ศึกเลือกตั้งนครขอนแก่นระอุ หลัง “ธีระศักดิ์” วางมือแต่หนุน ‘ประสิทธิ์ ทองแท่งไทย’ เสี่ยพันล้านโรงโม่หิน ลงชิงชัย แข่งขันกับอดีตประธานสภาฯ อดีตรองนายกฯ และพรรคประชาชน กกต.ย้ำหากพบผิดฟันไม่เลี้ยง

สนามการเลือกตั้งเทศบาลนครขอนแก่น เป็นสนามการเลือกตั้งที่ได้รับความสนใจและเป็นที่น่าจับตามองอย่างมากของคอการเมืองทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่วัดฐานกำลังกันทั้งในส่วนของพรรคการเมืองชั้นนำระดับประเทศ และฐานการเมืองทุกระดับในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ กกต.ประจำเทศบาลขอนแก่น ได้รับรองการเป็นผู้สมัครรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ผู้สมัครทุกคนต่างเร่งลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก

เบอร์ ๑ นายวสันต์ ชูชัย

หากวัดฐานกำลังและกึ๋นของผู้สมัครนายกเทศมนตรีทุกคนเรียกได้ว่าต่างคนต่างมีดีและฐานกำลังสนับสนุนที่แตกต่างกันอย่างมาก เริ่มจากหมายเลข ๑ นายวสันต์ ชูชัย โดยชูจุดเด่นของการเป็นนักเคลื่อนไหวอิสระในพื้นที่ แต่ก็สอบตกมาทุกสนาม แต่ด้วยความชื่นชอบการเมืองและหวังจะอาสาเข้ามาทำงานการเมืองทุกครั้งเพื่อคนขอนแก่น สนามเลือกตั้งครั้งนี้แม้ไม่มีลุ้นแต่ก็มั่นใจว่าจะได้รับคะแนนสงสารและคะแนนนิยมของกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่างๆ จำนวนไม่น้อย และยังจะเป็นตัวแปรตัดคะแนนผู้สมัครทุกคนได้

เบอร์ ๒ นางสาวนันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ หรือเจ๊เต๊าะ

ต่อด้วยหมายเลข ๒ นางสาวนันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ หรือเจ๊เต๊าะ อดีตประธานสภาเทศบาลนครขอนแก่น ลงสมัครครั้งนี้ในนามกลุ่มรักพัฒนานครขอนแก่น กลุ่มการเมืองสำคัญของคนขอนแก่นที่ปั้นนักการเมืองทุกระดับมาอย่างต่อเนื่อง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงหมายมั่นปั้นมือที่จะครองตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่นให้ได้ ประกอบกับเจ๊เต๊าะเป็น ส.ท.ในพื้นที่มายาวนาน มากด้วยประสบการณ์ในการบริหารงาน ผ่านมาแล้วทั้งบู๊และบุ๋น รู้ปัญหา รู้แนวทางการแก้ไขและที่สำคัญยังคงครองใจคนเมืองขอนแก่นในทุกชุมชนมาโดยตลอด สนามเลือกตั้งครั้งนี้จึงหมายมั่นว่าจะคว้าตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของเทศบาลนครขอนแก่นได้แบบยกทีม

หมายเลข ๓ นายวรินทร์ เอกบุรินทร์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น สมัยนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯ การลงสนามครั้งนี้ลงในนามอิสระไม่ฝักใฝ่กับใคร แต่เมื่อมองดูฐานกำลังอันได้มาซึ่งคะแนนแล้ว คนเมืองน่าจะเทคะแนนให้ไม่น้อย เพราะความเป็นคนรุ่นใหม่ และชูนโยบายหาเสียงแก้ปัญหาคนเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะกวาดคะแนนคนเมืองได้ไม่น้อยเช่นกัน

หมายเลข ๔ นางสาวเบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร หรืออ๊อฟ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี ในสังกัดพรรคประชาชน สนามการเมืองแรกของเจ้าตัว ที่ได้รับแรงหนุนจากกระแสคนรุ่นใหม่ที่กล้าเข้ามาเปลี่ยนและดำเนินงานทางการเมืองตามที่พรรคประชาชนและคณะก้าวไกลได้กำหนดไว้ โดยมีฐานคะแนนสำคัญของ ส.ส.พื้นที่สนับสนุน แต่ด้วยการเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ การที่จะหวังเฉพาะคะแนนนิยมของพรรคหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นในสนามนี้ไม่ง่าย แต่ละคะแนนที่จะได้นั้นเรียกว่าลมจับแน่ ดังนั้น ส.ส.พื้นที่จะต้องเข้ามาช่วยหาเสียงและอ้อนขอคะแนนคนเมืองมาให้ได้

เบอร์ ๕ นายประสิทธิ์ ทองแท่งไทย

หมายเลข ๕ นายประสิทธิ์ ทองแท่งไทย อดีตรอง นายก อบจ.ขอนแก่น หัวหน้ากลุ่มขอนแก่นมหานคร ทายาทเสี่ยพันล้านแห่งโรงโม่หินเทพประทานพร ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ที่วางมือและออกแรงหนุนเสี่ยพันล้านรายนี้ลงสนามการเมือง หวังเป็นตัวตายตัวแทนและพัฒนาขอนแก่นสู่ความเป็นมหานคร แต่ด้วยการที่นายประสิทธิ์ไม่เคยลงสนามการเมืองท้องถิ่นที่นี่ แม้จะได้รับแรงหนุนจากอดีตทีมบริหาร อบจ.ขอนแก่น, อดีตทีมบริหารเทศบาลนครขอนแก่น สมัยที่ผ่านมา และนักธุรกิจบางกลุ่ม แต่คนในชุมชนแทบจะไม่รู้จัก จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่จะดันผู้สมัครหน้าใหม่คนนี้อย่างมาก

ในขณะที่นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่นที่เพิ่งหมดวาระ กล่าวว่า ตนตัดสินใจมานานแล้วที่จะวางมือทางการเมืองหลังรับใช้พี่น้องประชาชนคนขอนแก่น ตั้งแต่เป็นสมาชิกสภาฯ เมื่อปี ๒๕๓๘ กระทั่งได้รับความไว้วางใจจากคนขอนแก่นให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ มาถึงปีนี้ ๒๕๖๘ จึงขอวางมือและกลับไปอยู่กับครอบครัว เพราะสิ่งที่อยากทำตามความไว้วางใจของคนขอนแก่นได้ทำทั้งหมดแล้ว ทำให้ขอนแก่นมีชื่อเสียง ได้รับการพัฒนา ความไว้วางใจจากระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ จากกิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่เข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะวางมือทางการเมือง แต่ก็ขอสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ที่สนใจการเมือง ในชื่อกลุ่มขอนแก่นมหานคร เป็นการผสมผสานกันระหว่างคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาฯ ชุดเดิม กับผู้สมัครหน้าใหม่ ที่มีทั้งนักธุรกิจ นักประชาธิปไตย ผู้นำชุมชน และผู้ที่เป็นที่รู้จักของคนในชุมชน ซึ่งอาสามาร่วมกันทำงานทางการเมืองในการที่จะพัฒนาขอนแก่นต่อไป

สำหรับการเลือกตั้งสนามเทศบาลนครขอนแก่นในยุคของการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการพื้นฐานในเขตเมืองที่ยังไม่เสร็จ เป็นกระแสดราม่าของทีมบริหารชุดที่ผ่านมา ประกอบกับการยกระดับเมืองให้เป็นมหานครที่ยังคงป็นความหวังของหลายหน่วยงานและคนในชุมชนว่าจะออกมาแบบใด และที่สำคัญคือการนำเสนอนโยบายการพัฒนาที่ล้วนต่างงัดกลยุทธ์เด็ดของแต่ละคนนั้นจะต้องตามความต้องการของประชาชนในชุมชนหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ผู้สมัครทุกคนนั้นจะต้องฝ่าฟันและก้าวผ่านในจุดนี้ให้ได้

อย่างไรก็ตาม สนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และส.ท.นครขอนแก่น มีทั้งหมด ๔ เขตเลือกตั้ง มีส.ท.ได้ทั้งหมด ๒๔ คน (เขตละ ๖ คน) ครั้งนี้มีผู้สมัคร ส.ท. จำนวน ๗๓ คน แยกเป็นเขตเลือกตั้งที่ ๑ จำนวน ๑๙ คน, เขตเลือกตั้งที่ ๒ จำนวน ๑๘ คน, เขตเลือกตั้งที่ ๓ จำนวน ๑๘ คน และเขตเลือกตั้งที่ ๔ จำนวน ๑๘ คน  ส่วนผู้สมัครนายกเทศมนตรีมี ๕ คน ในพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่นมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ๗๙,๕๙๘ คน จำนวน ๑๑๘ หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งนายวิทยา ภูโยสาร ผู้อำนวยการ กกต.ประจำเทศบาลนครขอนแก่น มั่นใจว่า ในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ จะมีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่า ๗๐% และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์และยุติธรรม

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๕๐ ฉบับที่ ๒๗๗๔ วันที่ ๑๕ มีนาคม - วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘