คุณยายร่ำไห้ วอนสื่อช่วยด้วย หลังถูกชาวบ้านประกาศเสียงตามสายหาว่าบุกรุกที่หลวง ทั้งที่เป็นที่ดินของตัวเองมีโฉนดถูกต้อง ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านเผย มีการซื้อขายให้ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมไว้ทำประปาหมู่บ้าน ขอตรวจสอบก่อนทั้งระบบ

เมื่อเวลา 14.30  น.วันที่ 15 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นางทองเบา น้อมมะณี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 ม.4 บ้านหนองแวงกลาง ต.โคกสง่า อ.พล จ.ขอนแก่น หลังนำเอกสารเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงและสื่อกลางสะท้อนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือด่วน 

นางทองเบา กล่าวว่า ตนเองมีโฉนดที่ดิน เลขที่ 22030 เล่มที่ 221 เนื้อที่ 1 งาน 23 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินที่มรดกของครอบครัวอยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน และไม่เคยซื้อขายและแบ่งแยกที่ดินให้ใคร แต่เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ นายประสาท สมศรีสุข เป็นผู้ใหญ่บ้านขณะนั้น ได้มาขอที่ดิน ในเนื้อที่เล็กน้อย เพื่อเจาะบาดาลแบบโยก ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านใช้กัน ซึ่งครอบครัวก็ไม่ขัด ข้องและยินยอมให้พื้นที่และเจาะบาดาลได้  ต่อมา ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมก็มาบอกว่า มีการสำรวจตาน้ำและพบว่า ตาน้ำอยู่ใกล้กับจุดที่เจาะบาดาลเดิม จึงขอที่ดินเพื่อทำประปาหมู่บ้าน โดยมีกรมทรัพยากรน้ำมาเจาะให้ จึงให้เจาะ และผู้ใหญ่บ้านรายเดิมก็ให้เงินมา 7,000 บาท บอกว่า เป็นสินน้ำใจ ที่ให้ใช้ที่ดิน และทำให้ชาวบ้านมีน้ำประปาใช้

"ทุกอย่างก็ผ่านไปกว่า 30 ปี ไม่เคยมีปัญหา ตนและครอบครัวรวมทั้งชาวบ้านก็มีน้ำใช้ และเสียค่าน้ำประปาเช่นกันทุกคน มีเพียงผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้าน เอาลวดหนามมาล้อมทำรั้วกั้นพื้นที่บริเวณที่ดินที่ตั้งน้ำประปา และล้อมจนชิดยุ้งข้าว ก็ไม่ได้ทักท้วง เพราะคิดว่า ล้อมไว้เป็นสัดส่วนเฉยๆ ต่อมาเมื่อปี 2564 รัฐบาลโดยกรมที่ดิน มีนโยบายออกรังวัดที่ดินให้ชาวบ้าน ที่ดินตนเลขที่ 22030 ก็ถูกรังวัดเช่นกัน แต่ช่วงที่มีเจ้าหน้าที่มารังวัดนั้น ไม่ได้อยู่ด้วย  จนกระทั่งเก็บรวบรวมเงินได้ 10,000 บาท จึงซื้ออิฐบล็อคมาล้อมรั้วที่ดินตัวเอง ล้อมมาถึงบริเวณที่มีการล้อมรั้วลวดหนามบริเวณที่ตั้งประปาหมู่บ้าน แต่ไม่สามารถตั้งเสาได้ จึงรื้อลวดหนามออก เพื่อจะทำรั้วอิฐบล็อก ก็ถูกผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน  มาทักท้วง และว่าบุกรุกที่ดินที่สาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน ทั้งยังใช้หอกระจายข่าว ประกาศให้ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อทำประชาชนคมเรื่องที่ดินดังกล่าว ทั้งยังบอกว่า จะจับติดคุก"

นางทองเบา กล่าวต่ออีกว่า เห็น หลักหมุดที่ดินมาฝังอยู่ในที่ดินของยาย จึงให้ลูกสาวขุดดู ก็พบว่า หลักหมุดเดิมก็ยังอยู่  แต่มีหลักหมุดใหม่มาฝังเพิ่มอีก ขยับเข้าไปในที่ดิน ห่างจากหมุดเดิมประมาณ 10 เมตร ในฐานะเจ้าของที่ดิน ที่มีโฉนดอยู่ ไม่รู้เรื่อง การฝังหมุดที่ดินเพิ่ม  จึงได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น สาขาพล ซึ่งเจ้าหน้าที่ ฝ่ายรังวัดที่ดิน แจ้งว่า ไม่ได้ปักหมุดใหม่และไม่มีการรังวัดที่ดินใหม่ ไม่มีการแจ้งขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดที่ดินของยายแต่อย่างใด ในขณะที่ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ได้นำชาวบ้านมายังที่ดินของตนเอง ต่อว่ายายต่างๆนานา พร้อมทั้งบอกว่าจะเอาเรื่อง และยายต้องติดคุกตอนแก่ เพราะยายบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน 

 ขณะที่นายศุภนิจ สมสกีสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน  กล่าวว่า  เรื่องที่ดินของนางทองเบานั้น มีรายละเอียดความเป็นมาอย่างไรนั้น ไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งเกิดเรื่องที่นางทองเบาจะทำรั้ว จึงทักท้วง เมื่อทักท้วงขึ้นมา นายประสาท สมศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านในอดีต ก็มาบอกว่า ที่ดินของนาวงทองเบาจุดที่ตั้งประปาหมู่บ้านนั้น ได้มีการซื้อมา ในราคา 7,000 บาท จึงได้เรียกชาวบ้านทำประชาคมในเรื่องดังกล่าว เพราะนางทองเบาจะทำการล้อมรั้ว ข้ามหลักหมุดที่ดิน เข้ามาในพื้นที่ที่ตั้งประปาหมู่บ้าน  ชาวบ้านไม่ยอม  จึงรายงานเรื่องทั้งหมดไปตามลำดับให้นายอำเภอทราบแล้ว และอยู่ระหว่างทางอำเภอหาทางแก้ไขอยู่