การเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าหรือโรงงาน (Site Selection) ถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจ มันไม่ใช่แค่การหาพื้นที่เช่าราคาถูก แต่คือการวางรากฐานของประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั้งหมดของคุณ การเลือกที่ผิดพลาดอาจหมายถึงต้นทุนการขนส่งที่บานปลาย, ปัญหาคอขวดในการดำเนินงาน, หรือแม้กระทั่งการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยในบรรดาทำเลทองรอบกรุงเทพมหานคร สองจังหวัดที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันเสมอคือคลังสินค้าให้เช่าอยุธยา และ สมุทรสาคร คำถามที่ว่า "ที่ไหนดีกว่ากัน?" ไม่สามารถตอบได้ทันทีหากไม่เข้าใจ DNA ของธุรกิจคุณ เพราะทั้งสองพื้นที่มี "คาแรคเตอร์" และความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อยุธยา ทำเลเชื่อมต่อภาคเหนือ–อีสาน เหมาะกับคลังเก็บและกระจายสินค้า

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็น Strategic Location ด้านโลจิสติกส์ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) และทางหลวงหมายเลข 32 (เอเชีย) ไปยังจังหวัดสำคัญอย่างสิงห์บุรี อ่างทอง นครสวรรค์ หรือแม้แต่ลำปาง–เชียงใหม่ได้โดยตรง

นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น นิคมไฮเทค บ้านหว้า บางปะอิน และบางปะหัน ซึ่งเป็นฐานการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ คลังสินค้าให้เช่าอยุธยาจึงเหมาะกับผู้ประกอบการที่

• ต้องการใช้เป็น ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Hub) ครอบคลุมภาคกลางตอนบน–เหนือ
• มีธุรกิจที่ต้องเชื่อมต่อกับโรงงาน OEM หรือซัพพลายเออร์ในนิคมอุตสาหกรรม
• ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในราคาค่าเช่าที่ “ประหยัดกว่า” สมุทรสาคร

ค่าเช่าเฉลี่ยของคลังสินค้าให้เช่าอยุธยาอยู่ที่ราว 100–160 บาท/ตร.ม./เดือน (ขึ้นอยู่กับสเปกอาคารและระยะทางจากถนนหลัก) ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับการเก็บสินค้าระยะกลาง–ยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจต้องการขยายพื้นที่เก็บของโดยไม่เพิ่มภาระต้นทุนมากนัก

สมุทรสาคร ทำเลทองของคลังโลจิสติกส์ฝั่งตะวันตก ใกล้ท่าเรือ–นิคมชายฝั่ง

ในอีกด้านหนึ่ง สมุทรสาคร ถือเป็นทำเลที่โดดเด่นด้าน “การเข้าถึงกรุงเทพฯ และท่าเรือ” โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ อาหารทะเล แปรรูป สินค้านำเข้า–ส่งออก และอีคอมเมิร์ซฝั่งตะวันตกของกรุงฯ

จุดแข็งของสมุทรสาครคือ

• ใกล้ ท่าเรือคลองเตย–ท่าเรือแหลมฉบัง (ผ่านเส้นพระราม 2 และมอเตอร์เวย์ M7)
• อยู่ไม่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ เช่น Big C, Makro, Shopee Xpress และ DHL
• มีแรงงานอุตสาหกรรมและแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้หาแรงงานง่าย
• ระบบสาธารณูปโภคครบ ทั้งถนน 4 เลน ไฟฟ้าแรงสูง และโครงข่ายขนส่งเชื่อมต่อไปภาคใต้

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในสมุทรสาครมักสูงกว่าอยุธยา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 160–250 บาท/ตร.ม./เดือน เนื่องจากความต้องการพื้นที่สูงและใกล้เมืองหลวงมากกว่า ผู้ประกอบการที่เลือกทำเลนี้จึงควรเน้นธุรกิจที่ต้องการ ความรวดเร็วในการกระจายสินค้าและขนส่งสินค้าส่งออก มากกว่าการเก็บสินค้าระยะยาว

เลือกทำเลให้เหมาะกับ “กลยุทธ์โลจิสติกส์” ของธุรกิจ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่าคลังสินค้าให้เช่า “อยุธยา” และ “สมุทรสาคร” ต่างก็มีจุดแข็งในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ที่คุณต้องการวาง

หากธุรกิจของคุณเน้น การเก็บสินค้าระยะกลางถึงยาว ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในราคาค่าเช่าที่คุ้มค่า และมีแผนขยายกิจการในอนาคต ทำเลอยุธยาจะตอบโจทย์มากกว่า ด้วยพื้นที่ที่ยังเหลือเฟือ ราคาค่าเช่าที่ประหยัดกว่า และความเชื่อมโยงกับนิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่งในภาคกลางตอนบน

ในทางกลับกัน หากคุณต้องการ คลังสินค้าที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ท่าเรือ และเหมาะกับธุรกิจที่ต้องกระจายสินค้าเร็ว เช่น อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ หรืออุตสาหกรรมอาหารและสินค้าส่งออก สมุทรสาครคือทำเลที่มีความได้เปรียบด้านความสะดวกในการขนส่ง แม้ต้นทุนค่าเช่าจะสูงกว่า แต่สามารถชดเชยได้ด้วยความรวดเร็วและประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์

โดยสรุป คลังสินค้าให้เช่าอยุธยาคือคำตอบของธุรกิจที่ต้องการ “ขยายและประหยัด” ขณะที่สมุทรสาครเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ “เร็วและใกล้ตลาดหลัก” การเลือกทำเลที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของราคา แต่คือการวางรากฐานโลจิสติกส์ที่สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว.