัดนครราชสีมา และนครชัยบุรินทร์ เพื่อเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจให้เป็นทิศทางเดียวกันทั้งหมด จากนี้คงต้องผนึกกำลังผู้แทนเมืองโคราชทุกคน แต่จะเชิญพรรคก้าวไกล ๓ คน พรรคภูมิใจไทย ๑ คน เข้ามาเป็น ๑๙ ส.ส.ของเมืองโคราช ซึ่งจะสามารถผลักดันได้อีกหลายอย่าง สิ่งใดทำได้ก่อนเราจะเร่งทำให้ก่อน สิ่งใดที่จะทำได้ช้าเราจะนำเหตุผลมาคุยกัน ส่วนสิ่งใดที่ทำไม่ได้เลยจะนำมาบอก เพราะอาจจะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่สิ่งใดที่จะเร่งได้ภายในปีแรกจะทำให้เลย และจากนี้ไปการทำงานจะต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น

สำหรับองค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดฯ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฯ  ชมรมธนาคาร สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร ชมรมรถโดยสารประจำทาง สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย  บิสคลับ สมาคมโรงแรม สมาคมอสังหาริมทรัพย์ กรรมาธิการสถาปนิกอีสาน และสมาคมมิตรภาพไทย-จีน

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๒๗๕๔ วันที่ ๑๕ เดือนมิถุนายน - วันที่ ๑๔ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

 


1063 1,458