5thMay

5thMay

5thMay

 

March 05,2024

‘ฟางข้าว’ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรสร้างมูลค่า พื้นที่ ๔ จังหวัด “นครชัยบุรินทร์”

 

นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ ๕ นครราชสีมา (สศท.๕) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กรณีศึกษาฟางข้าว ในพื้นที่ ๔ จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยมีปริมาณฟางข้าวรวม ๔.๕ ล้านตัน ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในไร่นาจำนวนมากที่เกิดขึ้นหลังฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ได้ส่งเสริมให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง บริหารจัดการฟางข้าว โดยสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมูลค่า รวมถึงช่วยลดต้นทุนทางการเกษตร ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Circular Green Economy) ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน

 

นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ ๕ นครราชสีมา

จากการลงพื้นที่ของ สศท.๕ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรและผู้ใช้ประโยชน์จากในพื้นที่ทั้ง ๔ จังหวัด รวม ๑๙๖ ราย ได้แก่ เกษตรกรสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่สินค้าข้าวที่มีการจัดซื้อเครื่องอัดฟางข้าว ภายใต้โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ปี ๒๕๖๔ ที่ผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก ๒๕๖๕/๖๖ และข้าวนาปรังปี ๒๕๖๕ จำนวน ๑๕๖ ราย ผู้ประกอบการแปรรูป/ผู้รวบรวม จำนวน ๒๐ ราย และผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าว จำนวน ๒๐ ราย พบว่า มีการบริหารจัดการใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่าจากฟางข้าวของพื้นที่ ๔ จังหวัด ดังนี้ 

กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ส่วนใหญ่เกษตรกรจ้างรถอัดฟางข้าวของกลุ่มแปลงใหญ่ แล้วนำฟางอัดก้อนเก็บไว้  เพื่อทำปุ๋ย เพาะเห็ด เลี้ยงสัตว์ และวัสดุคลุมดิน ร้อยละ ๓๓.๖๓, ไถกลบฟางข้าวในนาเพื่อให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ย ร้อยละ ๒๙.๒๒ จำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนเองให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช และเพาะเห็ด ร้อยละ ๒๖.๓๒, จำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนให้กับกลุ่มแปลงใหญ่/วิสาหกิจชุมชนที่ตนเป็นสมาชิก ร้อยละ ๗.๙๐, จำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนให้กับผู้รวบรวมเอกชน ร้อยละ ๑.๙๖ และนำฟางข้าวไปใช้ประโยชน์โดยตรง เช่น ทำปุ๋ย เพาะเห็ด เลี้ยงสัตว์ และวัสดุคลุมดิน ร้อยละ ๐.๙๗ กลุ่มผู้ประกอบการแปรรูป/ผู้รวบรวม แบ่งเป็น กลุ่มแปลงใหญ่ข้าว/วิสาหกิจชุมชน เป็นผู้รับซื้อฟางข้าวจากเกษตรในพื้นที่และให้บริการอัดฟางก้อนในนาให้แก่เกษตรกรสมาชิก มีค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๓-๑๔ บาท/ก้อน (ไม่รวมค่าขนส่ง) เมื่อกลุ่มแปลงใหญ่อัดฟางก้อนเสร็จเรียบร้อยจะจำหน่ายให้กับผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าวทันที (จำหน่ายที่นา) ส่วนผู้รวบรวมฟางข้าวเอกชน จะรับซื้อฟางข้าวอัดก้อนจากเกษตรกรหลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าว 

 

สำหรับราคารับซื้อขึ้นอยู่กับฤดูกาลเก็บเกี่ยว สภาพความชื้นของฟางข้าว พันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูก โดยผู้รวบรวมเอกชนจะจำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนต่อให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช เพาะเห็ด บุคคลทั่วไป โรงแรม และรีสอร์ต เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าว เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อนำฟางข้าวใช้แทนหญ้าเนเปียร์ ลดค่าใช้จ่ายได้ ๑๐.๒๑ บาท/ตัว/วัน, เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม นำฟางข้าวใช้แทนอาหารหยาบ ลดค่าใช้จ่ายได้ ๔๓.๖๐ บาท/ตัว/วัน, เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา นำฟางข้าวใช้แทนอาหารปลาสำเร็จรูป ลดค่าใช้จ่ายได้ ๓,๐๒๕ บาท/ปี, เกษตรกรผู้ปลูกพืช นำฟางข้าวไปเป็นวัสดุคลุมดินแทนการใช้ผ้าสแลนกรองแสง ลดค่าใช้จ่ายได้ ๗๕๐ บาท/ปี และเกษตรกรผู้เพาะเห็ด นำฟางข้าวอัดไปเป็นวัสดุคลุมดินแทนการใช้ต้นกล้วยแห้ง ลดค่าใช้จ่ายได้ ๑,๘๐๐ บาท/ไร่/รอบการผลิต หรือแทนการใช้กากมันสำปะหลัง ลดค่าใช้จ่ายได้ ๖,๖๐๐ บาท/ไร่/รอบการผลิต

 

นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการ สศท.๕ กล่าวว่า ควรส่งเสริมให้เกษตรกรนำฟางข้าวมาใช้ประโยชน์มากขึ้น สร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลายหลาย ส่งเสริมการสร้างตรา   สินค้าฟางข้าว และการรับรองแหล่งที่มาเพื่อให้ผู้ใช้ประโยชน์เกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าและการต่อรองราคา รวมถึงการรักษามาตรฐานสินค้าฟางข้าว เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ พร้อมทั้งสนับสนุนและผลักดันไปสู่ช่องทางจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการเข้าถึงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันในการซื้อขายฟางข้าว สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ สนับสนุนองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรในการบริหารจัดการฟางข้าว ตั้งแต่การวางแผน กระบวนการผลิต และการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้จากฟางข้าว อย่างไรก็ตาม เกษตรกร ผู้ประกอบการแปรรูป/ผู้รวบรวม และผู้ใช้ประโยชน์ ควรทำประกันภัยขนส่งสินค้าฟางข้าว เพื่อป้องกันความเสียหายในระหว่างการขนส่ง 

 

สำหรับผู้สนใจข้อมูลเชิงลึกของผลการวิจัย การจัดการโซ่อุปทาน และแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กรณีศึกษาฟางข้าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.๕ โทรศัพท์ ๐๔๔-๔๖๕๑๒๐ อีเมล zone5@oae.go.th

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๒๗๖๒ วันที่ ๑๕ เดือนกุมภาพันธ์ - วันที่ ๑๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗


37 1,379