18thNovember

18thNovember

18thNovember

 

November 11,2025

ผู้ประกอบการโคราชโอดครวญ กม.ห้ามนั่งดื่มหลังหกทุ่ม หวั่นธุรกิจภาคกลางคืนพัง

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายไพจิตร มานะศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการบริหารโครงการซิตี้ลิงค์ ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ว่า ประเด็นที่เป็นผลกระทบทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบล่วงหน้ามากกว่านี้ การประกาศใช้ข้อบังคับกฎหมายค่อนข้างข้างกะทันหัน ทำให้ผู้เกี่ยวข้องปรับตัวค่อนข้างลำบาก ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับป้ายแดง ระบุห้ามนั่งดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาจำหน่าย ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ก่อนหน้านี้ข่าวปรับเวลาจำหน่ายให้นานขึ้นและยกเลิกจำกัดเวลาช่วงเวลา 14.00-17.00 น. แต่กลับมาจำกัดเวลาทำให้ทั้งคนขายคนดื่มสับสน ล่าสุดสมาชิกหอการค้าที่เป็นผู้ประกอบการได้ส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นายไพจิตร มานะศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการบริหารโครงการซิตี้ลิงค์

 
ฝากให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจผู้ประกอบการ ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน เช่นสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ตรงไหนผิดกฎหมาย ซึ่งการออกกฎหมายต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษีด้วย หากเป็นฝ่ายรัฐอย่างเดียวก็ได้ความจริงไม่คลอบคลุมและแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ล่าสุดหอการค้าโคราชได้ทำหนังสือแจ้งไปถึงหอการค้าไทย เพื่อให้ส่วนกลางและฝ่ายรัฐรับทราบปัญหาความเดือดร้อนและร่วมขับเคลื่อนในวินวินทั้งสองฝ่าย

 

"ทั้งนี้สภาพโดยรวมของธุรกิจกลางคืนในเมืองโคราชอยู่ในสภาวะซึมยาวกว่า 15 ปี ก่อนหน้านี้เมืองโคราชค่อนข้างคึกคักและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมากแต่ประสบมรสุมหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน เราเข้าใจในบทบาทหน้าที่ แต่ความเป็นจริงได้ส่งผลกระทบให้ธุรกิจกลางคืนที่เงียบเหงาซบเซาแล้วมาเจอมาตรการใหม่อีก ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจวิกฤตกว่าเดิมอีก" นายไพจิตร กล่าว

 

นางวาธิณี ใจมั่น หรือ "จูลี่ทองไล" อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน "จ๊าบ 90" ถ.จอมสุรางค์ยาตร์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็น กรณี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 กำหนดข้อห้ามบริโภคแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ขาย 00.00–11.00 น. และ 14.00–17.00 น.ว่า " คิดอะไรอยู่ดีกว่าค่ะ" คำถามแรกขอถามกลับเหมือนกันคิดอะไรอยู่ เศรษฐกิจแบบนี้การจำกัดช่วงเวลา หากเป็นกลางวันสามารถบังคับใช้ได้ไม่ว่ากัน แต่กลางคืน ให้ปิด 6 ทุ่ม คนเที่ยวนอนเร็วขึ้นเกิดผลดีอย่างไร แต่ผลเสียทั้งร้านข้าวต้ม ร้านลาบ ฯลฯ ถูกกระทบเป็นวงกว้าง หรือต้องการให้เราตั้งนาฬิกาไว้เลย 6 ทุ่มปุ๊บกดกริ่งนาฬิกาลูกค้าต้องออกทันทีมันควรไหม" มันใช่หรือเปล่า โทษปรับ 10,000 บาท ในเศรษฐกิจแบบนี้คิดอะไรอยู่ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรการเข้านอนเร็วเกิดส่งเกิดผลดีอย่างไรส่งผลดีอย่างไรผลเสียเห็นทั่วบ้านทั่วเมืองไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้แน่นอน

นางวาธิณี ใจมั่น หรือ "จูลี่ทองไล" อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน "จ๊าบ 90"

"ส่วนการปรับตัวให้อยู่ได้ในกฎหมายนี้บอกตรงๆ ไม่อยากปรับเลย เวลาขายก็ค่อนข้างน้อยกว่าคนจะเข้ามาร้านมีเวลาเแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ไม่รู้จะปรับตัวยังไง อยากให้แก้ไข พ.ร.บ.มากกว่า ขอให้เห็นใจคนทำมาหากินกลางคืนด้วย นอนเร็ว 2 ทุ่ม 3 ทุ่มนอนไป ภาคกลางคืนที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด" นางวาธิณี กล่าว

ด้าน นายธวัชชัย  อัครวงศ์วัฒนา หรือเชฟบัส ผู้ประกอบการ ร้าน 8 Dining ตลาดเมย์แฟร์ ตั้งอยู่ในโครงการซิตี้ลิงค์ ถ.มานะศิลป์ ย่านธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มชื่อดังเมืองโคราช ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ว่า สถานการณ์ขณะนี้ธุรกิจภาคกลางคืนทั้งคลับ บาร์ ร้านข้าวต้ม ฯลฯ ต่างได้รับผลกระทบอยู่กันแบบประคับประคองกระท่อนกระแท่น ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวผ่อนปรนให้เปิดได้ถึงตี 4 และขายเหล้าตอนกลางวันได้ พฤติการณ์ดื่มแล้วขับเป็นกฎหมายสากล ใครทำผิด ใครละเมิดก็จับดำเนินคดีเป็นรายๆ แต่งดขายเป็นช่วงเวลา เมืองนอกหรือประเทศที่พัฒนาแล้วก็ไม่มีกฎหมายห้ามแต่อย่างใด ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซา ภาคกลางคืนค่อนข้างหนักหน่วง เราก็พยายามยื้อกันมาสักระยะ แต่มาเจอกฎหมายแบบนี้อีก ธุรกิจจะไปรอดกันไหม ล่าสุดลูกค้าและคนที่รู้จักมักคุ้นตั้งคำถามเยอะมา หลังหกทุ่มยังทานได้เหมือนเดิมไหม เหล้า เบียร์เหลือจะเข้ามาดื่มต่อได้หรือเปล่า ตำรวจจะมาจับก็ต้องเสียค่าปรับกับเสียประวัติอีก ลูกค้าส่วนหนึ่งไม่กล้าออกมาเหมือนเดิม

นายธวัชชัย  อัครวงศ์วัฒนา หรือเชฟบัส เจ้าของร้าน 8 Dining

 

"ทั้งนี้อยากทราบคนที่ออกกฎหมาย อย่าเหมารวมอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุรา ทั้งผู้ผลิต ผู้ขายถือเป็นอาชีพสุจริต อย่างมองดูไม่ดี อย่าเหมารวมเมาสุราแล้วเป็นคนไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่มสุราชุมชนสินค้าจีไอภูมิปัญญาท้องถิ่นและมีร้านขายนำมาต่อยอด สามารถพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจพื้นฐาน ท่านออกกฎหมายแบบนี้มามันเกิดผลกระทบต่อหลายชีวิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ มิใช่แค่ธุรกิจกลางคืน" เชฟบัส กล่าว

นายศักดิ์ชัย จามรสุริยา รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา

ทางด้าน นายศักดิ์ชัย จามรสุริยา รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะดูแลธุรกิจท่องเที่ยวและเอสเอ็มอี ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ว่า ขณะนี้ได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและร้านอาหารเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดต้องการทราบเหตุผลของผู้ที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณา กลั่นกรองกฎหมายฉบับนี้ คิดหน้าคิดหลังไหม อย่าเหมารวมคนดื่มสุราจะเป็นกลุ่มคนไม่ดี การห้ามดื่มนอกเวลาขาย ได้สร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการและประชาชน สร้างความตื่นตระหนกและสับสนความชัดเจนการบังคับใช้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเขาใหญ่ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว และตัวเมืองโคราช

"รายได้หลักส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจท่องเที่ยวที่สัมพันธ์กับสถานบันเทิง สถานบริการโรมแรมที่พัก ร้านอาหาร ฯ แต่สถานการณ์ล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลง ยิ่งช่วงไฮซีซั่น ความหวังจะมีรายได้ในส่วนนี้ กลับมีข้อห้ามออกมาประกอบกับสถานทูตหลายประเทศ แจ้งเตือนพลเมืองประเทศเขาระมัดระวังการกระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากรัฐบาลนิ่งเฉยไม่ลงมือทำอะไรจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและเอสเอ็มอีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" นายศักดิ์ชัย กล่าว


อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน (11 พฤศจิกายน 2568) นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีการแชร์ข้อมูลที่เป็นกระแสข่าวบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับ เรื่อง การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย ณ สถานที่ขาย ซึ่งตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มาตรา 32 ห้ามผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่หรือบริเวณที่จัดบริการเพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ในเวลาที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามมาตรา 28 ทั้งนี้ คณะกรรมการควบคุมจะประกาศกำหนดเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นใด ๆ เท่าที่จำเป็นก็ได้ 

นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

นายแพทย์มณเฑียร กล่าวต่อว่า เดิมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ได้มีการกำหนดเวลาขายและเวลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ สถานที่ขาย มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 โดยมีการกำหนดโทษทางอาญา ทั้งจำคุกและปรับสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรให้มีการยกเลิกประกาศดังกล่าว และนำหลักการมากำหนดไว้ในกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 จึงเป็นที่มาของมาตรา 32 ดังนั้น กฎหมายใหม่เพียงยกเลิกกฎหมายเก่าที่ซ้ำซ้อนหรือใช้มานานแล้ว แต่ข้อห้ามยังคงเดิม อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่กำหนดเป็นโทษทางอาญาเปลี่ยนเป็นโทษปรับเป็นพินัย ซึ่งการกำหนดค่าปรับจะพิจารณาให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริง เช่น อายุ ความประพฤติ อาชีพ เป็นต้น และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถกำหนดข้อยกเว้นเพิ่มเติมเท่าที่จำเป็นได้ 

ด้าน นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่อง การใช้ตราสินค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับตราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กระทำการที่อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32/3 ห้ามผู้ใดโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น หรือโฆษณาโดยการนำเอาชื่อ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตัด ต่อ เติม หรือดัดแปลงข้อความให้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น ทั้งนี้ ในลักษณะที่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าหมายความถึงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการกระทำความผิดของผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชน ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายสามารถร้องเรียนได้ที่ เว็บไซต์ TAS โดยสามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ http://tas.go.th หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422  

 


39 280