February 10,2016
ราษฎรเดือดร้อนหนักไร้ที่อยู่ เหตุถูกหลอกขายฝากโฉนด
ราษฎรกว่า ๕๐๐ ราย ถูกนายหน้าหลอกจะใช้หนี้ให้และส่งไปทำงานต่างประเทศ โดยนำโฉนดวางค้ำไว้ อ้างดอกเบี้ยเพียงร้อยละ ๔ เมื่อไถ่คืนกลับพบว่าถูกขายให้นายทุนแล้วพร้อมยอดเพิ่มกว่า ๕ เท่า วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือ หลังมีราษฎรถูกฟ้องคดีและยึดที่ดิน
จากเหตุการณ์ที่ราษฎรกว่า ๕๐๐ ราย อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอภูเขียว และอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ถูกนายหน้าอ้างจะช่วยใช้หนี้หรือส่งผู้ที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศแลกกับการนำโฉนดที่ดินมาวางค้ำขายฝากไว้ก่อน ซึ่งสามารถใช้คืนได้โดยเสียดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ ๔ แต่ภายหลังเมื่อให้เงินคืนจนครบแล้วไปขอโฉนดคืน กลับพบว่าถูกขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุนรายอื่นทำให้เกิดหนี้สูงจากเดิมกว่า ๕ เท่า จากยอดนำไปขายฝากไว้รายละ ๑.๒-๒ แสนบาท มียอดหนี้เพิ่มสูงกว่ารายละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปจนถึงกว่า ๑ ล้านบาท บางรายถูกฟ้องคดีและยึดที่ดิน จึงวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางจังหวัดและกระทรวงยุติธรรม เร่งลงพื้นที่สำรวจปัญหาเพื่อให้การช่วยเหลือนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ นายชูศักดิ์ ตรีสาร ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดชัยภูมิ นำคณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากตัวแทนราษฎรที่เดือดร้อน ซึ่งนายชูศักดิ์ กล่าวว่า “จากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น กลุ่มราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในหลายพื้นที่มีไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ราย และคาดว่ายังมีผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิอีกจำนวนมาก จึงขอให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวรีบมาแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งลงไปดำเนินการช่วยเหลือทางคดี ก่อนที่จะได้รับผลกระทบโดยการถูกตามยึดบ้านและที่ดินตามมาอีกจำนวนมาก”
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ราษฎรหลงเชื่อคนง่าย ทั้งคนที่ไม่เคยรู้จักหรือคนที่มาขอดำเนินการในลักษณะนี้ แนวทางการช่วยเหลือป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้ ได้แจ้งไปที่ผู้นำชุมชนท้องที่ให้ไปทำความเข้าใจต่อราษฎรว่า อย่าหลงเชื่อไปทำสัญญาขายฝากที่ดินกับกลุ่มคนที่เข้ามาลักษณะนี้อีกจะเป็นการดี เพื่อช่วยกันลดปัญหาและป้องกันการถูกหลอกได้ดีที่สุดอีกด้วย
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่จังหวัดชัยภูมิที่ประชาชนถูกหลอก และเข้าข่ายถูกฉ้อโกงในลักษณะนี้เป็นปัญหาอันดับ ๑ ของประเทศ การเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อเร่งรวบรวมปัญหาทั้งหมด แล้วไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการควบคู่กันไปด้วย เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือทางกระบวนการยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างรวดเร็วต่อไป แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เนื่องจากจะทำให้เสียรูปคดี
ขณะที่นางวิไรวรรณ บุญเจือ อายุ ๖๓ ปี ราษฎรบ้านลาดใหญ่ ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หนึ่งในราษฎรที่ถูกหลอกครั้งนี้ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงประมาณ ๑ ปีที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนทำทีเป็นนายหน้าเข้ามาในหมู่บ้านเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๑ คน มาตระเวนสอบถามคนในหมู่บ้านว่ามีใครเป็นหนี้สินทั้งในและนอกระบบบ้าง รวมทั้งผู้ที่ไม่มีเงินทุนแต่อยากไปหางานทำในต่างประเทศก็จะมีเงินทุนมาช่วยล้างหนี้ให้ หรือหากต้องการกู้ยืมก็สามารถนำโฉนดบ้านและที่ดินที่มีไปทำสัญญาฝากไว้ได้ จนกว่าจะนำเงินมาคืนทั้งต้นและดอกเบี้ย โดยคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ ๔ เท่านั้น
นางวิไรวรรณ กล่าวอีกว่า ได้นำโฉนดที่ดินและบ้านของตนเองไปฝากไว้ และขอให้นำเงินไปใช้หนี้ที่สหกรณ์การเกษตรฯ ให้ จำนวน ๑.๘ แสนบาท ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ได้พยายามนำเงินไปชดใช้เพื่อขอโฉนดที่ดินคืน แต่กลายเป็นว่าโฉนดที่ดินกลายเป็นชื่อของนายทุนที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอ้างว่าได้ซื้อโฉนดที่ดินของตนไปแล้วในราคามากกว่า ๘ แสนบาท และที่ดินดังกล่าวได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้ว อีกทั้งมีหมายฟ้องร้องบังคับคดีให้ตนเองออกจากที่ดินและบ้านภายในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจากนี้ไปตนก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
“มีราษฎรถูกหลอกในลักษณะเดียวกันจากนายหน้าและนายทุนกลุ่มนี้อีกจำนวนมาก และอีกนับร้อยรายก็มีการถูกบังคับฟ้องร้องให้ออกจากที่ดินของตนเองไปแล้วตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๘ จนต้องไร้ที่อยู่ จึงอยากจะฝากขอความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบดำเนินการโดยด่วน เพราะราษฎรไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องมาถูกหลอกในลักษณะนี้ได้ รวมถึงไม่อยากให้คนอื่นๆ ตกเป็นเหยื่อและไปหลงเชื่อการทำสัญญาในลักษณะขายฝากที่ดินแบบนี้อีก” นางวิไรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๔๑ วันเสาร์ที่ ๖ - วันพุธที่ ๑๐ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙
755 1,436